Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องของรถประจำทาง

บันทึกของคนเดินเท้า

เรื่องของรถประจำทาง

“ เทพารักษ์ “

ในภาวะที่ราคาน้ำมันในเมืองไทย ขยับสูงขึ้นไปทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ อย่างทุกวันนี้ คนเดินดินที่ไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม และผู้มีฐานะเดียวกันอีกหลายล้านคนนั้น ก็ต้องอาศัยบริการของรถรับจ้างสาธารณะ ตั้งแต่รถมอร์เตอร์ไซค์ หรือแมงกะไซ ตามตรอก ซอกซอย ซึ่งน่าจะใช้บริการในระยะทางใกล้ ๆ เพราะรถมอเตอร์ไซค์นั้น มีอันตรายสูงมากที่สุด สำหรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะวิ่งไปชนใครหรือถูกใครเขาชน ที่จะไม่เจ็บเป็นไม่มี และผู้ขับขี่ก็มักจะขับ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเสียด้วย เอาเร็วอย่างเดียว ชั่วเวลาในเทศกาลสำคัญเพียงไม่กี่วัน ก็จะมี คนบาดเจ็บล้มตายลง ด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์ มากกว่าทหารอเมริกันที่เสียชีวิต ในการทำสงครามกับ ผู้ก่อการร้ายหลายเท่า

รถสามล้อเครื่องหรือรถตุ๊กตุ๊กนั้นค่อยปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็มีอันตรายจากควันพิษที่พ่นออกมาจากท่อไอเสียของรถเมล์ ในเวลาที่ไปจอดต่อท้ายรอติดไฟแดงเป็นเวลานาน ๆ ส่วนรถแท็กซี่นั้นเป็นรถโดยสารที่มีความสะดวกสบายที่สุด เพราะมีการปรับอากาศเย็นกายเย็นใจ และไม่ต้องต่อราคาเหมือนเมื่อก่อน จะไปใกล้หรือไกลก็คิดราคาตามมิเตอร์ ที่หมุนตามระยะทางและเวลาที่ใช้จริง แต่ก็แพงมากสำหรับผู้ใช้บริการที่มีเบี้ยน้อยหอยเล็กทั้งหลาย

รถเมล์หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า รถโดยสารประจำทาง จึงเป็นพาหนะที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้คนในบ้านเมืองใหญ่ทั้งหลาย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีผู้อยู่อาศัย ใกล้จะถึงสิบล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้


รถเมล์นั้นมีหลายชนิดตั้งแต่รถเอกชนร่วมบริการคันเล็ก ซึ่งเรียกว่ามินิบัส ที่เปลี่ยนแปลงมาจากรถสองแถว เมื่อก่อนบรรทุกคนจนท้ายเกือบครูดถนน และล้อหน้าแทบจะลอยพ้นพื้น ซึ่งแม้ตัวรถจะวิวัฒนาการขึ้น แต่พฤติกรรมของผู้ให้บริการทั้งคนขับและผู้เก็บเงินค่าโดยสาร ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

รวมทั้งรถโดยสารของเอกชนคันใหญ่สีแดงคาดเหลือง ซึ่งแปลงโฉมเป็นสีขาวคาดน้ำเงินฟ้าเหลือง และรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขส.มก.สีแดงคาดขียวด้วย จะมีผู้ใช้บริการมากที่สุด เพราะคิดราคาย่อมเยา แต่ก็ได้ขึ้นราคามาสามสี่ครั้งแล้วในรอบสองสามปีที่ผ่านมา

รถของ ขส.มก. นั้น ได้พยายามปรับปรุงคุณภาพของการบริการ ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชน ด้วยการกำหนดวิธีบริการ ให้ได้มาตรฐานที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งอังกฤษ เช่นการพูดที่ไพเราะ การออกรถและจอดนิ่มนวล บางสายที่แล่นผ่านสถาบันสอนคนตาบอด จะมีการขยายเสียงบอกเส้นทาง เช่น สายสิบสอง เศรษฐการ ราชวิถี อนุสาวรีย์ ห้วยขวาง เป็นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการทางสายตาเป็นอันมาก แต่สำหรับคนขับและกระเป๋าหรือกระปี่ อาจเป็นโรคประสาทได้ ถ้าต้องทนฟังไปทุกป้ายตลอดระยะทางอันยาวไกล

ส่วนรถเอกชนร่วมบริการอีกชนิดหนึ่ง สีน้ำเงินคาดเหลือง ส่วนใหญ่เป็นรถปรับ อากาศ เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง ตามแต่อายุของรถ

สำหรับรถปรับอากาศของ ขส.มก.เองที่เรียกว่ารถยูโรสีเหลืองส้ม นัยว่าเป็นการลดมลภาวะบนท้องถนน เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดเพราะปรับอากาศได้เย็นจัด เป็นที่ถูกใจผู้ใช้บริการมาก

รถบริการสาธารณะชนิดสุดท้าย ก็คือรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่าไมโครบัสของบริษัทเอกชน ซึ่งจัดให้ผู้โดยสารได้นั่งตลอดทาง ไม่มีที่ยืน ตัวรถเล็ก ที่นั่งน้อย เมื่อไม่มีที่ยืนก็รับผู้โดยสารได้จำกัด รายได้จึงไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ก็ขึ้นราคาไม่ได้ เพราะผู้โดยสารซึ่งสมัยนี้เรียกว่าผู้บริโภค ไม่มีเงินจ่ายหรือเรียกว่าไม่มีกำลังซื้อ จึงพากันไม่ใช้บริการ เนื่องจากรถชนิดนี้จะมีเส้นทางที่วกวนอ้อมไปมา ยาวนาน ยิ่งในกรณีที่รถติดไม่เลือกเวลาอย่างปัจจุบัน ผู้ที่ขึ้นจากต้นทางไปปลายทาง คงจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์เย็นเป็นอย่างยิ่ง ส่วนผู้ที่ขึ้นลงในระยะสั้น ก็คิดว่าแพงเกินไป

มีรถโดยสารที่ ขส.มก. คิดจัดให้เป็นรถพิเศษ อีกสามประเภท คือรถที่มีทางลาดสามารถจะรับผู้พิการที่นั่งรถเข็นได้ รู้สึกว่าจะมีตัวอย่างให้ดูคันหนึ่ง แล้วก็เงียบหายไป คงจะเดาได้ว่า ผู้โดยสารประเภทนี้ที่จะลากสังขารออกมาขึ้นรถเมล์ น่าจะมีน้อยเต็มที

อีกประเภทหนึ่งคือรถเมล์เฉพาะสตรี คือห้ามไม่ให้บุรุษทั้งสุภาพและไม่สุภาพ ขึ้นรถคันนี้เด็ดขาด ตอนแรกจัดเฉพาะเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม แต่ก็ไม่ค่อยมีผู้โดยสาร เพราะสตรีส่วนมากก็มักจะไม่ค่อยมาคนเดียว อาจจะมากับแฟนหรือสามี หรือน้องชายหรือบุตรชายก็ได้ และถึงจะมาคนเดียวถ้ามัวแต่คอยรถประเภทนี้ ก็คงจะไปถึงที่หมายผิดเวลาไปมาก จึงจำต้องขึ้นปนไปกับผู้โดยสารอื่น ๆ โดยยอมเสี่ยงภัยเอาเอง ตามกรรมของตน รถประเภทนี้จึงหายไป เช่นเดียวกับรถ นักเรียนเหมือนกัน

รถอีกประเภทหนึ่งเรียกว่ารถวัฒนธรรม ไม่ทราบว่าจำกัดผู้โดยสารหรือเปล่า รู้สึกว่าพนักงานเก็บค่าโดยสาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ากระเป๋าหรือกระปี๋ จะต้องไหว้เคารพผู้โดยสารเมื่อตอนก้าวขึ้นมาด้วย เช่นเดียวกับแอร์โฮสเตส ของการบินไทย ซึ่งดูออกจะมีมารยาทมากเกินไปหน่อย เลยหายหน้าไปเหมือนกัน

ความจริงถ้า ขส.มก. ซึ่งได้คิดเครื่องแบบพนักงานขับรถ พนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร และนายตรวจ ให้มีความสวยงามกว่าเดิม มีขีดเครื่องหมายสีเงินบนอินทรธนูเสื้อเชิร์ตสีขาว ราวกับเจ้าพนักงานบนเครื่องบินแล้ว น่าจะพยายามอบรมให้พนักงานบนรถโดยสาร มีมารยาทที่ดี สมกับเป็นคนไทย ไว้อวดชาวต่างชาติ และก็น่าจะอบรมเสียให้หมดทุกคน แล้วคัดเลือกเอาแต่ผู้ที่สอบผ่าน บรรจุเข้าบริการประชาชน ดังที่เราได้เห็นอยู่บ้างบนรถปรับอากาศบางคัน ซึ่งผู้เก็บค่าโดยสารจะกล่าวสวัสดีกับผู้โดยสารที่ขึ้นใหม่ พร้อมกับคำว่าเชิญค่ะหรือเชิญครับ และกล่าวขอบคุณต่อผู้โดยสารที่กำลังจะลงป้าย แค่นี้ก็ชื่นใจสำหรับผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่งแล้ว

ต่อมาทาง ขส.มก.ได้มีมาตรการลดราคาให้แก่ผู้สูงอายุ ที่ขึ้นรถโดยสารทุกประเภท ครึ่งหนึ่งเฉพาะค่าโดยสาร ส่วนค่าแอร์ไม่ลด แต่ก็ยังความปิติยินดีแก่ผู้อาวุโสที่กระย่องกระแย่งมาขึ้นรถเมล์เป็นอันมาก

มาถึงบัดนี้ทางราชการได้มีมติ ที่จะช่วยลดค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยอย่างหนึ่งในหกประการ คือให้ขึ้นรถเมล์สีครีมแดง ที่ชอบเรียกกันว่ารถร้อน ฟรีทุกสายโดยให้ฟรีคันเว้นคัน ตลอดเวลา ประชาชนผู้เฒ่าเล่านั้งจึงพลอยได้อานิสงค์เพิ่มขึ้นไปกับเขาด้วย.......เสียอย่างเดียว

ลดให้เพียงหกเดือนเท่านั้นเอง.

##########


############






































Create Date : 04 สิงหาคม 2551
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 9:31:17 น. 5 comments
Counter : 471 Pageviews.

 
หกเดือนก็ยังดีค่ะ
.
เมื่อวันเสาร์ ออกจากบ้านมาทำธุระ เห็นตาสี ตาสา ยายมี ยายมา (ขออนุญาตใช้คำนี้นะคะ ไม่ได้ดูถูกเขา แต่ทำให้คนอ่านเห็นภาพพจน์ดี) พากันมาใช้บริการรถเมล์ฟรี เสมือนมานั่งรถเล่นเข้าเมือง ไม่รู้จะไปไหนหรอก แกขึ้นมาแล้วก็เกาะขวางอยู่หน้าประตูรถ เพราะกลัวลงไม่ทัน
.
เราก็ได้ใช้บริการรถเมล์ฟรีเหมือนกัน เพราะบ้านอยู่ใกล้ต้นสายรถเมล์ ก็เลยเลือกได้ว่าจะขึ้นรถฟรี หรือเสียกะตังค์

คุณเจียวได้ใช้บริการกะเขาหรือยังคะ


โดย: คนปากน้ำ (คุณน้ำตาล ) วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:11:48:37 น.  

 
เมื่อวันที่ ๓ ส.ค.ใช้ไปสองสายครับ

วันนี้ ๔ ส.ค.ใช้สาย ๓๒ ครั้งเดียวครับ

รู้สึกว่าคนจะตั้งใจรอมากขึ้นนะครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:20:14:53 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:10:47:19 น.  

 
เข้าไปดูในบล็อกมาแล้วครับ ยังไม่ต้องใช้บริการเลยครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 สิงหาคม 2554 เวลา:6:22:02 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:12:45:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.