*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
กฎหมายในภาวะฉุกเฉินของสหรัฐฯ กับ การปฏิรูปตำรวจ ....

ช่วงนี้ ผมรับงานวิจัยร่วมกับกลุ่ม iLaw เพื่อสำรวจว่า นับแต่มีการประกาศใช้ กม.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาสักสองสามปีมานี้ มีคนได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะบ้านเมือง ถูกประกาศให้ "อยู่ในภาวะฉุกเฉินอย่างร้ายแรง" ซึ่งผมเชื่อว่า นักกฎหมายและคนธรรมดาสามัญที่มีสติดี ๆ ทั่วไป ก็คงมองไม่ออกว่า บ้านเมืองมันอยู่ในเงื่อนไขที่เรียกว่า "สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง" หรือ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" ได้อย่างไร

นักกฎหมายมหาชนชั้นนำในเมืองไทย ต่างมีความเห็นตรงกันว่า แม้ในช่วงการชุมนุมประท้วงรัฐบาลนั้น รัฐบาลก็ไม่อาจจะประกาศภาวะฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้เลย เพราะไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะสนับสนุนข้ออ้างในการประกาศใช้ กล่าวคือ ไม่เป็นไปตามหลักสัดส่วน และ ไม่มีความจำเป็นต้องทำกันขนาดนั้น นอกจากการประกาศใช้ กม.ดังกล่าว เพราะขจัดอุปสรรคในการปฏิบัติตามเงื่อนไขตามกฎหมาย อันเป็นอุปสรรคในการคุ้มครองชีวิตและเสรีภาพของประชาชนเท่านั้น หรือ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ทำงานได้ง่ายขึ้น แม้กระทั่งการถืออาวุธสงครามมาใช้ และเล็งยิงไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ถูกอ้างว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย"

คนที่มีหัวใจเป็นธรรม จะถามต่อไปว่า "ผู้ก่อการร้ายอะไร ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ มีเพียงหนังสติ๊กในมือ" แล้วก็นอนตายเหมือนหมู เหมือนหมา แบบนั้น ขอให้ทหาร ช่วยไปตรวจสอบประวัติบุคคลที่ตายในสภาพดังกล่าวหน่อยได้ไหมว่า เขาเคยมีประวัติ "ก่อการร้าย" หรือ "ก่อการรัก" อย่างไรบ้าง อย่าไปใส่ร้ายเขาให้เจ็บใจ เจ็บช้ำ เหมือนที่ทำกับคนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่สองสามร้อยปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเลย

ผมได้เริ่มลงมือค้นหาข้อมูล พบว่า ในปี ๒๕๕๓ มีสถานีวิทยุโทรทัศน์ และ เวปไซต์ต่าง ๆ รวมถึง URL ที่ถูกบล๊อก หรือ ปิดกั้นไปแล้ว กว่า ๔๓,๐๐๐ แห่ง และ กำลังดำเนินการต่อไปอีกกว่า ๓,๐๐๐ ที่อยู่ ถ้าคำนวนเล่น ๆ นี่ครึ่ีงปี ก็ ๔.๓ หมื่น อีกครึ่งปี ก็คูณสอง แบบง่าย ๆ นะครับ ก็น่าเชื่อว่า ยันเสร็จสิ้นการประกาศใช้ กม. ฯ ภาวะฉุกเฉินฯ นี้ น่าจะทะลุไปกว่า ๖๐,๐๐๐ แห่ง หรือ ถ้าประกาศใช้ยัน ธ.ค. ปี ๕๔ ก็น่าจะทะลุหลักแสน .... แซงประเทศจีน คอมมิวนิสต์ อย่างแน่นอนครับ ...น่าภาคภูมิใจนะครับ ประเทศไทยที่อ้างตนเองว่า เคารพหลักประชาธิปไตย และ เสรีภาพ ฯ ทุกประการ กระทำการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารได้ขนาดนี้

ทุกองค์กร รวมถึง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็นิ่งเงียบ จนผมสงสัยว่า เรายังมีคณะกรรมการสิทธิฯ กันอยู่หรือเปล่า และ ถ้ามี ยังสมควรจะมีต่อไปหรือไม่ รวมถึง องค์กรศาลไทยด้วย เพราะท่านไม่เคยมีความจริงใจในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเลย เมื่อมีคดีฟ้องเกี่ยวกับการปิดกั้นสื่อ ท่านพิพากษาแบบเด็กปี ๑ คณะนิติศาสตร์ ตอบข้อสอบได้เพียง ๑ หรือ ๒ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ว่า รัฐบาลมีอำนาจเด็ดขาดในการดำเนินการใดตาม กม. ฯ ฉุกเฉินฯ

ท่านไม่ทราบหรือว่า ศาลมีอำนาจทบทวน หรือ Judicial Review ทั้งในแง่ เนื้อหากฎหมายว่าขัดหลักรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ ยังมีอำนาจพิจารณาว่า การใช้อำนาจตามกฎหมายดงกล่าวของรัฐบาลเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ได้แก่ หลักความจำเป็น และ หลักสัดส่วน ถ้าแม้ กม.ฯ ฉุกเฉินฯ มีเนื้อหา ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำของรัฐบาล ไม่ชอบด้วยเงื่อนไขของกฎหมาย ย่อมเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ (Unconstitutional) แต่ท่านพิพากษาเพียงว่า รัฐบาลทำได้ทุกอย่าง ............ ผมอ่านคำพิพากษาแล้ว ผิดหวังอย่างแรง ไม่ทราบว่า ไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจ หรือเพราะเหตุใด แต่ถ้าเด็กปี ๑ ที่ผมสอน กม.อยู่ ตอบข้อสอบแบบนี้ อย่างมาก ก็คงได้แค่น้ำหมึก สัก ๑ คะแนน เท่านั้น




เล่าเรื่องงานวิจัยต่อ เพราะมันเกี่ยวพันกับเสรีภาพเกี่ยวกับสื่อในสังคมไทย เลยไปศึกษา กม.ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในของสหรัฐฯ กับ จีน และ แนวนโยบายการปิดกั้นสื่อฯ หรือการรับรู้ข่าวสารของประชาชน ในสังคมที่เป็นคอมมิวนิสต์ และ ประชาธิปไตย มาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ประเทศไทย กำลังเป็น ..... ผมเลยหยิบ กม.สหรัฐ ที่เกี่ยวกับ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในของสหรัฐอเมริกา มาแปะไว้ใน บล๊อกนี้ สักนิดครับ

กม.นี้ อยู่ใน TITLE ที่ 6 ในหมวด DOMESTIC SECURITY
บทที่ 1 โดย กม.นี้ กล่าวถึง การจัดตั้ง HOMELAND SECURITY ORGANIZATION และ นิยาม ตลอดจนถึงอำนาจต่าง ๆ ของหน่วยงานนี้ ตัวอย่างเช่น คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" ที่ไม่ใช่ "ผู้ก่อการรัก" ดังนี้


(16) The term "terrorism" means any activity that--

(A) involves an act that--

(i) is dangerous to human life or potentially destructive of critical infrastructure or key resources; and
(ii) is a violation of the criminal laws of the United States or of any State or other subdivision of the United States; and

(B) appears to be intended--

(i) to intimidate or coerce a civilian population;
(ii) to influence the policy of a government by intimidation or coercion; or
(iii) to affect the conduct of a government by mass destruction, assassination, or kidnapping.

โดยย่อ ได้แก่ การดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำการที่เป็นภยันตรายต่อชีวิตมนุษย์ หรือ จะมีผลอย่างแน่แท้ในการทำลายสาธารณูปโภคหรือทรัพยากรสำคัญของชาติอย่างร้ายแรง และ เป็นการกระทำที่ละเมิดหรือขัดต่อกฎหมายอาญาของสหรัฐฯ และ

การกระทำดังกล่าวข้างต้น จะต้องปรากฎว่า เป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการข่มขู่หรือภัยคุกคามต่อพลเรือน หรือ ต้องการบังคับรัฐบาลโดยวิธีการเดียวกัน หรือ การกระทำที่เป็นการทำลายล้างอย่างร้ายแรง การลอบสังหาร หรือ การลักพาตัว




ลองไปเปรียบเทียบกับ มาตรา ๑๓๕/๑ ของไทยเองแล้วกันครับว่า จะเทียบกันได้หรือไม่ หรือ กม.ไทย ขาดความชัดเจน ตามหลัก Principle of Legality คือ อ่านแล้ว ชัดเจน เข้าใจได้ ถึงขนาดที่ว่าคนที่โง่ที่สุดจะเข้าใจได้หรือไม่ หรือ อ่านแล้วมันคลุมเครือ (Vagueness) ขนาดที่ว่า หาเส้นแบ่งระหว่าง การทำร้ายร่างกายปกติ ตาม ป.อาญา ๒๙๕ กับ มาตรา ๑๓๕/๑ ไม่ได้เลย หรือ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ตกลง มาตรา ๑๓๕/๑ ในวรรคแรกที่ว่า การกระทำผิดอาญาดังต่อไปนี้ ... จะต้องมีความชัดเจนว่า ความผิดอาญาที่ระบุไว้นั้น จะต้องมีความชัดเจนว่า เป็น กม.อาญา มาตรใด ของกฎหมายใด อย่างชัดเจนหรือไม่ ... ?




อย่างไรก็ตาม เมื่อหันไปมอง กม.การบริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน ของสหรัฐอเมริกาแล้ว พบว่า มันเป็นคนละเรื่องกับความหมายในไทยเลย เพราะ สถานการณ์ฉุกเฉินของ สหรัฐอเมริกา จะหมายถึง สภาวะที่บ้านเมืองมีภัยพิบัติ เช่น จากพายุ หรือ หายนะทางธรรมชาติ ฯลฯ ไม่ใช่ เพราะ การชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาของประชาชน แล้วนำกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในภาวะฉุกเฉินฯ ที่มีความมุ่งหมายจะไปใช้กับสถานการณ์การก่อความไม่สงบ หรือ การแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ มาใช้กับกระบวนการเรียกร้องทางการเมือง แบบไทย ๆ ๆ

โดย กม.การบริหารราชการในสภาวะฉุกเฉินของสหรัฐอเมริกา มีหัวข้อหรือประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

NATIONAL EMERGENCY MANAGEMENT

มาตรา 311. Definitions

มาตรา 312. Definition

มาตรา 313. Federal Emergency Management Agency

มาตรา 314. Authority and responsibilities

มาตรา 314a. FEMA programs

มาตรา 315. Functions transferred

มาตรา 316. Preserving the Federal Emergency Management Agency

มาตรา 317. Regional Offices

....,

มาตรา 321g. Conduct of certain public health-related activities

มาตรา 321h. Use of national private sector networks in emergency response

มาตรา 321i. Use of commercially available technology, goods, and services

มาตรา 321j. Procurement of security countermeasures for Strategic National Stockpile


...,


มาตรา 321m. Voluntary private sector preparedness accreditation and certification program






ตามหัวข้อข้างต้น นั่นก็คือ ให้มีหน่วยงานของรัฐบาล ที่เรียกว่า FEMA ขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนมีที่พึ่งพิงในยามมีภัย โดยอาจจะใช้กำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ ไม่ใช่นำกำลังทหาร มาปราบปรามผู้ชุมนุมทางการเมืองแบบไทย ๆ ของเรา ที่หลายกลุ่ม ให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่แปลกมาก เพราะว่า หากเหตุการณ์เช่นที่เกิดในประเทศไทย ไปปรากฎในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ประเทศเยอรมัน กล่าวคือ หากมีการสั่งการให้ทหาร มาปราบปรามประชาชนในลักษณะที่เกิดขึ้น เหล่าทหารหาญ เหล่านั้น จะหันกลับไปถามผู้สั่งการว่า ท่านอาศัยอำนาจอะไรมาสั่งการ และ อำนาจนั้น ชอบด้วยหลักกติกาสากลระหว่างประเทศหรือไม่ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่ และสุดท้าย ชอบด้วยหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพทหารที่จะต้องเคารพหลักการแห่งประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างเคร่งครัด


ทหารเยอรมันจะได้รับการสั่งสอนแบบให้เป็นทหารรักประชาธิไตยและกฎหมายอย่างมืออาชีพ เพราะระบบการสอนที่เรียกว่า การทำลายความเป็นทหาร หรือ Demilitarilization ให้ทหาร เป็นเพียง Civilian in Uniform เท่านั้น การกระทำในลักษณะนี้ จะไม่เกิดขึ้นในประเทศที่เจริญแล้วเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด ในโลกประชาธิปไตย เขาจึงต้องมีการฝึกฝนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาจัดการควบคุมการชุมนุมให้สงบเรียบร้อยตามวิถีประชาธิปไตย ไม่ใช่ "สงบเรียบร้อย" แบบไทย ๆ

แม้จะใช้ตำรวจในการควบคุมการชุมนุม ผมก็เชื่อว่า แม้รัฐบาลจะสั่งให้ตำรวจทำร้ายประชาชน ตำรวจมืออาชีพ ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนไม่ให้ทำร้ายประชาชน (แม้ตำรวจจะรีดไถประชาชน เพื่อปากท้องของตนเองบ้าง) แต่ตำรวจก็จะไม่ยิงประชาชนอย่างเด็ดขาด ... คำสั่งในลักษณะนี้ ตำรวจก็จะไม่ทำตามอย่างแน่นอน ไม่ว่าตำรวจในประเทศไทย หรือ ตำรวจในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกนี้ ซึ่งผมก็เชื่อว่า พี่น้องประชาชนทุกสีเสื้อ จะเห็นดีเห็นงามกับหลักการนี้ เพราะผมไม่เชื่อว่า ใครที่อ้างว่าตนเองยังเป็นคนอยู่ จะสนับสนุนการฆ่าผู้อื่นได้ ถ้าใครก็ตามเห็นดีเห็นงามกับการฆ่าผู้อื่นแล้ว คนนั้น ย่อมไม่อาจจะนับตัวเองว่า "เป็นคน" ได้อีกต่อไป ....




สุดท้าย หากรัฐบาลคิดว่าจะปฏิรูปตำรวจ ให้ยอมทำตามคำสั่ง "รัฐบาล" ทุกประการ พี่น้องประชาชนทั้งหลาย ลองหันไปมองประวัติศาสตร์ของโลกนี้สักหน่อยครับ หันไปมองประเทศใกล้ ๆ เรานี่แหละ ตำรวจญี่ปุ่นในยุค เมจิ ที่เชื่อฟังรัฐบาลแล้วเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชนเป็นร้อย ๆ หันไปมองตำรวจเกาหลี ที่เชื่อฟังรัฐบาล ตกเป็นเครื่องของฝ่ายการเมือง ก็เข่นฆ่าประชาชน นักศึกษา นักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม และ นักวิชาการจำนวนมาก .... ตำรวจ อยู่ใต้อุ้งมืออุ้งเท้านักการเมืองโดยสมบูรณ์เมื่อใด เมื่อนั้น ประชาชน อาจจะประสบเคราะห์กรรม แบบที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ประสบมาแล้ว ... แน่นอนที่สุด แม้ผู้นำเหล่านั้น จะถูกนำตัวมาลงโทษภายหลังเกิดเหตุนองเลือด แต่ก็ใช้เวลานาน ๒๐ หรือ ๓๐ ปีเลยทีเดียว ..... จะเอาหรือไม่ครับพี่น้อง ...


Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 10:31:43 น. 1 comments
Counter : 1097 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านคะ
ขอบคุณมากสำหรับข้อเท็จจริงต่างๆ
ยามนี้ผู้คนอยากให้บ้านเมืองเข้าสุ่ภาวะปรกติ
ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
โดยเฉพาะงานในกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งแลดูแปลกๆ ..จะใช่ หรือไม่ใช่กันแน่
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นกลาง
ให้ข้อมูลดีๆแบ่งปันให้เรียนรู้ ศึกษา แลกเปลี่ยนกันคะ




โดย: justice0009 วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:16:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.