ดอกแก้วเจ้าจอม หรือ น้ำอบฝรั่ง (Lignum Vitae)
https://goo.gl/XJ0Ifv
แก้วเจ้าจอม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale L. ชื่อสามัญ : Lignum Vitae, น้ำอบฝรั่ง ภาษาลาติน 'Lignum Vitae' แปลว่า 'ไม้แห่งชีวิต'
ชื่อวงศ์ : Zygophyllaceae (วงศ์โคกกระสุน) สถานะ : ไม้หายาก ใกล้สูญพันธุ์ แก้วเจ้าจอม ไม้ดอกสีสวย ชื่อก็งามนามก็เพราะ เป็นต้นไม้เก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ... เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางสูง 10-15 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นคดงอ กิ่งก้านเป็นปุ่มปม ต้นแตกใบ พุ่มแผ่กว้างทรงกลม เรือนยอดทึบ เปลือกของต้นสีเทาเข้ม กิ่งมีข้อพองเห็นเป็นปุ่ม ๆ ทั่วไป
https://goo.gl/XJ0Ifv
แก้วเจ้าจอม เป็นพันธุ์ไม้ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นต้นไม้หายาก โตช้า จึงมีราคาค่อนข้างสูง ได้ถูกจัดลำดับเป็นพันธุ์พืชอนุรักษ์ในบัญชี 2 ภายใต้พระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2525 กรมส่งเสริมการเกษตร ศาสตราจารย์เต็ม สมิตินันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ เป็นผู้ตั้งชื่อต้นไม้ชนิดนี้ว่า "แก้วเจ้าจอม" หรือ "น้ำอบฝรั่ง"
ต้นแก้วเจ้าจอม (4ใบ) ต้นแรกของประเทศไทย ในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีอายุมากกว่า 100 ปี
แก้วเจ้าจอม เป็นพันธุ์ไม้จากหมู่เกาะอินดีสตะวันออก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำมา จากประเทศชวา (อินโดนีเซีย) ครั้งเสด็จประพาส (ปี ๒๔๑๓) แล้วทรงนำมาปลูกในเขตพระราชอุทยานวังสวนสุนันทา ปัจจุบันมีเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นดั้งเดิม อยู่บริเวณ 'เนินพระนาง' ด้านหลังพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี ในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และภายหลังได้กลายมาเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ ประจำ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีความสูงประมาณตึก ๔ ชั้น และยังคงให้ดอกดกงดงาม
จากการประกวดต้นไม้ใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ที่มีอายุยืนยาวและมีประวัติเก่าแก่มานาน เนื่องใน โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ แก้วเจ้าจอมต้นนี้ได้รับรางวัลที่ ๑ โล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี https://goo.gl/cKvFLv
https://goo.gl/BDLw76
แก้วเจ้าจอม เป็นพันธุ์ไม้ประดับที่มีทรงพุ่มสวยงามโดยธรรมชาติตลอดปี ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งทรงพุ่ม มีช่วงอายุการใช้งานได้นานกว่า 25 ปี หรืออาจมากกว่านี้ เป็นพันธุ์ไม้ที่มีใบขนาดเล็ก และใบจะทยอยร่วง เกือบตลอดเวลา แต่ครั้งละน้อย ๆ จนเราแทบไม่รู้สึกว่ามีการร่วงของใบ เป็นพันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกสภาพ
https://goo.gl/CUL5C8
ดอก : สีม่วงคราม (สีฟ้าอมม่วง) และจางลงเมื่อใกล้โรย อายุของดอกประมาณ 3-5 วัน หลังดอกบาน ดอกเดี่ยวออกเป็นกระจุก ที่ปลายกิ่งและซอกใบ มีกลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวผู้สีเหลืองประมาณ 8–10 เส้น ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกดอกปีละ 2 ครั้ง คือเดือนสิงหาคม-ตุลาคม และ เดือนธันวาคม-เมษายน
https://goo.gl/9Lp6WV
ผลสด ทรงกลมแป้นหรือรูปหัวใจกลับ ขนาด 1-2 ซ.ม. มีครีบ 2 ข้าง เมื่อแก่สีเหลืองหรือส้ม มี 4–5 พู แต่ละพูมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มรูปร่างกลมรี หรือรูปไข่ 1-2 เมล็ด
แก้วเจ้าจอม ชนิดใบประกอบ 6 ใบ https://goo.gl/BGf2qK
ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มีใบย่อย 2-3 คู่ (4-6 ใบ) และ 4-5 คู่ (8-10 ใบ) ใบประกอบยาว 1–1.5 เซนติเมตร ก้านประกอบยาว 0.5–1.0 เซนติเมตร ใบย่อยไม่มีก้านใบ มีจุดเล็ก ๆ สีส้มที่โคนใบย่อยด้านบน รูปไข่กลับ หรือรูปรีเบี้ยวเล็กน้อย
แก้วเจ้าจอม มี 3 ชนิด (บ้างว่า 4) คือใบย่อย 2 คู่ (4 ใบ), 3 คู่ (6 ใบ), 4 คู่ (8 ใบ) และ ... ปลายใบมน ขอบเรียบ ใบย่อยคู่ปลายสุดมีขนาดใหญ่ ใบย่อยคู่ถัดลงมาขนาดเล็กไล่ขนาดลงไป เนื้อใบเหนียว และหนาเล็กน้อย ผิวใบเป็นมันสีใบเขียวเข้ม
แก้วเจ้าจอม ชนิด 6 ใบ https://goo.gl/v1IuSR
นิยมปลูกแก้วเจ้าจอมชนิด 6 ใบ เพราะมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าแก้วเจ้าจอมชนิด 4 ใบมาก 3 ปี ก็จะสูงประมาณ 1.5-2 เมตร ส่วนอื่นก็ไม่แตกต่างกัน จะมีอยู่ที่พันธุ์ 8 ใบ จะมีขนาดลำต้นที่ เล็กกว่าพันธุ์อื่นหลายเท่าและโตช้ากว่ามาก ดอกเล็ก จึงไม่เป็นที่นิยม https://goo.gl/wqUG4u
https://goo.gl/PHSU5B
การขยายพันธุ์ : การเพาะเมล็ด เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง ลำต้นจะได้มีรากแก้วยึดเกาะและดูดซับอาหารได้ดีกว่าการตอนกิ่งหรือปักชำ ถ้าจะให้โตเร็วหรือดอกดก ดินต้องดี มีลักษณะร่วนซุย โปร่ง อากาศถ่ายเทดี มีธาตุอาหารครบ สาเหตุที่ทำให้แก้วเจ้าจอมไม่ออกดอกและต้นไม่โต อาจเป็นเพราะดินไม่ชุ่มฉ่ำ ขาดความเย็น ที่สำคัญ การออกดอกขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้นด้วย
สภาพอากาศที่เหมาะสม คือ ร้อนชื้น อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 20–30 องศาเซลเซียส ปริมาณระดับน้ำทะเล 1,200–1,800 มิลลิเมตร มีฝนกระจายเป็นเวลาหลายเดือน และมีแสงแดดอย่างเพียงพอตลอดปี สภาพดินร่วนโปร่ง มีการระบายน้ำดี ทนต่อสภาพดินเค็ม
https://goo.gl/qCg6jo
ประโยชน์ https://goo.gl/x96Sxn
เป็นเนื้อไม้ที่หนักที่สุดในโลก แก่นไม้มีลักษณะสีน้ำตาลอมเขียวถึงดำ กระพี้มีสีเหลืองอ่อนเป็นมันและแข็งมาก คุณสมบัติเนื้อไม้มีลักษณะเป็นเส้นประสานกันแน่น และหนักมาก ไม้ชนิดนี้จมน้ำ ทนต่อแรงอัด และน้ำเค็ม จึงนิยม นำมาใช้ทำกรอบประกับเพลาเรือเดินทะเล ทำสิ่ว และนำมากลึงทำของใช้ต่าง ๆ เช่น ทำลูกโบว์ลิ่ง ทำรอก ทำบ้องยาสูบ ที่บดยา ที่บดกาแฟ เป็นต้น ใช้เป็นยาสมุนไพรจากทุกส่วนของลำต้น โดยเฉพาะยางจากเนื้อไม้ในธรรมชาติ มีสีน้ำตาลอมเขียว ประกอบ ด้วยสารเคมีหลายชนิดในปริมาณค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติในการรักษาโรค เป็นที่มาของชื่อภาษาลาติน Lignum Vitae = ไม้แห่งชีวิต
https://goo.gl/mXQ6QF
สรรพคุณการใช้เป็นยาสมุนไพร https://goo.gl/akYH8y
ใช้เป็นยาสมุนไพรกันอย่างกว้างขวาง รักษาโรครูมาติซัมเรื้อรัง โรคไขข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน โรคหอบหืด โรคเบาหวาน โรคเกาต์ ใช้เป็นยาตรวจคราบเลือดในนิติเวชวิทยา เรียกว่า Gum Guaiacum แถบอเมริกาใต้ อินเดีย อินเดียตะวันตก และฟลอริดา ฯลฯ นอกจากนี้มีการใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ เฉพาะส่วน ดังนี้ ยางไม้ ใช้เป็นยาขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ หรือทำเป็นยาอมแก้หลอดลมอักเสบ น้ำคั้นจากใบ กินแก้อาการท้องเฟ้อ เปลือก เป็นยาระบาย ผงชาจากดอก เป็นยาบำรุงกำลัง
------------------------------- อ้างอิง : https://goo.gl/PHSU5B https://goo.gl/p9gX4d https://ban-bu-ree-mag.exteen.com/20100212/entry-5 https://goo.gl/cKvFLv ตำนานแก้วเจ้าจอม
บทเพลงบรรเลงชโลมใจ
Create Date : 07 มีนาคม 2559 |
Last Update : 15 มกราคม 2564 20:20:19 น. |
|
49 comments
|
Counter : 68584 Pageviews. |
|
|
ชบา - พู่ระหง ความเหมือนที่แตกต่าง คลิกที่นี่ค่ะ