สวนดุสิตโพลล์เผย 5ปัญหารุมเร้ารัฐบาลประยุทธ์-ประชาชน 87.92% หนักใจเศรษฐกิจตามด้วยคอร์รัปชั่น-ความขัด



เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2560 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน 1,167 คนระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2560 ถึงการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยเห็นว่า มี “5 ปัญหารุมเร้า” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่ประชาชนหนักใจ / พร้อมแนะวิธีแก้ไข ดังนี้

 

ปัญหาอันดับ 1 คือเศรษฐกิจ 87.92% เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลยังแก้ไม่ตก ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งเรื่องของกินของใช้แพง ราคาผลผลิตตกต่ำ การส่งออกมีปัญหา ยังมีคนตกงาน ว่างงาน ฯลฯ วิธีแก้ไขมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผล สรรหาผู้ที่มีความรู้ เก่งเรื่องเศรษฐกิจมาช่วย มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเกิดการจ้างงาน เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ฯลฯ

อันดับ 2 การทุจริตคอรัปชั่น 76.61% เพราะยังพบการทุจริตจำนวนมากโดยเฉพาะโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ไม่มีการตรวจสอบที่จริงจังและเข้มงวด มีข่าวออกมาเป็นระยะ ๆ มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ฯลฯ วิธีแก้ไขภาครัฐต้องชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ มีเอกสารหลักฐานประกอบ เร่งปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ดำเนินการ เอาผิดอย่างจริงจัง เพิ่มบทลงโทษให้รุนแรง ฯลฯ

อันดับ 3 ความขัดแย้งทางการเมือง 70.45% เพราะเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก มีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้อง รัฐบาลยังไม่สามารถสร้างความปรองดองทางการเมืองได้อย่างแท้จริง ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาบ้านเมือง ฯลฯ วิธีแก้ไข รัฐบาลต้องมีนโยบายชัดเจนในการแก้ปัญหา ขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย รับฟังความเห็นรอบด้าน ไม่อคติ ฯลฯ

อันดับ 4 การบังคับใช้กฎหมาย การใช้มาตรา 44 โดย 64.78% เพราะมีกระแสต่อต้าน มองว่าถูกรัฐบาลปิดกั้น ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ บางคดีถูกมองว่าไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน ฯลฯ วิธีแก้ไข ต้องใช้ด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงผลดี-ผลเสียที่จะตามมา สามารถชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนได้ ฯลฯ

อันดับ 5 การเลือกตั้ง 61.18% เพราะเป็นเรื่องสำคัญทางการเมืองและมีผลต่ออนาคตของประเทศ กระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจน มีนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น ฯลฯ วิธีแก้ไข คือ รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เชิญนักการเมืองมาพูดคุย และหาแนวทางที่เหมาะสม กำหนดวันเวลาเลือกตั้ง ที่ชัดเจน ฯลฯ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 เมษายน 2560    
Last Update : 23 เมษายน 2560 21:54:45 น.
Counter : 246 Pageviews.  

สหรัฐอเมริกา 2017 เลือกตั้งพิเศษ-เลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ครบเทอม โดย ไพสันติ์ พรหมน้อย



หนังสือ“เลือกตั้งอเมริกา”ที่ผู้เขียนได้เขียนถึงระบบการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เลือกตั้งระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติวางตลาดไปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ผลการเลือกตั้งเป็นที่ทราบกันว่านายดอนัลด์ ทรัมพ์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 และเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2017 เป็นต้นมา

 

สหรัฐอเมริกามีเรื่องให้เขียนถึงมากเพราะเป็นประเทศมหาอำนาจ หลังจากรัฐบาลจัดตั้งกันเสร็จแล้วก็จะมีการเลือกตั้งพิเศษ ใช้คำว่า Special Election  เพราะมีส.ส.หลายคนไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหารร่วมกับรัฐบาลทั้งรัฐบาลมลรัฐและรัฐบาลกลาง  การกล่าวคำว่า สหรัฐมีการเลือกตั้งทุกระดับประทับใจจึงไม่น่าจะเกินเลย

ในปี 2017 นี้มีตารางเลือกตั้งพิเศษทั้งระดับส.ส.และวุฒิสมาชิก,การเลือกตั้งระดับรัฐเช่นผู้ว่าการรัฐ,รองผู้ว่าฯ,ส.ส.รดับรัฐ เป็นต้น สำนักข่าวเอพี เสนอตารางไว้ดังนี้

วันที่ 4 เมษายน

การเลือกตั้งเบื้องต้นของรัฐแคลิฟอร์เนีย (California House Primary) ปรากฎว่าสมาชิกพรรคเดโมแครต 2 คนประกอบด้วย จิมมี โกเมซและรอเบิร์ต ลี อัห์น จะตัดเชือก (runoff) กันในวันที่ 6 มิถุนายน เพราะไม่มีใครได้ถึง 50 % เพื่อสืบแทนตำแหน่งของนายซาเวียร์ เบเซร์ร่า ส.ส.เขต 34 ผู้ได้รับเลือกขึ้นไปเป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย

วันที่ 11 เมษายน

การเลือกตั้งพิเศษส.ส.แคนซัส ปรากฎว่า รอน เอสเทส (Ron Estes) พรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะคือเกิน 50 % เข้าไปเป็นส.ส.เขต 4 รัฐแคนซสสืบแทน นายไมค์ ปอมเปโอ้ ที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลดอนัลด์ ทรัมพ์ ให้ไปนั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง ( C.I.A. director)

วันที่ 18 เมษายน

การเลือกตั้งพิเศษ ส.ส.เขต 6 รัฐจอร์จเจีย ปรากฎว่านายจอน ออสซอฟฟ์ พรรคเดโมแครตจะต้องไปตัดเชือกกับคาเรน แฮนเดล แห่งพรรครีพับลิกันในวันที่ 20 มิถุนายนเพื่อสืบแทน นายทอม ไพรซ์ ที่ได้รับเลือกขึ้นไปเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการประชาชน ( Secretary of Health and Human Services)

วันที่ 2 พฤษภาคม

การเลือกตั้งส.ส.เขต 5 รัฐเซาท์ แคโรไลนาเพื่อสืบแทนนายไมค์ มัลวานีย์ ที่ขึ้นไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและการบริหารจัดการ( the Office of Management and Budget) หากไม่มีใครได้ 50 % +1 ก็จะมีการตัดเชือก

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีเลือกตำแหน่งส.ส.ระดับรัฐ (state legislature) 2 ที่นั่ง

วันที่ 16 พฤษภาคม

การเลือกตั้งแบบตัดเชือกของรัฐเซาท์ แคโรไลนา กรณีไม่มีผู้ได้รับเลือกในวันที่ 2 พฤษภาคม

วันที่ 25 พฤษภาคม

การเลือกตั้งพิเศษส.ส.รัฐมอนทานาเพื่อสืบแทนนายไรอัน ซินคี่ (Ryan Zinke ที่ขึ้นไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย

วันที่ 6 มิถุนายน

เป็นการเลือกตั้งตัดเชือกส.ส.เขต 34รัฐแคลิฟอร์เนียระหว่างจิมมี โกเมซและรอเบิร์ต ลี อัห์น ทั้งคู่เป็นพรรคเดโมแครต 

ในวันเดีวกันนี้รัฐนิวเจอร์ซี่ยังมีการเลือกตั้งเบื้องต้นผู้ว่าการรัฐ,ส.ส.ระดับรัฐและนายกเทศมนตรี

วันที่ 13 มิถุนายน

กาเลือกตั้งเบื้องต้นในรัฐเวอร์จิเนีย ทั้งตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ,รองผู้ว่าการรัฐ,อัยการสูงสุดของรัฐและส.ส.ระดับรัฐ

วันที่ 20 มิถุนายน

การเลือกตั้งตัดเชือกของส.ส.รัฐจอร์เจีย (Georgia House Election Runoff)

การเลือกตั้งตัดเชือกส.ส.รัฐเซาท์ แคโรไลนา (กรณีไม่มีผู้ได้คแนน 50 %+1 ในวันที่ 2 พฤษภาคม)

การเลือกตั้งส.ส.ระดับรัฐ (state legislature ) 2 ตำแหน่งของเซาท์ แคโรไลนา กรณีไม่มีผู้ได้รับคะแนน 50 %+1

วันที่ 15 สิงหาคม

การเลือกตั้งเบื้องต้นวุฒิสมาชิกรัฐอลาบามา เพื่อเข้ามาทำหน้าที่แทนนายเจฟฟ์ เซสชั่นส์ (Jeff Sessions)ที่ขึ้นไปเป็นอัยการสูงสุดของสหรัฐ หากไม่มีใครได้รับคะแนน 50%+1 ก็จะมีการเลือกตั้งตัดเชือกกันต่อไป

วันที่ 12 กันยายน 

การเลือกตั้งเบื้องต้นที่นิวยอร์กประกอบด้วยตำแหน่ง นายกเทศมนตรี(New York City mayor),สมาชิกสภานครนิวยอร์ก (city council)และตำแหน่งเทศมนตรีอื่นๆ

วันที่ 26 กันยายน 

การเลือกตั้งตัดเชือกของรัฐอลาบามา

การเลือกตั้งตัดเชือกของนครนิวยอร์ก 

วันที่ 7 พฤศจิกายน 

การเลือกตั้งตัดเชือกที่รัฐนิวเจอร์ซี่ ทั้งผู้ว่าฯ,ส.ส.ระดับรัฐและนายกเทศมนตรี

การเลือกตั้งตัดเชือกที่รัฐเวอร์จิเนียทั้งตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ,รองผู้ว่าการรัฐ,อัยการสูงสุดของรัฐและส.ส.ระดับรัฐ

การเลือกตั้งตัดเชือกของนิวยอร์ก

การเลือกตั้งที่รัฐเมน  

การเลือกตั้งที่รัฐโอไฮโอ้ 

การเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจีย  - นายกเทศมนตรีแอตแลนต้า

วันที่ 12 ธันวาคม

การเลือกตั้งตัดเชือกตำแหน่งวุฒิสมาชิกของรัฐอลาบามาเพื่อแทนนายเจฟฟ์ เซสชั่นส์ 

ฉบับหน้าจะเขียนถึงรายละเอียดการเลือกตั้งที่รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งผ่านไปแล้วเมื่อวันที่ 4 เมษายนและจะตัดเชือกกันในวันที่ 6 มิถุนายน เป็นการชิงชัยของคนอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกและเชื้อสายเกาหลี

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 เมษายน 2560    
Last Update : 23 เมษายน 2560 16:42:37 น.
Counter : 280 Pageviews.  

รัฐบาลเผยสถานการณ์จ้างงานของไทยดีขึ้น สะท้อนเศรษฐกิจช่วงขาขึ้น



โฆษกรัฐบาลเผย สถานการณ์จ้างงานของไทยดีขึ้นต่อเนื่องและประชาชนให้ความเชื่อมั่น สอดคล้องกับเศรษฐกิจช่วงขาขึ้น ย้ำมุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ เข้าถึงแหล่งงานและข่าวสารได้สะดวก

 

วันที่ 22 เม.ย.60 - พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การเลิกจ้างงานของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประชาชนมีงานทำเพิ่มขึ้นจากมาตรการส่งเสริมการจ้างงานของรัฐบาล โดยในเดือน มี.ค.60 มีตัวเลขการบรรจุงาน 26,209 คน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.60 ร้อยละ 10.97 ขณะที่จำนวนผู้ประกันตนหรือแรงงานในระบบรายใหม่เดือน มี.ค.ก็เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึงกว่า 32,794 คน

“รัฐบาลพยายามควบคุมอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยปัจจุบันสถานการณ์การจ้างงานอยู่ในภาวะปกติ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการมีงานทำของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 70.3 ในเดือน ก.พ. เป็น 71.4 ในเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนล่าสุดที่สูงสุดในรอบ 2 ปี สิ่งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของสำนักข่าวต่างประเทศ”

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย และต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ จึงพยายามอย่างมากที่จะทำให้พี่น้องแรงงานเข้าถึงการจ้างงานที่สะดวกรวดเร็ว เช่น จัดตั้งศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย 77 แห่งทั่วประเทศ จัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน จ้างงานผู้สูงอายุ บริการแนะแนวอาชีพ จัดตั้งกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน และบริการจัดหางานบนมือถือผ่าน Smart Job Application เป็นต้น

“ส่วนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านแรงงาน โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การรักษาพยาบาล ยอดเงินสะสมยามชราภาพ และการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของรัฐบาล ก็สามารถใช้บริการผ่านแอพพลิเคชันของสำนักงานประกันสังคม SSO Connect ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา โดยตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 10 เม.ย.60 มีผู้ดาวน์โหลดแล้วถึง 51,621 คน ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาระบบการให้บริการของภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรองรับการเป็นประเทศไทย 4.0 ต่อไป”

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 เมษายน 2560    
Last Update : 23 เมษายน 2560 13:52:32 น.
Counter : 281 Pageviews.  

ประธานาธิบดียังไม่เปิดเผยแบบการเสียภาษีเงินได้ โดย ดร. เชิดชัย ขันธ์นะภา



เป็นข่าวมาระยะหนึ่งแล้วเรื่องนายโดนัล ทรัมพ์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ยังไม่ยอมเปิดเผยแบบการเสียภาษีเงินได้ของเขาสำหรับปีภาษีปัจจุบัน ที่จริงประชาชนสหรัฐฯ เรียกร้องให้เขาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภาษีของเขาตั้งแต่เขายังหาเสียง เพื่อเข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศแล้วและมีการเรียกร้องและประท้วงนายทรัมพ์ มาตลอดที่เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลนี้

 

ข้ออ้างของทรัมพ์ที่ยังไม่เปิดเผยฯ คือ สรรพากรยังตรวจสอบแบบการเสียภาษีฯ อยู่ นับว่าเป็นการอ้างสรรพากรเพื่อไม่แสดงข้อมูลที่เป็นสาระของผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองของประเทศ ซึ่งกระทบต่อฐานะและกิจวัตรของประชาชนทั่วไป (น่าจะผิดหลักการของการเข้ามาดำรงตำแหน่งการงานในภาคสาธารณะ(ภาครัฐ) ) และขณะนี้ทรัมพ์ก็เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว สรรพากรมาอยู่ภายใต้การควบคุมของทรัมพ์โดยตรง ก็เกิดคำถามว่า นี่เป็นการประพฤติตนอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ เพราะสรรพากรคงไม่ “พายเรือขวางน้ำ” อย่างแย่ก็แก้ไขแบบการเสียภาษีให้ “เปิดเผยต่อสาธารณะ” ได้

ที่สงสัยมากๆ ก็คือ ทำไมสรรพากรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งโตมากๆ จึงใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการตรวจสอบแบบการเสียภาษีฯ ของคน 1 คน (แม้จะมีกิจการมากมาย และทำกิจกรรมหลายอย่าง) แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ข้อมูลการเสียภาษีของ “บุคคลสาธารณะ”ในแง่สภานะทางกฎหมาย ยังอยู่ในฐานะที่ด้อยกว่าความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลของเขาต่อสาธารณะได้ เข้าใจว่ากรณีนี้น่าจะมีการใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายเพื่อสกัดหรือถ่วงไม่ให้สรรพากรจบงานการตรวจสอบได้ง่ายๆเพื่อส่งต่อกรณีที่นำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีต่อสาธารณชน

ถึงอย่างไรก็ตาม ประชาชนสหรัฐฯขณะนี้ก็มีความสังหรณ์บางประการเกี่ยวกับการเสียภาษีของทรัมพ์ ซึ่งมีประเด็นหลักๆ พอกล่าวถึงได้ ดังนี้

 1. ทรัมพ์สามารถลดภาษีที่ต้องชำระแก่ประเทศได้เป็นจำนวนเงินที่มาก ด้วยวิธีการนำการขาดทุนจากกิจการของเขาในอดีต มาหักออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษี ทรัมพ์เคยแจ้งการขาดทุนไว้ 1 กรณีในปี ค..1995 ว่าเขามีขาดทุนถึง  916 ล้านเหรียญฯ ซึ่งปริมาณขาดทุนนี้สามารถนำไปใช้หักลบรายได้ที่ต้องเสียภาษีได้อีก 18 ปี

2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของทรัมพ์ ได้สิทธิ์หักลดหย่อน(DEDUCTIONS) ภายใต้กฎหมาย ซึ่งมีบทบัญญัติพิเศษให้ผู้ประกอบการ“หักค่าเสื่อม”ได้ นอกจากนี้ บทบัญญัติยอมให้มีการชะลอการเสียภาษีจากการขายทรัพย์ ซึ่งเป็นรายได้ หากผู้ประกอบการนำเงินจากการขายไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ “ในมิติเดียวกัน” สรรพากรก็จะมองธุรกรรมนี้(แรก)ว่ายังไม่สิ้นสุด แต่ได้เปลี่ยนรูป (EXCHANGE) ไป เท่านั้นเอง แค่นี้นายทุนก็เลื่อนการชำระภาษีที่ต้องจ่ายออกไปสู่อนาคต(ที่ยังไม่รู้ว่าต้องจ่ายตัวเงินภาษีเมื่อไหร่) ศาสตราจารย์ Kleinbard แห่งมหาวิทยาลัย USC จึงอธิบายว่า เมื่อทรัมพ์ขายตึกใหญ่ในเมืองนิวยอร์คแล้ว เขาสามารถซื้อนาผืนใหญ่ๆในกลางประเทศ ก็ต้องถือว่ามันเป็นการ “เปลี่ยนรูป” ทรัพย์ที่กฎหมายสรรพากรยอมรับ และไม่มีกรณีการชำระค่าภาษีใดๆในชั้นนี้

3. รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถหักลบด้วยค่าดอกเบี้ยของเงินกู้ที่กู้มาซื้ออสังหาฯ การทำแบบนี้ธรรมดามากๆ ซึ่งทรัมพ์ก็ทำ เพราะจากการลงทุนในสนามกอล์ฟของเขาในสหราชอาณาจักร ทรัมพ์ต้องแถลงรายละเอียดภายใต้กฎหมายอังกฤษ (F.E.C.) ปรากฏว่าเขามีหนี้อยู่ 315 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากธุรกรรม ซึ่งดอกเบี้ยที่เกิด เอาไปหักจากรายได้ได้ อย่างนี้คือรวยเอารวยเอาหรือเปล่า

 4. นอกจากนี้ กฎหมายธุรกิจอสังหาฯ ยังยินยอมให้ผู้ประกอบการหักผลการขาดทุนต่างๆ ของตน จากรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ หากผู้ประกอบการตีความแล้วถือว่า “ยังทำกิจการอสังหาริมทรัพย์อยู่” ดังนั้นการขาดทุนจากธุรกิจต่างๆ ของทรัมพ์ สามารถเอามาหักกับรายได้จากอสังหาฯ ของนายทรัมพ์ กฎ (Active Professional) (นาย John Buckley ผู้เคยเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการการคลังของ  สภาผู้แทนราษฎรฯ กล่าว) ซึ่งในประเด็นที่ว่านี้ ถามว่าขณะนี้ยังถือว่าทรัมพ์ “ยังทำธุรกรรมอสังหาฯ”อยู่ได้หรือไม่  แล้วที่เขาเล่นการเมือง เดินทางหาเสียง และปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานาธิบดี ฯลฯ เป็นการใช้เวลาในชีวิตของเขาอันเป็นสาระซึ่งไม่ใช่กิจการอสังหาฯ หรือว่า ทรัมพ์ยังมีสถานะ “Active Professional” ทางอสังหาฯอยู่  จึงได้สิทธิ์การลดภาระภาษีแบบนี้

5. กฎหมายในสหรัฐฯ เต็มไปด้วยช่องทางต่างๆ นานาที่ผู้เสียภาษีที่ขยันจะสามารถหาช่องโหว่ เพื่อจรลีเข้าไป เพื่อเลี่ยงการเสียภาษีตามกฎหมายปกติ ยกตัวอย่างที่พูดกันสำหรับกรณีของทรัมพ์ คือทรัมพ์มีอสังหาฯ ชิ้นใหญ่ชิ้นงามอยู่ 4 ชิ้น คือ MAR-A-LAGO(ที่ฟลอริดา) SEVEN SPRINGS(ที่นิวยอร์ค) BEDMINSTER และสนามกอล์ฟ(ที่คาลิฟอร์เนีย) มูลค่าและรายได้จากกิจการไม่ต้องพูดถึง  แต่ช่องโหว่ ที่กฎหมายเปิดให้เกี่ยวกับภาษีก็คือ หากธุรกิจแถลงว่าขอ “แจ้งภาระจำยอมรักษาสภาพแวดล้อม (CONSERVATION)” ธุรกิจ (คือเจ้าของ) จะได้รับสิทธิหักลดหย่อนกับรายได้ที่เกิด ซึ่งในปี ค..2005 ทรัมพ์สามารถลดภาษีเงินได้ของเขาได้ถึง 39.1 ล้านเหรียญฯ ด้วยวิธีนี้

6. วิธีอื่นๆ ก็ยังมีให้ใช้ได้อีก เช่น การใช้ดินแดนภาษีต่ำ/หรือปลอดภาษี เพื่อการซุกรายได้และกำไรของคนเหล่านี้ กรณีที่กล่าวถึงกันในเรื่องของการปกปิดรายได้และลดภาระภาษี ปรากฏอยู่ในเอกสาร The PANAMA PAPERS ซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเขาทำกันอย่างไร แต่กรณีของทรัมพ์ เขาบอกว่าเขาไม่ได้ใช้บริการของดินแดนภาษีต่ำ/ปลอดภาษีเหล่านั้น เนื่องด้วยสหรัฐอเมริกามีของที่ดีกว่านั้น

ทุกคนรู้จักกันดีว่ามลรัฐ DELAWARE นั้นเป็นมิตรกับคนมีเงินและธุรกิจใหญ่ๆโตๆ เพราะว่ากฎหมายของ DELAWARE เปิดทางให้คนอเมริกันทำใน DELAWARE    โดยไม่ต้องเหนื่อยและเสี่ยงออกไปดำเนินการที่ดินแดนภาษีต่ำ/ปลอดภาษี (แต่ก็มีที่หลุดไปบ้างที่ทรัมพ์ไปใช้บริการของ OFFSHORE TAX HAVEN เช่น กรณีบริษัท DJ AEROSPACE ที่เขาไปจดกิจการไว้ที่เกาะเบอร์มูดา ในทะเลคาริเบียน) แต่ในเมื่อ DELAWARE ทำให้ได้อยู่แล้ว ทรัมพ์ก็ไปใช้บริการที่นั่น รายงานกล่าวว่าเขามี 110 ธุรกรรม ที่เอาไปจดการดำเนินการภายใต้กฎหมาย DELAWARE (เพื่อการปกปิดข้อมูลบางประการ และการลดภาระภาษีบางประการ)

 7. กิจการต่างๆของสหรัฐฯ สามารถเก็บ(ซุก)รายได้ไว้นอกประเทศได้ ซึ่งทรัมพ์ทราบดี (เพราะเขาคงทำแบบนั้นด้วย) จึงมีนโยบายในฐานะเป็นประธานาธิบดี ที่จะจงใจเอาเงินเหล่านี้กลับสหรัฐฯ โดยได้ประกาศลดภาษีลง เหลือ 15%  สำหรับรายได้นอกประเทศเหล่านี้

และถ้าภายใต้นโยบายลดภาษีตัวนี้ กิจการของทรัมพ์พากันอพยพจากต่างแดน เข้าประเทศสหรัฐฯอย่างนี้เป็นการกระทำที่เป็นการขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือไม่ ผิดในทางจรรยาบรรณสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่  กรณีนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งที่ทำให้ทรัมพ์ยังไม่ยอมเปิดเผยแบบการเสียภาษีของเขา จนบัดนี้ และเป็นที่รู้ดีกันในหมู่คนอเมริกันว่าทรัมพ์มีลิขสิทธิ์และเครื่องหมายทางการค้า หรือ แบรนด์อยู่จำนวนหนึ่ง ที่เขาได้รับรายได้จากการขอใช้ลิขสิทธิ์และแบรนด์เหล่านี้ (แต่ได้เป็นเงินมาเท่าใด ทรัมพ์ไม่เปิดเผย)     ลูกสาว(คุณอิวังกา)เพิ่งได้รับการอนุมัติจากจีน ให้มีแบรนด์เพิ่มอีก 3 แบรนด์ในประเทศจีน ใครช่วยตีมูลค่าของรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากเฉพาะ 3 แบรนด์นี้ด้วยครับ ถ้ากฎหมายลดภาษีให้กับรายได้นอกประเทศพวกนี้คลอดเมื่อใด คุณอิวังกา ก็รวยขึ้นทันทีอีกหลายสตังค์ เพราะเป็นรายได้ที่จะรับภาระภาษีที่น้อยลง(ในอนาคตคุณอิวังกา อาจไม่ต้องนำตัวเองเข้ามาในภาพให้เห็นโจ๋งครึ่ม เธออาจตั้งบริษัทที่ OFFSHORE TAX HAVEN แห่งหนึ่ง แล้วโอนกรรมสิทธิ์ของเธอไปเข้าบริษัทดังกล่าว แค่นี้ก็ปลอดภาษี เรียบร้อยโรงเรียนทรัมพ์

8. ยังมีสถานการณ์อื่นๆ อีก ที่เปิดช่อง เปิดทาง ให้คนมีเงินและมีรายได้ สามารถลดภาระภาษีลงมาได้ หรือลดให้หายไปเลยก็ได้ ทั้งนี้ต้องรู้กฎหมายอย่างดีและวิธีดำเนินการ ซึ่งความสามารถนี้กลายไปเป็นอาชีพที่สำคัญอาชีพหนึ่ง เพราะคนมีสตังค์เขาใช้บริการกัน ประเทศไทยก็มีบริการแบบนี้ และเขาให้ชื่อกิจการแบบนี้อย่างโก้หรู(และทรงเกียรติ) แต่มันคือการเลี่ยงภาษี หนีการเสียภาษี ส่วนประชาชนอื่นที่ทำไม่ได้ (เลี่ยงไม่เป็น) ก็เสียภาษีไปเต็มพิกัด หากถูกจับได้ว่าหนีภาษี ก็เจอแต่ค่าปรับกับคุก เพราะฉะนั้นถ้าเลี่ยงสำเร็จก็สบายไป อาจเป็นใหญ่เป็นโต มีคนกราบไหว้ หรือตัวผันจากการเป็นอาชญากรไปเป็นวีรบุรุษ วีรสตรี ที่คนชื่นชม

อย่ากระนั้นเลย ผู้ที่ต้องเสียภาษีควรกระชากหน้ากากไอ้อสูรพวกนี้ แล้วผ่าตัดมันเสีย ให้เป็นพันธุ์ๆ เดียวกับเรา ผู้ที่ต้องเสียภาษี จะดีกว่า

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 เมษายน 2560    
Last Update : 22 เมษายน 2560 19:13:15 น.
Counter : 259 Pageviews.  

กลุ่มไอซิสประกาศรับผิดชอบกราดยิงกลางกรุงปารีสย่านถนนฌอง เซลิเซ่ตำรวจตาย 1 บาดเจ็บอีก 2 สถานทูตไทยให้



ตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 นายบาดเจ็บ 2 บนถนนฌอง เซลิเซ่ย่านช็อปปิ้งใจกลางกรุงปารีสเมื่อคืนวันพฤหัสบดี 20 เมษายน ประธานาธิบดีออลลองด์ประณามเป็นการกระทำของคนขี้ขลาดและก่อการร้าย กลุ่มไอซิสออกมารับผิดชอบ สถานทูตไทยในปารีสเตือนคนไทยให้ระมัดระวัง

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเมื่อคืนวันที่ 20 เมษายน 2017 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศสได้มีคนร้ายใช้รถยนต์เป็นพาหนะลงมาจากรถยนต์และใช้ปืนกราดยิงบริเวณถนนฌอง เซลิเซ่(Champs Elysees boulevard) ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งใจกลางกรุงทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย และคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต   โดยมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 2 คน

โฆษกกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบหาแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ โดยมีการตั้งข้อสังเกตุเบื้องต้นว่า มือปืนจงใจใช้ตำรวจเป็นเป้าหมายโดยตรง  

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความหวั่นวิตกให้กับชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก และยังเกิดขึ้นก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่จะมีขึ้นวันที่ 23 เมษายนนี้  ทำให้บรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งต่างพากันยุติหาเสียงในช่วงนี้

ประธานาธิบดีฟรองซัวร์ ออลลองด์ ประณามว่าเป็นการกระทำของคนขี้ขลาดและเป็นกลุ่มก่อการร้าย สำหรับถนนฌอง เซลิเซ่ เป็นถนนขนาดกว้างอันนำไปสู่ประตูชัย ( the Arc de Triomphe) ที่อยู่ตรงกลางถนนคราคร่ำไปด้วยชาวปารีสและนักท่องเที่ยวต่างๆที่ไปเดินยามเย็นของฤดูใบไม้ผลิ ตำรวจรีบเคลียร์พื้นที่ พร้อมกับมีกำลังอาวุธครบมือของเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถตรวจการณ์เต็มบริเวณ   

นายฟรองซัวร์ โมแลงส์ อัยการปารีสเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่รู้แล้วว่าคนร้ายเป็นใครแต่การสอบสวนเพิ่มเติมยังมีต่อไป  

สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่าได้เห็นหมายจับที่ออกมาในตอนเช้าของวันที่ 20 เมษายน เป็นหมายจับชายคนหนึ่งที่เดินทางมาจากเบลเยียมทางรถไฟ แต่ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ที่ลงมือก่อนเหตุ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง

แหล่งข่าวจากตำรวจเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นที่พักของผู้เสียชีวิตที่อยู่ทางเขตตะวันออกของกรุงปารีส

นายมาเทียนส เฟคล์ รัฐมนตรีมหาดไทยเปิดเผยว่าการกระทำของตำรวจคืนนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสังหารหมู่...ตำรวจป้องกันไม่ให้เลือดนองบนถนนฌอง เซลิเซ่

“หลังจาก 21 น.เล็กน้อยได้มีรถยนต์เข้ามาจอดประกบรถตำรวจที่จอดอยู่ จากนั้นก็มีชายลงมาสาดกระสุนใส่รถตำรวจ ทำให้ตำรวจเสียชีวิต”นายปิแอร์-อองรี บรองเดท์ โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าว

รายงานข่าวเปิดเผยว่าฝรั่งเศสตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินมาตั้งแต่ปี 2015 หลังจากถูกกลุ่มไอซิสโจมตีมีผู้เสียชีวิต 230 คนและบาดเจ็บ 350 คนเป็นการลงมือทำโดยคนฝรั่งเศสและเบลเยียมเองที่สนับสนุนกลุ่มไอซิส

ทางด้านกลุ่มไอซิสออกมาประกาศว่าเป็นผู้สนับสนุนการลงมือกราดยิงตำรวจเมื่อคืนวันที่ 20 เมษายนโดยประกาศผ่านสำนักข่าว Amaq พร้อมกับเอ่ยนามผู้ลงมือยิงว่าชื่อ อาบู ยูซิฟ อัล-เบลกิกี (Abu Yousif al-Belgiki)

ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มก็ออกมาประกาศรับผิดชอบการกระทำโดยใช้คนขับรถบุกข้ามสะพานเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอนเพื่อจะตรงเข้าสู่รัฐสภาทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายรวมทั้งตำรวจเฝ้าประตูถูกแทงตายเพราะไม่ได้พกพาอาวุธ

สถานีทีวีฝรั่งเศสรายงานว่าคนร้ายรายนี้เป็นคนฝรั่งเศสอายุ 39 ปี เคยมีประวัติก่อความรุนแรงมาก่อน ก่อนหน้านี้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมชาย 2 คนที่เมืองมาร์เซยที่อยู่ทางตอนใต้โดยทราบว่ามีแผนการจะเปิดฉากโจมตีฝรั่งเศสก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันที่ 23 เมษายนนี้  จากการค้นที่พักพบปืนยิงเร็ว,ปืนพก 2 กระบอกและระเบิด TATP น้ำหนัก 3 กิโลกรัม  รวมทั้งเอกสารชวนเชื่อต่างๆของกลุ่มรัฐอิสลาม  ทั้งนี้รายละเอียดเปิดเผยโดยนายโมแลงส์ อัยการฝรั่งเศส

สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงปารีส ออกประกาศว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์คนร้ายเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสในย่านนักท่องเที่ยวบริเวณถนนฌอง-เอลิเซส์ กรุงปารีส ในช่วงเวลาประมาณ 21:00 ของวันนี้ (20 เมษายน 2560) ล่าสุด ทางการฝรั่งเศสประกาศว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตหนึ่งคนนั้น

สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอประกาศแจ้งข่าวดังกล่าวให้ทราบทั่วกันด้วยความห่วงใยและขอให้คนไทยที่พำนักอยู่หรือที่จะเดินทางมาในกรุงปารีส รวมถึงบริเวณใกล้เคียง หลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าว เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางสัญจรในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงติดตามข่าวทางการและสื่อมวลชนของฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 เมษายน 2560    
Last Update : 22 เมษายน 2560 13:52:59 น.
Counter : 183 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.