แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch)
เรื่อง ขอให้พิจารณาแต่งตั้งผู้มีความรู้และความเข้าใจปัญหากระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาในระดับสากลเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจกำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ทั้งในส่วนของรัฐบาลเองโดยให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายรับผิดชอบ รวมทั้งการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๐ ซึ่งยังไม่สามารถแถลงให้ประชาชนทราบได้ในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนนั้น เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ เห็นว่า ปัญหาตำรวจที่สำคัญซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องยาวนานก็คือ ความยุติธรรมในการสอบสวนคดีอาญา อันเนื่องมาจากขาดการตรวจสอบจากพนักงานอัยการระหว่างสอบสวน ไม่สอดคล้องกับหลักการในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาสากล ก่อให้เกิดปัญหาพนักงานสอบสวนถูกผู้บังคับบัญชาตำรวจสั่งไม่ให้รับคำร้องทุกข์จากประชาชนเพื่อลดสถิติคดี หรือให้แจ้งข้อหาแก่บุคคลโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ากระทำผิดเพื่อปิดคดี หรือการสอบสวนที่ไม่มีประสิทธิภาพในการหาตัวผู้กระทำผิดเสนอให้อัยการสั่งงดสอบสวน หรือแม้กระทั่งการสอบสวนทำลายพยานหลักฐานเพื่อเสนอให้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือเมื่อสั่งฟ้องแล้วในที่สุดศาลพิพากษายกฟ้อง รวมทั้งกรณีที่มีผู้ต้องขังร้องเรียนว่าศาลได้พิพากษาลงโทษตนทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ หรือ ตกเป็นแพะรับบาป และพยายามรวบรวมหลักฐานนำไปเสนอศาลให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่นับร้อยราย ไม่ว่าจะเป็นกรณีคดี ครูจอมทรัพย์ คดีสองสามีภรรยาเก็บเห็ด เป็นต้น ปัญหาการสอบสวนที่ไม่ได้เป็นไปด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศและสั่นคลอนความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง การปฏิรูปตำรวจครั้งนี้หากประสบความสำเร็จจะจุดเปลี่ยนสำคัญในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง แต่หากล้มเหลวจะทำให้สังคมไทยติดหล่มไปอีกนาน ซึ่งคุณสมบัติของประธานกรรมการปฏิรูปตำรวจ จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงทิศทางการปฏิรูปว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ฉะนั้น เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) จึงขอเรียกร้องมายังท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดพิจารณาว่า ในการคัดเลือกและแต่งตั้งบุคคลผู้จะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๐ นี้ นอกจากจะต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย และมีความกล้าหาญทางจริยธรรมเป็นที่ประจักษ์แล้ว คุณสมบัติสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องเป็นมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในระดับสากลเป็นที่เชื่อถือยอมรับของผู้คนทั้งนักวิชาการและประชาชนทั่วไปทุกระดับด้วย รวมทั้งขอเน้นให้ดำเนินการปฏิรูปตำรวจและระบบงานสอบสวนดังนี้ ๑. โอนหน่วยตำรวจที่มีกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย ๙ หน่วยไปรับผิดชอบตามมติ สปช.และผ่านความเห็นชอบตามมติครม.แล้วเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒. ให้พนักงานอัยการมีอำนาจตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีอาญาสำคัญหรือคดีที่มีโทษจำคุกเกินสิบปี หรือเมื่อมีประชาชนร้องเรียนตั้งแต่เริ่มคดี ๓. การออกหมายเรียกบุคคลมาแจ้งข้อหาหรือเสนอศาลออกหมายจับให้เสนอพนักงานอัยการให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ ๔. ปรับระบบงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนออกจากโครงสร้างองค์กรแบบมีชั้นยศแบบทหารที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะงาน กำหนดหลักประกันความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่และการใช้ดุลยพินิจทางคดีของพนักงานสอบสวนให้เป็นไปตามพยานหลักฐานและกฎหมายในลักษณะเดียวกับพนักงานอัยการ สุดท้ายนี้ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจหวังว่าข้อเสนอ ทั้งการคัดเลือกบุคคลผู้จะแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการ รวมทั้งแนวทางปฏิรูปตำรวจและระบบงานสอบสวนตามข้อ ๑ ๔ จะได้รับการพิจาณาจากท่านและเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาตำรวจและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่ไม่เป็นธรรมโดยเร็ว เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) ๒๘ มิ.ย. ๒๕๖๐
ที่มา thaitribune
Create Date : 29 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 29 มิถุนายน 2560 2:53:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 209 Pageviews. |
|
|