ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีต่อนายมาครงที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ชัยชนะครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสมีความเชื่อมั่นต่อนายมาครง ที่จะนำฝรั่งเศสก้าวไปข้างหน้า

เป็นเวลากว่า ๑๖๑  ปี ที่ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและยาวนาน โดยได้พัฒนาเป็น "หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์" และมีความสนใจร่วมกันในหลายด้าน

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการบริหารประเทศของนายมาครง จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสแน่นแฟ้นขึ้น และหวังที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเพื่อความมั่งคั่งของทั้งสองประเทศและประชาชนของเรา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย

@ เปิดประวัติของนายเอมานูแอล มาครง (Emmanuel Macron) ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส คนที่ ๘

เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางในเมืองอาเมียง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญามหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปารีส นองแตร์ และปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากสถาบันรัฐศาสตร์ปารีส

ภายหลังจบการศึกษา นายมาครองได้ทำงานในตำแหน่งผู้ตรวจสอบการเงินที่กระทรวงเศรษฐกิจในช่วงระหว่างปี 2004-2008 จากนั้นเขาทำงานในตำแหน่ง วาณิชธนากรที่ Rothschild & Cie Banque ต่อมานายมาครองได้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ในช่วงที่ออลลองด์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี และหลังจากออลลองด์ชนะการเลือกตั้ง นายมาครองก็ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีออลลองด์ในปี 2014 แต่ในอีกสองปีให้หลัง เขาได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจเพื่อเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

ปัจจุบัน นายมาครองสมรสแล้วกับนางบริจิตต์ โทรนเญอซ์ อดีตครูโรงเรียนมัธยมของเขา ซึ่งมีอายุมากกว่านายมาครอง 25 ปี

สำหรับศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ นายมาครองไม่ได้สังกัดอยู่กับพรรคเดิม ซึ่งก็คือพรรค Parti Socialiste (PS) หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “พรรคสังคมนิยม" แต่เขาลงสมัครในฐานะผู้สมัครอิสระ โดยนายมาครอง เป็นผู้ก่อตั้งความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้แคมเปญ "En Marche!" ที่มีจุดยืนนิยมสายกลาง (Center wing) โดยหวังที่จะสร้างความสมานฉันท์ขึ้นในฝรั่งเศส หลังจากที่เขามองว่า สังคมฝรั่งเศสตกอยู่ภายใต้ภาวะที่มีการแบ่งแยกทางการเมืองมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีนโยบายที่จะสานต่อความร่วมมือในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคงสภาพสมาชิกสหภาพยุโรป และเน้นขยายความร่วมมือกับเยอรมนีในการพิทักษ์สหภาพยุโรปให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ที่ผ่านมานโยบายของนายมาครองยังไม่โดดเด่นมากนัก อีกทั้งถูกคู่แข่งปรามาสด้วยว่า มาครองเป็นทายาททางการเมืองของนายออลลองด์ ซึ่งไม่อาจช่วยแก้ปัญหาต่างๆหรือเปลี่ยนแปลงฝรั่งเศสได้อย่างเห็นทันตา อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งครั้งนี้บ่งชี้ว่า ประชาชนชาวฝรั่งเศสยังไม่ต้องการผู้นำที่มีแนวคิดสุดโต่งหรือผู้นำที่ชูนโยบายอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่อาจสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ ดังเช่นที่พวกเขาเห็นได้จากผลลัพธ์ของการลงประชามติ Brexit ในอังกฤษ นอกจากนี้ ผลนับคะแนนยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ประชาชนแดนน้ำหอมยังคงต้องการอยู่ในอ้อมกอดของสหภาพยุโรปต่อไป

ที่มา thaitribune

Create Date : 10 พฤษภาคม 2560
Last Update : 10 พฤษภาคม 2560 7:23:00 น.		0 comments
Counter : 223 Pageviews.
Share Tweet