รู้หรือไม่?.. สารหล่อลื่นชนิดใดห้ามใช้กับถุงยางอนามัย



กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลการทดสอบสารหล่อลื่นที่ใช้กับถุงยางอนามัย พบว่า ห้ามใช้สารหล่อลื่นประเภทน้ำมันทาเพิ่มกับถุงยางอนามัย เพราะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพ รองลงมาได้แก่ เบบี้ออยล์, ปิโตรเลียม เจลลี่ และบอดี้ โลชั่น ดังนั้นจึงควรใช้สารหล่อลื่นประเภทละลายในน้ำ ได้แก่ เค-วาย เจล หล่อลื่น สูตรน้ำ เนื่องจากไม่มีผลทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัย ไม่ทำลายยางธรรมชาติ

 

วันที่ 28 เม.ย. 2560 - นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า โดยทั่วไปถุงยางอนามัยจะมีการเติมสารหล่อลื่นอยู่แล้ว โดยสารหล่อลื่นที่นิยมใช้ในกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยคือ ซิลิโคน ออยล์  (Silicone oil)  เป็นสารหล่อลื่น ที่ละลายในน้ำ ไม่ทำลายคุณภาพเนื้อยาง อย่างไรก็ตาม มาตรฐานถุงยางอนามัย มอก.625-2559 ของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐานสากล ISO 4074 : 2015 ไม่ได้กำหนดว่าควรจะเติมสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัยปริมาณเท่าไร มีกำหนดเพียงวิธีทดสอบปริมาณสารหล่อลื่น ดังนั้นการเติมปริมาณสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัยจึงขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเป็นผู้กำหนด ส่วนมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้มีปริมาณสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัยอยู่ในช่วง 400–600 มิลลิกรัม

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องการหาสารหล่อลื่นเพิ่มเติมเพื่อใช้กับถุงยางอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ขอแนะนำให้ใช้สารหล่อลื่นประเภทใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ซึ่งจะไม่ทำลายสภาพหรือทำให้คุณภาพถุงยางอนามัยเสียหาย ต่างกับการใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันพืชหรือน้ำมันแร่ เช่น เบบี้ออยล์, น้ำมันทาผิว, ปิโตรเลียม เจลลี่, น้ำมันปรุงอาหาร และน้ำมันชนิดอื่นๆ เนื่องจากจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพ แตกง่าย ทำให้ไม่สามารถใช้คุมกำเนิดหรือป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

นายแพทย์สุขุม กล่าวต่ออีกว่า สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ศึกษาผลกระทบของการทาเพิ่มด้วยสารหล่อลื่นชนิดต่างๆ ที่ผู้ใช้มีโอกาสนำมาใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย โดยพิจารณาความเหนียวและความยืดตัวของยางจากค่าความดันและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัย วิธีทดสอบตาม มอก.625-2559 กำหนดชุดควบคุมเป็นถุงยางอนามัยที่ไม่ทาสารหล่อลื่นเพิ่ม ชุดทดลองเป็นถุงยางอนามัยที่ทาสารหล่อลื่นแต่ละชนิดเพิ่ม แยกเป็นสารหล่อลื่นประเภทใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย (water-based lubricant) ได้แก่ เค-วาย เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ และสารหล่อลื่นประเภทใช้น้ำมันเป็นตัวทำละลาย (oil-based lubricant) ได้แก่ เบบี้ออยล์, บอดี้ โลชั่น, วาสลีน ปิโตรเลียม เจลลี่ และน้ำมันพืช ได้ทดลองทาสารหล่อลื่นเพิ่มบนถุงยางอนามัยทิ้งไว้เป็นเวลา 5, 10, 30 และ 45 นาที ตามลำดับ แล้วนำไปทดสอบด้วยเครื่องทดสอบความดันและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัย

ผลการทดสอบพบว่า เค-วาย เจลหล่อลื่น สูตรน้ำ ไม่มีผลทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัย เนื่องจากเป็นสารหล่อลื่นประเภทละลายในน้ำ ไม่ทำลายพันธะเคมีของยางธรรมชาติ มีค่าความดันและปริมาตรขณะแตกใกล้เคียงกับถุงยางอนามัยชุดควบคุม สำหรับถุงยางอนามัยที่ทาเพิ่มด้วยสารหล่อลื่นประเภทละลายในน้ำมัน พบว่า น้ำมันพืช ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัยสูงสุด รองลงมาได้แก่ เบบี้ออยล์, ปิโตรเลียม เจลลี่ และบอดี้ โลชั่น ตามลำดับ เห็นผลชัดเจนหลังทาทิ้งไว้เพียง 5 นาที เนื่องจากถุงยางอนามัยแตกเร็วขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับถุงยางอนามัยชุดควบคุม

ที่มา thaitribune




Create Date : 29 เมษายน 2560
Last Update : 29 เมษายน 2560 3:33:09 น. 0 comments
Counter : 293 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.