bloggang.com mainmenu search






ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 330





.
"คนเดียวก็ได้ สบายดี"
 
 




โจทย์โดย 
คุณ tanjira
 




คำอธิบายโจทย์ (แนวทางการเขียน)



เคยทำเรื่องบางเรื่อง หรือกิจกรรมบางอย่างตัวคนเดียวบ้างมั้ย แล้วรู้สึกอย่างไรกับการทำอะไรคนเดียว ทั้งในแง่ของความสนุกสนานที่ทำ ความสะดวกสบาย ความคล่องตัว เขียนได้เต็มที่เลย มาเขียนเรื่องราวที่เป็นประสบการณ์ลักษณะนั้นแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน





-------------------------------------------------------------------
 
 



 
เจ้าของบล็อกโตมาในครอบครัวขยาย  (แบบใหญ่มากๆ)  ในเนื้อที่เดียวกันมีบ้านญาติๆ  ปลูกอยู่รวมๆกันหลายๆหลัง  นับรวมๆญาติแล้วน่าจะ  20  กว่าคน
 
 


ถึงแม้ว่าวันปกติต่างคนต่างแยกย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ส่วนตัวของแต่ละคน  ก็จะไม่ค่อยได้พบหน้ากัน  หรือถ้าหากพบหน้ากันตามทางเดินในบ้าน  หน้าบ้านของแต่ละคน  ก็จะเป็นการพูดคุยกันสั้นๆ  ถามไถ่สาระทุกข์สุขเท่านั้น 
 
 

 
แต่พอถึงวันเสาร์  หรือ  อาทิตย์  ทุกๆมื้อสายๆ  จะต้องมีการมารวมตัวที่บ้านคุณลุงซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวใหญ่อาทิตย์ละ  1  ครั้ง  เพื่อทานอาหารเช้า - กลางวันร่วมกัน  และ  อัพเตทสถานะ  ของทุกคนให้รับรู้โดยทั่วกัน
 
 

 
นอกจากการทำอาหารเยอะๆในมื้อสายๆในวันนั้นแล้ว  ....  เจ้าของบล็อกไม่ชอบวันนี้เลยครับ  นอกจากคนเยอะแล้วเรื่องยังเยอะอีกด้วย  ในครัวก็มีคนผลัดเปลี่ยนเวียนเข้ามาคอมเม้นท์เรื่องอาหาร  เค็มไปบ้างละ หวานไปบ้างละ  คนนั้นเค้าทำแบบนี้  แต่คนนี้เค้าทำแบบโน้น 
 
 

 
ยิ่งบนโต๊ะอาหารยิ่งสนุกกันใหญ่  คิดดูนะครับคน  20  กว่าคนมารวมกันอยู่ในที่เดียวกัน  เสียงมันจะเป็นยังไง 


 
 
พอกินเสร็จ  เก็บล้าง  เก็บครัว  เจ้าของบล็อกจะรู้สึกโดนดูดพลังไปหมดทุกที  ต้องแอบไปงีบตอนบ่ายๆหลังจากอาหารมื้อสายทุกๆอาทิตย์ครับ












 


 
ยิ่งเวลารวมตัวกันไปกินข้าวนอกบ้าน  ถ้าเจ้าของบล็อกเลี่ยงได้เจ้าของบล็อกจะรีบหนีก่อนเลยครับ  มันคือที่สุดของที่สุดในความวุ่นวายครับ  คนนั้นจะกินเมนูนี้  คนนี้จะกินเมนูนั้น  ลุงคนนั้นแซวพนักงานคนนี้  ป้าคนนั้นดุลุงที่ไปแซวพนักงานคนนั้น
 
 


 
ข้ออ้างในการหนีการไปทานอาหารนอกบ้านทั้งบ้านของเจ้าของบล็อกตอนเรียนมหาวิทยาลัยคือ  ต้องอ่านหนังสือ  เพราะทุกคนในบ้านจะเข้าใจเหมือนกันหมดว่าการเรียนนิติศาสตร์ต้องอ่านหนังสือเยอะ  ก็เลยเป็นเหตุผลที่พอฟังได้ครับ  แต่เจ้าของบล็อกก็ไม่ได้หนีทุกครั้งนะครับ  ถ้าหนีทุกครั้งจะเป็นที่จับสังเกตได้ครับ  เจ้าของบล็อกจะหนีบ้าง  ไปบ้าง  ให้ญาติๆไม่สงสัย
 
 



พอทุกคนออกจากบ้านไปทานอาหารกันแล้วเจ้าของบล็อกรู้สึกบ้านสงบมากครับ  ไม่มีเสียงคนเลย  ได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ  ได้ยินเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกัน  .....  มันสงบ   มีความสุขมากๆ  และสมาชิกบล็อกแก๊งเดาถูกครับ .... เจ้าของบล็อกไม่ได้อ่านหนังสือตามคำแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆครับ  แต่เจ้าของบล็อกนอนเล่นบนเปลที่แขวนไว้ใต้ต้นมะม่วง  2  ต้น  แบบเพลินๆ  ได้ซักชั่วโมง 2 ชั่วโมงครับ
 
 








 
เมื่อตอนที่เจ้าของบล็อกไปเรียนต่อต่างประเทศ  พออาการตื่นเต้นที่เปลี่ยนที่อยู่  เปลี่ยนประเทศ  เปลี่ยนสิ่งแวดล้ม  เปลี่ยนเพื่อน  ฯลฯ  หมดไป  วันๆหนึ่งก็จะกลายเป็นชีวิตประจำวันของนักเรียนต่างชาติในประเทศออสเตรเลียธรรมดาๆ 
 
 


เช้าตื่นมากินอาหารเช้า  ถ้ามีเรียนก็แต่งตัวออกไปเรียน  ถ้าไม่มีเรียนก็กลับไปอ่านหนังสือในห้อง  หรือไปอ่านที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย  หรือไม่ก็ทำรายงานที่จะต้องส่งตามกำหนดไป
 
 


กลางวันก็หาอะไรง่ายๆกินไป  ถ้ามีเรียนตอนบ่ายก็เตรียมตัวออกไปเรียน  ถ้าไม่มีเรียนก็กลับไปอ่านหนังสือหรือทำรายงานต่อจนถึงเย็น – ค่ำ  แต่ถ้าวันไหนต้องไปทำงานพิเศษก็จะเตรียมตัวออกไปทำงานพิเศษ
 


กลับมาจากเรียนหรือกลับมาจากทำงานพิเศษก็นอนพักผ่อน  ....  เป็นอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ ครับ  อย่าคิดว่าชีวิตนักเรียนนอกจะหรูหรา  วันๆไม่ทำอะไรเดินไปเดินมา  ไปเที่ยวที่นั้นที่นี่แบบในหนัง  ....  ไม่มีครับ  ย้ำอีกครั้งว่า ... ไม่มีจริงครับ



 
ถีงแม้ว่าเจ้าของบล็อกจะเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนคนไทยอีก  2  คน  เอาเข้าจริงๆแล้วจะเจอหน้ากันน้อยมากครับ  เราจะเจอหน้ากันตอนกินกาแฟตอนเช้า  แต่พูดกันน้อยมากๆ  เพราะเราทั้ง  3  คนชอบกินกาแฟเงียบๆ  เจ้าของบล็อกชอบจิบกาแฟร้อนๆ  แล้วนั่งทอดสายตาออกนอกประตูห้องกินข้าวที่จะเปิดออกไปสู่ถนนหน้าบ้าน  ดูรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมา  ดูคนเดินผ่านไปผ่านมา  เพื่อนอีกคนหนึ่งชอบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกับกินกาแฟตอนเช้า  ส่วนอีกคนถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวตัวเดียวกันก็จะชอบเอาโน๊ตบุคมาอ่านสรรพเพเหระ
 
 


พอกินอาหารเช้าเสร็จก็จะแยกย้ายกันไปปฎิบัติภารกิจส่วนตัวกันทั้งวัน
 
 















ถ้าวันไหนเจ้าของบล็อกว่างๆ  ไม่มีเรียนทั้งว้น  ไม่มีรายงานจะต้องทำ  ไม่มีงานพิเศษที่จะต้องไปทำ  เจ้าของบล็อกไม่เคยนอนอยู่บ้านเฉยๆครับ  จะแต่งตัวออกจากบ้านทุกครั้ง  บางทีก็ยังไม่มีจุดหมายนะครับว่าจะไปไหน  แต่ก็ขอให้ได้แต่งตัวออกจากบ้านไปก่อน  ไปตั้งหลักที่ในเมือง  Melbourne  แล้วจะไปที่ไหนค่อยว่ากัน  บางทีก็นั่งรถไฟไปเดินเล่นที่เมืองใกล้ๆกัน  พอเย็นๆค่อยนั่งรถไฟกลับมาที่  Melbourne  แล้วกลับบ้านนอน  มีบ้างเหมือนกันที่เจ้าของบล็อกนั่งรถไฟไปเที่ยวอีกเมืองนึงคนเดียว  พอบ่ายๆ  เพื่อนๆโทรมาจะนัดไปกินข้าวเย็นกัน  พอเจ้าของบล็อกบอกว่าตอนนี้เจ้าของบล็อกอยู่ที่ไหน  เพื่อนๆต่างตกใจมากเพราะว่าเมืองที่เจ้าของบล็อกไปเที่ยวอยู่ห่างจาก  Melbourne  เกือบๆ  300  กิโลเมตร  ....  แต่ว่าการเดินทางข้ามเมืองใน  Melbourne  สะดวกสบายมากครับ  300  กม  แค่นั่งรถไฟชิลๆ แค่  2  ชั่วโมงกว่าๆก็ถึง  Melbourne  แล้วครับ
 
 



พอเจอหน้ากันที่ร้านอาหารเพื่อนต่างสงสัยว่าเจ้าของบล็อกไปทำอะไรที่ต่างเมือง  เจ้าของบล็อกก็ตอบว่า 
“ไปเดินเล่น”  ....  และคำถามสำคัญคือ  “ไปกับใคร”  ....  “ไปคนเดียวจ้า”






 

 


บางครั้งถ้าเจ้าของบล็อกไมรู้จะไปไหนจริงๆ  เจ้าของบล็อกจะไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ  ที่  Melbourne  เป็นรัฐที่มีชื่อเล่นว่า  Garden  state  เพราะมีสวนสาธารณะเยอะมากๆ  เป็นเมืองสีเขียว  กลางเมือง  Melbourne  มีสวนสาธารณะใหญ่ๆ  2 – 3  แห่ง  เจ้าของบล็อกไปเดินเล่นเพลินๆ  ถ้าเมื่อยหาที่นั่งอ่านหนังสือที่พกติดตัวเป็นประจำ  กินแซนวิช  กินผลไม้  จิบน้ำที่พกมาจากบ้าน  แค่นั้นเจ้าของบล็อกก็สามารถใช้วลาว่างทั้งวันได้แล้วครับ
 








 






ก่อนที่เจ้าของบล็อกจะไปเรียนต่อคุณอาของเจ้าของบล็อกได้พูดกับเจ้าของบล็อกว่า 
 


 

“อย่าทิ้งเวลาไปเปล่าๆ  มีโอกาสออกไปดูโลกที่กว้างดีกว่าคนอีกหลายๆคนแล้วให้ตักตวงประโยชน์ให้ได้มากที่สุด  อะไรที่ไม่เคยไปให้ไปดูให้เห็นกับตา  อะไรที่ไม่เคยทำ  ถ้าไม่อันตราย  ไม่เสี่ยง  ให้ลองทำ  เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาที่  Melbourne  อีกหรือเปล่า”
 
 



เจ้าของบล็อกขอบคุณคุณอาของเจ้าของบล็อกมากๆ  เจ้าของบล็อกได้ทำตามคำที่คุณอาสอนอย่างเคร่งครัด  ถึงแม่ไม่มีเพื่อนเที่ยว เจ้าของบล็อกก็ไม่สนใจครับ  เจ้าของบล็อกก็ไปเที่ยวคนเดียว  สบายดีซะอีก  อยากไปไหนก็ไป  อยากทำอะไรก็ทำ  อยากกินอะไรก็กิน  ไม่ต้องขอความเห็นจากใคร
 



 
ตลอดเวลาเจ้าของบล็อกอยู่ที่  Melbourne  เจ้าของบล็อก  เดิน  เที่ยวในเมือง  Melbourne  จนทั่ว  จำขึ้นใจได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน  รวมไปถึงเมืองรอบๆ  Melbourne  เมือง  Gold  Coast  และเมือง  Brisbane  จนเจ้าของบล็อกกลับมาเมืองไทยได้มาอยู่ในห้อง  Blueplanet  ของ  Pantip  ได้ให้ข้อมูลและเขียนกระทู้เกี่ยวกับเมือง  Melbourne  เมือง  Gold  Coast  และเมือง  Brisbane  ให้กับคนที่ต้องการไปเที่ยว  Melbourne  เมือง  Gold  Coast  และเมือง  Brisbane  ตลอด  ได้จัดทริปให้สมาชิกพันทิบไปเที่ยว   Melbourne  เมือง  Gold  Coast  และเมือง  Brisbane  ด้วยตัวเองหลายสิบคน   ถือว่าเป็นจุดกำเนิด 
ทนายอ้วน  มาจนถึงวันนี้ครับ




 
133133133



 
Create Date :03 กรกฎาคม 2566 Last Update :3 กรกฎาคม 2566 9:21:07 น. Counter : 524 Pageviews. Comments :11