bloggang.com mainmenu search
วันนี้จะไปไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ และเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์ของสิงคโปร์หลายแห่งด้วยครับ


Esplanade Park เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ตั้งอยู่บริเวณ Esplanade ใกล้ๆกับ Colonial Core หรือศูนย์ราชการ และ Esplanade Theater on the bay

Esplanade Park สร้างขึ้นเมื่อปี 1943 และได้รับการพัฒนาใหม่เมื่อปี 1991 Esplanade Park จะอยู่ติดกับ Padang ซึ่งเป็นลานกว้างอเนกประสงค์กลางเมือง ที่ทำการศาลสูง และ City Hall ครับ

Esplanade Park เป็นที่ตั้งของสถานที่ที่มีความสำคุญทางประวิติศาสตร์ของสิงคโปร์หลายแห่งเลยนะครับเช่น Dalhousie Obilisk, Lim Bo Seng Memorial, Queen Elizabeth Walk, Indian National Army Memorial, Cenotaph และ Tan Kim Seng Fountain

Esplanade Park มีขนาดไม่ใหญ่มากครับ แต่ก็มีความร่มรื่น สวยงาม น่าเดินเล่นมากๆเลยครับ


เดี๋ยวเราออกเดินกันเลยดีกว่าครับ


ให้ดูแผนที่กันก่อนนะครับ ในส่วนแรกเราจะไปชม Dalhousie Obilisk, Victoria Concert Hall, Lim Bo Seng Memorial, Indian National Army Memorial และ Queen Victoria Walk กันก่อนครับ


Photobucket

Photobucket


Dalhousie Obelisk ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำสิงคโปร์ใกล้ๆ Asian Civilization และ Vitoria Concert Hall บริเวณนี้เค้าเรียกกันว่า Empress Place ถือว่าเป็นอนุเสารีย์แห่งแรกของสิงคโปร์เลย สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการมาเยือนสิงคโปร์ของ Marquis Dalhousie ในปี 1850 ออกแบบโดย John Turnbull Thomson ซึ่งเป็นสถาปนิกและนักสำรวจของรัฐบาล โดยได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเสาหินโอบิลิสค์ของอียิปต์ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “เข็มเย็บผ้าของพระนางคลีโอพัตรา” (Cleophatra’s Needle) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Thames ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ


Photobucket


Photobucket


Photobucket



ท่านลอร์ด Dalhousie เป็นข้าหลวงใหญ่ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษในอินเดียระหว่างปี 1848 – 1856 ได้มาเยือนประเทศสิงคโปร์เป็นเวลา 3 วัน พร้อมภรรยาคือ Marchioness Dalhousie ได้มาถึงประทศสิงคโปร์ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1850 โดยมีผู้ว่าการ Governor Temenggong ชาวยุโรปที่มาอยู่ในประเทศสิงคโปร์ พ่อค้าชาวจีน และนักธุรกิจชั้นนำร่วมกันออกต้อนรับ เนื่องด้วยบริษัท บริติช อินเดีย ทำการบริหารสิงคโปร์ผ่านข้าหลวงใหญ่ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษในอินเดีย วัตถุประสงค์ของการมาเยือนครั้งนี้เพื่อเป็นการลดอำนาจบริหารของบริษัท บริติช อินเดีย

หลังจากการมาเยือนของ ท่านลอร์ด Dalhousie ได้มีการประชุมพิเศษต่อเนื่องกันหลายครั้งเพื่อทำการปรึกษาหารือกันว่าประชาชนชาวสิงคโปร์จะแสดงความรู้สึกตื้นตันใจในการมาเยือนของ ท่านลอร์ด Dalhousie อย่างไรดี ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปออกมาว่าควรจะสร้างอนุเสาวรีย์เพื่อเป็นที่ระลึกในการมาเยือนของท่านลอร์ด Dalhousie โดยได้ตกลงว่าจะสร้างไว้ ณ สถานที่ที่ ท่านลอร์ด Dalhousie ได้เหยียบแผ่นดินสิงคโปร์เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือบริเวณฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์ บริเวณ Empress Place นั่นเอง

คณะกรรมการซึ่งประกอบไปด้วย M.F. Davidson, J. Guthrie, Tan Kim Seng, Ang Choon Seng และ Seath Kim Seng ได้เลือกให้สร้างเสา Obelisk เพื่อเป็นอนุสาวรีย์โดยจะให้ประชาชนสิงคโปร์บริจาคคนละ 5 เหรียญ แต่ว่าประชาชนชาวสิงคโปร์ไม่มีใครใส่ใจนักครับ ถึงขั้นเอาไปเขียนจดหมายเปิดผนึกลงหนังสือพิมพ์ Straits Times ในเดือนกันยายน 1850 กันเลยทีเดียว ในจดหมายนั้นเขียนทำนองว่า ท่านลอร์ด Dalhousie ไม่เคยทำอะไรให้ประเทศสิงคโปร์ซะกะอย่าง เห็นแต่มาเดินจับมือกับนักธุรกิจ ที่สำคุญยังไม่เคยบริจาคเงินซักสตางค์แดงเดียวเมื่อตอนสร้างอนุสาวรีย์ Sir Stamford Raffles ก็มีคนสนับสนุนกันเยอะเลยครับ อีกคนนึงดูถูก ท่านลอร์ด Dalhousie ว่าคนอย่างนี้ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษเลย

อย่างไรก็ตามครับ เสาหิน Dalhousie Obelisk ก็ได้ถูกสร้างต่ออย่างเงียบๆ และเสร็จสิ้นไป 1850 ตอนแรกเลยถูกนำไปตั้งไว้ที่ Dalhousie Ghaut ซึ่งเป็นท่าเรือแห่งใหม่ทีสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ท่านลอร์ด Dalhousie ตรงสุดถนน High Street แต่ในปี 1866 ก็ได้ถูกย้ายออกไปเนื่องจากไปกีดขวางการสร้าง Connaught Drive และ Anderson Bridge ต่อมาในปี 1885 ก็ได้มีการเรียกร้องให้ทำลาย Dalhousie Obelisk เพราะต้องการที่ไปสร้างถนนสายใหม่ แต่คำร้องนี้ก็ถูกยกเลิกไปโดย ผู้ว่าการ Cecil Clemanti ด้วย ผู้ว่าการ Cecil Clemanti การกระทำของคนยุคหนึ่งไม่ควรจะถูกคัดค้าน ยกเลิก โดยคนรุ่นใหม่กว่า ในที่สุด Dalhousie Obelisk ก็ได้ถูกรื้อเป็นชิ้นสาวนแล้วนำมาประกอบกันใหม่ให้ห้างมาจากสถานที่ก่อสร้างถนนนั้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 1890 ในปี 1891 Dalhousie Obelisk ก็ได้ถูกย้ายมาที่บริเวณ Empress Place และก็ได้ตั้งอยู่ตรงนี้เป็นเวลา 109 ปีแล้วครับ

ปูลู นิดนึงนะครับ การมาเยือนสิงคโปร์ของท่านลอร์ด Dalhousie ไม่ได้ทำอะไรให้กับประเทศสิงคโปร์เลยซักนิดดียวครับ ในขณะที่นักธุรกิจท้องถิ่นหวังให้ท่านลอร์ด Dalhousie นำความเจริญ ความทันสมัย หรือสิ่งไหนที่จำเป็นในการทำธุรกิจ มาสู่ประเทศสิงคโปร์ ดังนั้น Dalhousie Obelisk จึงเป็นเพียวเครื่องเตือนใจถึงการมาเยือนสิงคโปร์ของ ท่านลอร์ดเท่านั้นเอง



Photobucket


Photobucket


เราจะเห็น Victoria Theater and Concert Hall อยู่ด้านหลังครับ ตอนนี้เค้ากำลังปิดซ่อมขนานใหญ่เลยครับ


มีประวัติมาให้ดูเล็กน้อยครับ

Victoria Theater and Concert Hall เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ครับ จริงแล้วเป็นกลุ่มของอาคารนะครับ คือมีหลายหลัง แต่คนจะเข้าใจผิดไปว่ามีหลังเดียวครับ

Victoria Theater and Concert Hall แรกเริ่มเดิมทีเป็น Town Hall ครับ ออกแบบโดย John Bernett เริ่มก่อสร้างในปี 1856 มาเสร็จสิ้นในปี 1862 ถือว่าเป็นอาคารแรกของสิงคโปร์ที่ก่อสร้างด้วยรูปแบบ Italian Renaissance ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมยุควิคตอเรียนได้เด่นชัดมากๆ อาคาร Town Hall แห่งนี้เป็นอาคารแบบทวิประโยชน์ คือใช้เป็นโรงละครก็ได้ และในขณะเดียวกันก็ใช้เป็นสถานที่ทำงานไปด้วย แต่ว่าการใช้งานเป็นโรงละครคงจะมีมากกว่ามากๆ ดังนั้นจึงได้ย้ายที่ทำงานออกไปในปี 1883

ในปี 1903 จึงได้มีการสร้าง Concert Hall ขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าวิคทอเรียซี่งเสด็จสวรรคตในปี 1901 โดยมี Regent Alfred John Bidwell แห่งบริษัท Swan & MacLaren เป็นผู้ออกแบบ

ตรงหน้า Victoria Theater and Concert Hall จะมีรูปปั้น Sir Stamford Raffles ตั้งอยู่ เมื่อแรกสร้างรูปปั้นนี้ตั้งอยู่บริเวณ Esplanade ได้มีพิธีเปิดรูปปั่นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 1887 โดย ผู้ว่าการ Straits Settlement, Sir Frederic Weld เป็นผู้ทำพิธีเปิดรูปปั้นนี้ รูปปั้น Sir Stamford Raffles มีความสูง 8 ฟุต หล่อด้วยทองเหลือง เป็นรูปเต็มตัวของ Sir Stamford Raffles อยู่ในท่ากอดอก ครุ่นคิดใบหน้าเอียงเล็กน้อย มราฐานของรูปปั้นมีตราประจำตระกูล Raffles แผนที่ของช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน British Malaya


Photobucket


Photobucket


เราเดินลอดใต้สะพาน Anderson Bridge มาครับ ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Esplanade Park จริงๆครับ มองไปทางซ้ายจะเห็น Marina Sand Hotel ครับ และจะเห็นกลุ่มอาคารของ Financial District ของสิงคโปร์ด้วยครับ


Photobucket


Photobucket


ถึงตรงนี้ให้มองทางซ้ายเอาไว้ให้ดีครับ เพราะจะมีพุ่มไม้บังอยู่ครับ Lim Bo Seng Memorial จะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ห่าจากทางเดินเลียบริมแม่น้ำครับ


Photobucket



อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณ Queen Elizabeth Walk ภายใน Esplanade Park อนุสาวรีย์แห่งนี้มีรูปแบบเฉพาะตัวมากๆ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการกระทำอันกล้าหาญในการที่จะต่อต้านการบุกเข้ามายึดครองสิงคโปร์ของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าชุมชนชาวจีนจะไม่ใคร่พูดถึงช่วงเวลาดังกล่าวนัก ลิม โบ เส็ง นายทหารแห่งกองพันที่ 136 เสียชีวิตลงเพราะถูกทรมานในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย อนุสาวรีย์ที่ระลึก Lim Bo Seng ได้มีพิธีเปิดเมื่อ 29 มิถุนายน 1954 อันเป็นวันครบรอบ 10 ปีที่ Lim Bo Seng ได้เสียชีวิตลง

ร่างของ Lim Bo Seng ที่ฝังอยู่ที่ รัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย ได้ถูกขุดขึ้นมา และ ถูกนำกลับมายังประเทศสิงคโปร์ และได้ถูกฝังลง ณ บริเวณ MacRitchie Reservoir อย่างสมเกียรติในวันที่ 13 มกราคม 1946 และได้รับเลื่อนยศให้เป็นพลตรีโดย ฯพณฯ ท่านเจียงไคเช็ค

ต่อมาคณะกรรมการ จึงจัดให้มีการก่อสร้างอนุสรณ์สถาน Lim Bo Seng ขึ้น โดยมี Ng Keng Seng เป็นผู้ออกแบบ โดยได้สร้างเลียนแบบเจดีย์ของจีน เป็นทรง 8 เหลี่ยม ตัวอนุสรณ์สถานสร้างพื้นหินอ่อน หลังคา และรูปปั้นสิงโตที่ฐาน 4 ตัว ทำจากทองเหลือง



Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


บริเวณทางเดินตรงนี้เค้าเรียกกันว่า Queen Elizabeth Walk ครับ สร้างขึ้นเพื่อนเป็นที่ระลึกการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระนางเจ้า Elizabeth ประมุขของอักกฤษในปี 1953 ทางเดินอันนี้จะเป็นทางเดินริมแม่น้ำไปเชื่อมกับ Esplanade Theater on the bay หรือที่ทุกท่านรู้จักกันในนามตึกทุเรียนครับ


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


เอกลักษณ์ของอาคารแห่งนี่คือหลังคาจะมีลักษณะคล้ายหนาม ข้างในจะเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะและคอนเสิร์ตต่างๆครับ


Photobucket


Photobucket


ส่วนทางด้านซ้ายจะเห็น Indian National Army Memorial เป็นอนุสรณ์สถานไม่ค่อยมีใครอยากจดจำกันซักเท่าไหร่ครับ อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นที่รำลึกถึงทหารชาวอินเดียที่สู้รบรวมกับทหารญี่ปุ่น เพื่อต่อต้านฝ่ายพันธมิตรซึ่งก็คือฝ่ายอังกฤษในสมรภูมิที่ประเทศพม่า โดยการนำของ Subhas Chandra Bose


Photobucket


จริงๆแล้วอนุสรณ์สถานแห่งนี้ได้ถูกทุบทิ้งโดยชาวอังกฤษไปแล้วครั้งนึงนะครับ ประมาณปลายปี 1945 ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่และทำพิธีเปิดโดย พณ ฯ ท่าน S Dhanabalan อดีตรัฐมนตรี ในวันที่ 15 กรกฎาคม 1995


Photobucket


Photobucket


แล้วเราเดินตามทางนี้ตรงไปครับ


Photobucket


ข้างหน้าเราคือ Cenotaph ครับ


Photobucket


นี่คืออนุสาวรีย์ทหารนิรนามของสิงคโปร์ครับ แต่ที่ตลกก็คือสิงคโปร์ไม่ได้มีกองทหารเข้าร่วมสงครามในสงครามใดๆเลยครับ มีแต่กองทหารอาสาชาวยุโรปร่วมกับกองทหารมาเลย์ที่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ณ สมรภูมิ Western Front ในนามประเทศสิงคโปร์ โดยเดินทางไปถึงสมรภูมิในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1914 มีทหารเสียชีวิต 124 นาย รัฐบาล Straits Settlements ได้ดำริที่จะสร้างอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงทหารผู้กล้าเหมือนกับที่ Whitehall ใน London จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ทหารนิรนามขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งแรกที่รัฐบาล Straits Settlements ได้ออกงบประมาณเพื่อเป็นการทำอะไรๆให้กับทหารผู้เสียชีวิต ได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1920 โดยผู้ว่าการ Straits Settlements Sir Laurence Guilemard และ Denis Santry สถาปนิกแห่งบริษัท Swan & MacLaren ที่มีชื่อเสียงเป็นผู้ออกแบบ ซึ่ง Denis Santry ได้ออกแบบให้คล้ายกับอนุสาวรีย์ทหารนิรนามที่ Whitehall ใน London และได้จารึกข้อความที่เหมือนกันว่า “To Our Glorious Dead”


Photobucket


Photobucket


อนุสาวรีย์ทหารนิรนามแห่งนี้ได้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเหล่าทหารหาญที่เสียชิวิตในสมรภูมิต่างๆ และไม่สามารถนำร่างกลับมาฝังยังบ้านเกิดเมืองนอกได้อย่างสมศักดิ์ศรี อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องระลึกถึงความกล้าหาญของทหารหาญเหล่านั้นให้กับบรรดาญาติพี่น้อง

อนุสาวรีย์ทหารนิรนามของสิงคโปร์ตั้งอยู่บริเวณ Esplanade Park ใกล้ๆกับที่ทำการสำคัญของรัฐบาลEmpress Place (ปัจจุบันคือ Asian Civilization Museum) ที่ทำการศาลหลังเก่า (ปัจจุบันคือ Art House at Old Parliament) ปาดัง และโบสถ์ St. Andrew’s เป็นสัญลักษณทางการเมืองว่าประเทศสิงคโปร์ผูกพันกับประเทศอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมเป็นอันมาก และทุกๆวันที่ 11 พฤศจิกายน จะเป็นวันที่ระลึกถึงทหารผ่านศึกโดยมีการวางพวงมาลา และ สวนสนามที่สนามปาดัง

นอกจากจะเป็นสถานที่เพื่อระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของเหล่าทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อนุสาวรีย์ทหารนิรนามยังเป็นสถานที่เพื่อระลึกถึงเหล่าทหารหาญที่เสียชิวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 และ การต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากการเป็นประเทศอาณานิคมด้วยครับ


Photobucket


Photobucket


Photobucket


เดินต่อไปอีกนิดจะเห็น Tan Kim Seng Fountain หรือ น้ำพุ Tan Kim Seng

ตั้งอยู่บริเวณมุมเหนือสุดของ Esplanade Park ดูไม่ค่อยเข้ากับอนุสาวรีย์สงครามที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Park ซักเท่าไหร่นะครับ น้ำพุแห่งนี้มีอายุ 127 ปี เป็นน้ำพุที่เทศบาลเมืองสิงคโปร์สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึง Tan Kim Seng ผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดในการำดำเนินการก่อสร้างระบบน้ำประปาในสิงคโปร์


Photobucket


ได้มีพิธีเปิดน้ำพุแห่งนี้เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1882 โดย นายกเทศมนตรีสิงคโปร์ Mr. Thos Scott บริษัท Messers Andrew Handyside & Co Britannia Iron Work แห่งเมือง Derby ประเทศอังกฤษ เป็นผู้จัดหาเหล็กกล้าที่ใช้ประกอบเป็นตัวน้ำพุ และส่งมาประกอบที่ประเทศสิงคโปร์โดยวิศวกรของเทศบาลสิงคโปร์ ในวันเปิดน้ำพุหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ลงข่าวกันครึกโครมรวมทั้ง Straits Times Overland Journal


Photobucket


Photobucket


ได้บรรยายถึงน้ำพุแห่งนี้ไว้อย่างละเอียดทีเดียวว่า..... ส่วนล่างของน้ำพุแบ่งเป็นช่องๆ 4 ช่อง โดยรูปสลักและทำเป็นมุมยื่นออกมาข้างหน้า แต่ละช่องมีรูปกามเทพ 2 ตนนั่งอิงกันมีคนโทน้ำอยู่ตรงกลาง มือข้างหนึ่งเค้าคนโทอยู่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือสามง่าม ที่คนโทเจาะเป็นช่องให้น้ำไหลลงสู่เปลือกหอยขนาดใหญ่ที่รองรับน้ำ ที่มุมที่ยื่นออกมาทั้งสี่มุมของชั้นล่างสุดมีรูปกามเทพกำลังเทน้ำจากคนโทลงอ่างคอนกรีตเบื้องล่าง ชั้นถัดขึ้นไปเป็นอ่างคอนกรีตขนาดเล็กกว่าด้านล่างเล็กน้อย ที่ชั้นนี้ได้แบ่งออกเป็น 4 ช่องเช่นกัน แต่ละช่องประดับด้วนรูปปั่นหน้าเทพเจ้าแห่งน้ำและมีน้ำพุ่งออกมาจากปาก สูงขึ้นไปซึ่งถือว่าเป็นตัวของน้ำพุจริงๆ เป็นประติมากรรมที่สวยงามรูปผู้หญิง 4 คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบกรีกนั่งห้อยขทำท่าทางต่างกัน ส่วนล่างของชั้นบนสุดเป็นอ่างคอนกรีตขนาดเล็ก ตรงกลางทำเป็นรูปปลาโลมา 4 ตัวพยุงฐานของน้ำพุ น้ำพุนี้นับจากฐานมีความสูงถึง 15 ฟุต


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


เมื่อแรกสร้างน้ำพุ Tan Kim Seng ตั้งอยู่ที่ Fullerton Square จนกระทั่งปี 1925 จากนั้นก็ได้มีการย้ายมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันเพราะเนื่องจากต้องการสถานที่เพื่อใช้สร้างอาคาร Fullerton น้ำพุ Tan Kim Seng นี่ยังอยู่ในสภาพดีครับ เสียดายที่วันที่เราไปน้ำพุไม่เปิด เลยอดเห็นเลยว่าจะสวยงามอย่างที่เค้าเขียนไว้หรือเปล่า

จบการพาเที่ยว Esplanade Park แต่เพียงเท่านี้ครับ


Chubby Lawyer Tour ..................... เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน



Photobucket


Photobucket





Create Date :18 กรกฎาคม 2554 Last Update :18 กรกฎาคม 2554 7:24:58 น. Counter : Pageviews. Comments :6