นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 18
                ผลจากไฟไหม้โกดังเก็บสินค้าบริษัทใหญ่ ทำให้โรงงานของเขา มีงานผลิตเพิ่มขึ้น เครื่องจักรกลับ มาเดินยี่สิบสี่ชั่วโมงอีกครั้ง คุณภาณุภาพและคุณกรกฏ สลับเข้าดูโรงงาน ท้องฟ้า ติดตามทั้งสองนาย รอบนี้นายเก่า
               “ผมเห็นคำสั่งปรับเครื่องจักร” ท้องฟ้าถามนาย
               “ใช่”
               “เราผลิตข้ามออเดอร์”
               เขาเห็น ของในตู้ท้ายโกดัง ถูกขนมาเข้าการผลิตก่อน อากาศในโรงงานร้อนขึ้น กว่าที่เคยทำการทดสอบ
               “เราต้องระวังเรื่องอะไรบ้างท้องฟ้า”
               “เครื่องน็อก ระหว่างผลิต ห้ามมีการกระตุกของกระแสไฟเด็ดขาด”
                “โรงงานเราลงทุนเครื่องสำรองไฟไว้เป็นร้อยล้าน จะได้ใช้ตอนนี้”
                 “แต่เราไม่เคยทำ…..”
                “เราต้องทำ” เจ้านายตัดความ
                 “ผมไม่เข้าใจ การผลิตนี้เสี่ยงต่อเครื่องจักร เพียงเพื่อผลิตแทนบริษัท อื่น” ท้องฟ้าเสียงดัง
                 เขาพลิกดูเอกสารอย่างหัวเสีย
                “ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเจรจาของผู้บริหาร แต่นี่มันอาจทำให้เกิดความเสียหายเกินกว่า จะรับกันไหว” เขาพูดโพลง หลายเรื่องราว ปรับแปรเปลี่ยน เหมือนทุกอย่างกำลังถูกทำลาย เขาโกรธ แต่มิรู้ว่า กับเรื่องใด คนงานใกล้ๆหันมอง เจ้านายลูกน้องมีปัญหา
               “ที่ฉันทำได้เพราะมีนายเป็นผู้ช่วย นี่ไง” ภาณุภาพจับไหล่เขา  “นายห่วงบริษัทนี้มากกว่าฉันอย่างนั้นหรือ”
                 ท้องฟ้าตอบไม่ได้ เขาไม่รู้จะตอบว่าอะไร
               “ผมขอโทษ” ท้องฟ้ากล่าว สะบัดเนื้อตัวควบคุมอารมณ์ใหม่
               “เราไปดูห้องสำรองไฟกันดีกว่า”
 
                  เสียงช่างคุยตะเบ็งดัง สู้เสียงเครื่องจักร ทำทั้งสองเดินเข้าไปหา พบกรกฏยืนฟังการอธิบาย การทำงานของเครื่อง มีการตรวจบำรุงรายเดือน รอบนี้ถึงเวลาเปลี่ยนอะไหล่ แต่ยังรอหน้างานพร้อม
                “ผมไม่คิดว่าที่นี่จะมีเครื่องนี้” กรกฏถามภาณุภาพทันทีที่เห็น
                “เราลงทุนเผื่อเสมอ”
                “เครื่องนี้ใช้แต่ในอุตสาหกรรมหนัก สำหรับโรงงานเราถือว่าเหลือเฟือ”
                 ภาณุภาพหันถามช่างใหญ่
                “เรียบร้อยดีใช่ไหม”
                “เรียบร้อยดีครับ” คนเสียงดังตอบ
                ภาณุภาพมองไปรอบๆ เห็นฟ้องตามคำ
                “ผมจะกลับแล้ว กรกฏนายกลับด้วยกันไหม”
                “ผมขอเดินดูอะไรสักพัก”
                ท้องฟ้าแปลกใจทำไมเจอ คุณกรกฏที่นี่ เขาคิดว่าคุณภาณุภาพก็ด้วยเช่นกัน แต่ก็ว่า ทั้งสองกำลังทำ ผลงาน แม้ไม่แข่งกันชัด แต่ท้องฟ้ารู้ มีการแข่งขันในที คุณกรกฏเริ่มรู้งาน รวมทุนเดิมที่เคยมีประสบการณ์ ทำให้ออกตัวได้เร็ว
 
                ท้องฟ้าเก็บเอกสารใส่กระเป๋านำกลับไปทำต่อที่บ้าน เห็นไฟห้องคุณภาณุภาพเปิด จึงเดินเข้าไปหา
                “ผมกลับแล้วนะครับ” เขาโผล่เข้า รายงานตัว
                “กลับเถอะ”
               “คุณภานุภาพยังไม่กลับหรือ”
               “ยัง”
               คำตอบห้วนๆ กับกองงานบนโต๊ะท้องฟ้าสรุปได้ว่า อีกนาน
              ต่างจากอีกห้องปิดไฟมืด คุณกรกฏยังไม่กลับจากโรงงาน หรือไม่ก็กลับไปแล้ว
เขาปิดไฟโซนโต๊ะนั่ง เดินเข้าลิฟท์ ประตูใกล้ปิด เสียงลิฟท์ด้านข้างเปิด เขาเห็นกรกฏกลับเข้าออฟฟิศ ก่อนประตูลิฟท์เขาปิดลง ‘เลือดกับน้ำอย่างนั้นหรือ’ เขาคิดในใจ
 
               ท้องฟ้ามารอรับพาใจที่ป้ายรถเมล์แถวบริษัท หมวกกันน๊อคเต็มใบ กระจกหน้าสีดำ เสื้อแจ็คเก็ตหนา พราง หากมีคนรู้จักเห็น
                เธอรับหมวกกันน๊อคสภาพเก่ามาสวม ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์นายจ้าง
                “เราต้องคุยกัน” เธอกล่าว
 
              ร้านขายน้ำใกล้ๆเป็นที่ต้องคุย ท้องฟ้ายกแก้วน้ำมาสองแก้ว วางแก้วหนึ่งหน้าพาใจ น้ำหวานสีสดใส เธอเลื่อนมันเข้ามาใกล้
              “ประกันชอบเอกสาร พยายามหาเอกสารเป็นตัวเลขมาให้ได้”
              ท้องฟ้าพลิกดูกระดาษ จำนวนหนึ่ง พาใจหอบกลับมาจากที่ทำงาน
              “หากมีหลายใบ ให้เลือกวันที่ล่าสุด” เขาดึงเอกสารจัดเรียงใหม่
               เธอตั้งใจฟัง หมากในเกมส์กำลังเดิน เธอเป็นผู้เล่น
              “คุณภาณุภาพว่าอย่างไร”
              “ต้องการข้อมูลทุกคน”
               นายของเขาเป็นเช่นนี้ ต้องมีข้อมูลมากกว่าคนอื่นเสมอ
              “คุณภาณุภาพเป็นคนดี เธอให้แค่ข้อมูลกับเขาก็พอ ไม่ต้องเสนออะไรอีก”
               พาใจกลืนน้ำสีสดใส เงินซื้อรสหวานได้จริง หากเปลี่ยนความคิดจอมปลอมเป็นหวานใส จักต้อง ใช้เงินมากสักเพียงใด หรือกับบางคนใช้เงินเพียงหยิบมือ
                นายคนนี้ช่างจงรักภักดี เห็นผู้ดียกตน เป็นดั่งเทวาปกปักษ์ เม็ดเงินหนุนนำความคิด บิดเบือน พาเลือนราง ความจริงอันปรากกฏ หากรู้ไม่ อามิสสินจ้างก็ได้มาด้วยแรงตนแลก มิใช่หรือ จะคิดว่าคน ให้สินจ้างเป็นเจ้าชีวิตได้อย่างไร
               “แต่เขาเสนอให้ฉัน มากว่าคุณนะ”
              “ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า ที่คุณภาณุภาพต้องการหรอก”
              “ถ้าไม่ใช่เรื่องข้อมูล คุณต้องการมากกว่านี้”
               “มันจะมีคำตอบเองเมื่อถึงเวลา”
              “ถ้าอยางนั้นก็คงเป็นเรื่องของฉัน ที่คุณต้องการคำตอบ”
             เธอไม่รู้จัก นายท้องฟ้า แต่เขารู้จักเธอ ไม่ว่าเขารู้จักเธอ อย่างไรเธอไม่สนใจ สิ่งที่เขาต้องการรู้ เกี่ยวกับเธอ นั่นน่าสนใจ เขาจะคลุกอยู่กับเธอเพื่อนายภาณุภาพ อย่างนั้นหรือ เธอได้สิบล้าน นายคนนี้ได้เท่าไร เธอสงสัย
              ท้องฟ้าไม่มีคำถามในเรื่องที่เขาอยากได้คำตอบจากผู้หญิงชื่อพาใจ เขาจะหาคำตอบได้อย่างไร หากไร้คำถาม บางทีอาจเป็นวิธีหาคำถามคือการได้คำตอบ
 
             เธอให้เขาแวะส่งที่ตลาดนัดแถวหมู่บ้าน แทนที่จะเป็นริมทางดังเดิม เธอลงจากรถ ถอดหมวกคืน เดินจากมาไม่มีคำขอบคุณหรือร่ำลา ท้องฟ้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกร้อง คำบอกกล่าวนั้นไปทำไม เขาขับรถกลับบ้าน ใช้เส้นทางลัด ร่นเวลา การรับส่งอสรพิษจะกลายเป็นกิจวัตร หรือมันเป็นวิธี หาคำถาม
 
 



Create Date : 24 กันยายน 2567
Last Update : 24 กันยายน 2567 15:52:43 น.
Counter : 104 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 
รับ ไม่รับ พึ่งพาตนเอง เป็นกลางในการอยู่ ควบคู่ ปัญญา Dh
(7 ธ.ค. 2567 21:18:52 น.)
โจทย์ตะพาบ ... ไกล ... tanjira
(2 ธ.ค. 2567 13:25:45 น.)
วิ่งข้างบ้าน 26,27,28,30 พ.ย.2567/ผลวิ่งเดือน พ.ย.2567 สองแผ่นดิน
(1 ธ.ค. 2567 22:30:27 น.)
นิยายชีวิตบทที่ 3 - "ศพเหม็นคาว" ดอยสะเก็ด
(29 พ.ย. 2567 21:42:55 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bluetheme.BlogGang.com

BlogGang Popular Award#20



madam payee
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด