นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 31 ไวยตรามีการเคลื่อนไหว คนงานโกดัง จัดเรียงวัตถุดิบ เปิดพื้นที่รองรับ ล็อตใหม่ เครื่องจักรปรับการผลิตตามออร์เดอร์ อิทธิลักษณ์ คุณชาญชัย ยืนดูการเคลื่อนย้ายในโกดัง พาใจเดินเข้าไปหา “ได้เห็นการผลิตเต็มกำลังจนได้” “อยากเห็น หรือรู้ว่าจะได้เห็นค่ะ” “รู้พร้อมเธอนั่นละ” คุณชาญชัยยิ้มให้ “โกดังพร้อมวันไหนค่ะ” “มาได้เลย เตรียมพร้อมไว้แล้ว” เธอจดบันทึก ลงสมุด คนโกดังมาทักคุณชาญชัย “คนทางนั้น มาแล้วครับ” พาใจมองตามคำทัก “สวัสดีครับ ผมท้องฟ้า มาดูโกดัง” เขายกมือไหว้คุณชาญชัย โน้มตัวลงให้กับเธอ “สวัสดี ผมดูแลที่นี่ แล้วนี้ พาใจ เธอเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงงาน” เขาส่งยิ้มให้เธอ ครั้งนี้ไร้หมวกกันน็อค เธอยิ้มตอบ ตามมารยาท คุณชาญชัย นำท้องฟ้าดูภายในโกดัง พาใจเดินตาม “แล้วโกดังที่ไฟไหม้” “อยู่อีกด้านหนึ่ง ที่เห็นร้้วล้อม” “เรื่องระบบความปลอดภัย” “ไม่น้อยกว่าอิทธิลักษณ์หรอกครับ” คุณชาญชัยตอบ พาใจยิ้มในที เธอเห็นหางตาท้องฟ้าเหลือบมอง “คุณพาใจใช่ไหมที่ เป็นข่าวในคราวนั้น” เขาชวนคุย “ค่ะ” เธอคุยสั้นตอบ “มาคนเดียวหรือ” นายโกดังถาม “เปล่าครับ เจ้านายผมอยู่บนตึก” ท้องฟ้ากล่าว สำรวจโกดังเสร็จ ท้องฟ้ากลับเข้าตึกพร้อมพาใจ เพื่อประสานต่อเรื่องโรงงาน ระหว่างทางนั่งรถ ทั้งสองเงียบด้วยคุ้นเคย จนคนงานผู้ขับรถชวนคุย “เราจะได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันไหมครับ” “เรื่องควบรวมนะหรือ ผมก็ไม่รู้นะ แถวนี้กับข้าวอร่อยหรือเปล่าละ” คนชวนคุยนึกขำ “ก็อร่อย ถ้ามาจริงผมพากิน” “เห็นมีร้านเบเกอรี่ ร้านใหญ่” “ร้านนั้นต้องให้คุณพาใจแนะนำ ร้านขวัญใจสาวๆ” เขาหันมาหาเธอ คนขับรถามองผ่านกระจกหลัง “ร้านนั้นกาแฟก็อร่อย เห็นเขาว่ากัน” “ดีเลย ผมชอบกาแฟ” ท้องฟ้ากล่าว ถึงตึกสำนักงาน คนโกดังนำท้องฟ้า ไปพบผู้บริหาร พาใจขอตัวไปโรงงาน แม้มีเสียงสนทนา กลับไม่สร้างปฏิสัมพันธ์ใด การสนทนาเหมือนลมพัดผ่าน มันไม่ดีกว่าความเงียบอย่างไร ความเงียบกลับผสาน เขาและเธอได้มากกว่าอย่างนั้นหรือ หรือเพียงการสนทนาผิวเผินจึงด้อยกว่าความเงียบอันคุ้นชิน ท้องฟ้าถึงห้องประชุม ไวยตรา พอดีกับที่ คุณกรกฏ แจ้งแผนการผลิต การวางวัตถุดิบ ตลอดจนการขนส่งต่อไปที่ลูกค้า เขาไหว้สวัสดีคุณวิทยา ก่อนเดินอ้อมนั่งข้างคุณกรกฏ “เรื่องขนส่งสินค้าผลิตเสร็จทางเราจะจัดรถมารับจากทางนี้” “จะดีกว่าไหมถ้าเราขนส่งให้ด้วยไม่ต้องตีรถไป มา” คุณวิทยากล่าว “ไม่ดีกว่า พี่ ทางผมจ้างเหมาไว้แล้ว” “ก็แล้วแต่ พี่แค่เสนอ” คนเสนอหันมาทางเขา “ดูโกดังแล้วเป็นอย่างไรบ้างละ” “เยี่ยมเลยครับ” ท้องฟ้ากล่าว “มีเรื่องอะไรถามอีกไหม” คุณกรกฏหันมองท้องฟ้า เขาไม่มีคำถาม เผื่อผู้ช่วยมี “ดูโรงงานแล้ว ผมเห็นมีเครื่องจักรยังไม่ได้ติดตั้ง” คุณวิทยาแปลกใจในสีหน้า “เป็นเครื่องส่งมาให้ทดลองใช้ แต่ยังไม่มีโอกาส” “เผื่อทางผมจะได้ใช้บ้าง” ท้องฟ้ายิ้มในที “ทางพี่ละครับ มีคำถามอะไรไหม” คุณวิทยาช่างใจ ก่อนถาม “เดิมผมคุยแต่กับภาณุภาพแล้ว…” ท้องฟ้าปรายตาฟังคำตอบจากเจ้านายของเขา “เรื่องนั้นพี่ไม่ต้องห่วง การเจรจาทุกอย่างยังเหมือนเดิม” “อย่าบอกนะว่าไปคุยกับที่อื่นไว้ด้วย” “พี่ครับ ไม่มีที่ไหนน่ามาเท่าที่นี้แล้ว” การสนทนาในห้องประชุมจบลง สัญญาการจ้างผลิตจะถูกจัดส่ง ในไม่ช้า สำหรับเขา การเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดขึ้น ไม่ว่าชอบหรือไม่ มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ท้องฟ้า ไม่ได้กลับพร้อมคุณกรกฏ เขาเดินมาขึ้นรถสาธารณะหน้าบริษัทไวยตรา เขาเลยเวลา แต่รู้ว่า ไม่ใช่เขาคนเดียว ยืนรอสักพัก เห็นพาใจเดินมา เขาหยิบค่าโดยสารสำหรับสองคน พาใจเห็นเขาเช่นกัน รถมาเทียบพอดีกับเธอ เดินมาถึง เธอขึ้นรถก่อน เขาตามขึ้นมา เขาคว้าถุงเอกสารของเธอมาถือ รถไม่มีที่นั่ง มีแต่ที่ยืน ท้้งสอง ยืนด้วยกัน ตลอดการโดยสารไม่มีเรื่องสนทนา ความเงียบเกิดแต่ผู้โดยสารทั้งคันรถหรือเพียง คนสองคน ถึงที่หมายทั้งสองลงจากรถ เขาส่งถุงเอกสารคืน เธอเดินจากไปในความเงียบ ไร้เสียงสนทนากลับมีเรื่องราว ในความเงียบเกิดเรื่องราวอะไรอย่างนั้นหรือ ความเงียบส่งเสียงเรียกใช่หรือไม่ ท้องฟ้ายืนดูรถบรรทุกขนวัตถุดิบ ออกจากโกดัง มุ่งตรงสู่ไวยตรา กำหนดการปิดโรงงานปรับปรุงระบบไฟ ราวสามเดือน ฝ่ายโกดังยื่นรายการวัตถุดิบให้ท้องฟ้า เขาเห็นผิดปรกติด้วย มีรูปภาพมากกว่าตัวหนังสือ “ของออกจากโกดังไม่ตรงเข้าสายพานผลิต ผมไม่ไว้ใจ” คนโกดังกล่าว ท้องฟ้ายิ้มในที “อีกอย่างคุณภาณุภาพสั่งไว้” ได้ฟังคำ เขายิ้มอีกครั้ง ให้กับเจ้านายเก่า เขาออกจากโกดังพร้อมรถขนคันสุดท้าย กลับเข้าสำนักงาน ตอนเดินเข้าอาคารพนักงาน ต้อนรับทักทายเขา “คุณท้องฟ้ามาแล้วหรือค่ะ” “ครับ” เขาผิดสังเกตุคำทัก แต่มิได้กล่าวอะไร ถึงชั้นทำงาน พี่ๆในฝ่ายรอเขาอยู่ เขารับรู้ด้วยทุกสายตามองมา เขาเห็นผิดปรกติจึงเดินเข้าไปหา “ฝ่ายบุคคลแจ้งว่า คุณภาณุภาพลาออกจากรรมการแล้ว” “จริงหรือ” เขาไม่ได้ตกใจตามพี่ๆ หากแต่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วเท่านั้น “ทั้งที่รู้ข่าวมาบ้างแล้ว แต่พอประกาศจริง ใจหาย” พี่คนหนึ่งกล่าว “หมายถึง พวกเอกสารอนุมัติต่อจากนี้ส่งให้ คุณกรกฏใช่ไหม” อีกคนทัก ขณะจับกลุ่มคุยมีเสียงเรียก “ท้องฟ้า” ทุกคนหันหา คุณกรกฏเดินเข้าฝ่าย เรียกเขาให้ตามไปห้องทำงาน พนักงานต่างสบตากัน เขายืนนิ่งด้วยมีความคิดมากมาย พี่คนหนึ่งดันหลังเขาให้เดินตามไป คุณกรกฏนั่งลงพอดีกับท้องฟ้าเข้ามาพบ “ท่านปู่เสียชีวิตเพราะทานยาโรคหัวใจไม่ทัน” “ผมไม่เข้าใจ” “ท่านเป็นโรคเส้นลือดหัวใจ ต้องระวังให้มียาประจำติดตัวตลอดเวลา” “เท่ากับท่านเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวอย่างนั้นหรือ” “ดูเหมือนใช่ แต่ที่คฤหาสน์ไม่เคยขาดยา มีคนนำยาไป” “เอายาไปซ่อน ไม่ให้ท่านกินยาตอนโรคกำเริบ” “พี่เอียด คนรับใช้แน่ใจว่า ยาวางไว้ตลอดตรงชุดน้ำชาของท่าน” “คุณกรกฏจะบอกอะไร” “พี่เอียด ชงน้ำชาให้ท่านก่อนที่ภาณุ จะเข้าไปหา” ท้องฟ้าไม่มีคำสนทนาใด “หลังภาณุออกมา คนปัดกวาดยังเห็นขวดยา” “หมายว่าควาอย่างไรเห็นขวดยา” “คุณหมอที่พิสูจน์ร่าง บันทึกว่าในขวดไม่มียา” ท้องฟ้าทรุดนั่งเมื่อทราบถึงสาเหตุการตาย ท่านผู้ใจดี อาการหัวใจกำเริบกลับไม่มียาบรรเทา คว้ายาที่คิดว่าช่วยชีวิต กลับคว้าได้เพียงขวดเปล่า “ตำรวจบอกว่าคุณภาณุภาพ…” “ยังจนกว่าจะมีหลักฐาน ตำรวจนำขวดยา ไปตรวจสอบลายนิ้วมือ” “ขวดอยู่ในบ้านใครจะหยิบจับก็ได้” “นายอยากให้ภาณุ จับขวดยาหรือเปล่าละ” ท้องฟ้านายตอบได้หรือไม่ นายตั้งคำถามเข้าข้างคุณภาณุภาพ กลับไม่มีคำตอบให้ นายเคยบอกไม่เลือกฝ่ายใด นายยังบอกแบบนี้อยู่อีกหรือไม่ “หากขวดยามีลายมือไม่ใช่คนในบ้าน” ท้องฟ้าถาม “เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายขึ้นเลย” คุณกรกฏตอบ หากคนร้ายไม่ใช่คุณภาณุภาพ ดีกว่าอย่างนั่นหรือ อีกคนต้องสงสัย พาใจ เขาอยากให้เป็นเธอจริงหรือ ผู้หญิงจอมมายา เขาเป็นอะไรไป เขาเฝ้าอสรพิษจนโดนพิษร้ายใช่หรือไม่ |
บทความทั้งหมด
|