นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 11
               อิทธิลักษณ์กำลังเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้ารู้สึกได้ งานใหม่ เรื่องใหม่ ประดังเข้ามา ทำให้เขาเลือนเรื่องจดหมาย จนวันนี้ ขณะเขาเดินเข้าตึก ขึ้นลิฟท์ ประตูกลกำลังปิด เขาต้องรีบกดเปิด เพราะเห็นคุณภาณุภาพเดินตรงมา เขาหลบทางให้เจ้านายเดินเข้า กำลังจะเอ่ยทัก แต่ต้องหยุดความคิด ชายที่ยืน อยู่ข้างเขาตอนนี้ มิใช่คุณภาณุภาพ หากแต่เป็นชายคนเดียวกันในรถที่เขาไปแจ้งข่าวที่บ้านเมื่อหลายวันก่อน     ‘เขามาที่นี่ทำไม’ ท้องฟ้าอ้ำอึ้ง
               ในลิฟท์ ไม่มีเสียงกล่าวทักใดๆจน ประตูลิฟท์เปิดออกชั้นทำงานของเขา เขาก้าวออก ชายคนน้้นก็เช่นกัน
               “คุณกรกฏเชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานหญิง มองชายที่เอ่ยชื่อ เหมือนไม่แน่ใจ เพราะใบหน้าละม้ายคล้ายคนที่มาถึงก่อนหน้า แต่จำต้องทำหน้าที่
               เธอพาชายคนนั้นไปห้องทำงานใหม่
            ‘ผู้บริหารคนใหม่’ ท้องฟ้าปั่นป่วนทั่วร่าง
               เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองท้องฟ้าแม้สักวินาที ดังเขาไร้ตัวตนอีกครั้ง
 
               “ผู้บริหารคนใหม่แต่หน้าเหมือนคนเก่า” พี่คนหนึ่งเข้ามากระซิบเย้ากับเขา คนอื่นๆกรูกันมาสมทบ รอบโต๊ะทำงาน ท้องฟ้าเองก็กระจ่าง
               “เหมือนยังกะแกะ”
               “คุณภาณุภาพมีญาติหน้าเหมือนกัน ทำไม่ไม่มีใครรู้”
               “ท้องฟ้า นายรู้หรือเปล่า” ทุกคำถามมุ่งมาที่เขา ซึ่งถือว่าเป็นคนใกล้ชิด เขาได้แต่ยิ้มแหยบอก ตามที่ควรบอก
               “ไม่รู้เหมือนกัน”
            แม้เขาเคยพบชายคนนี้มาก่อนและแน่ใจว่าต้องเป็นญาติกับเจ้านายของเขาด้วยมีหน้าคล้ายกันแต่ก็นั่นละ เขารู้เพียงเท่านั้น
               เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานเขาดังขึ้น เขารับสาย สักพักตอบ
               “ครับ”
               เหล่าพนักงาน สลายตัว ได้รับโทรศัพท์แต่เช้า ตอบเสียงเข้มเช่นนี้หมายถึงสายจากเจ้านายเท่านั้น
 
               คุณภาณุภาพเรียกท้องฟ้าไปพบที่ห้องทำงาน เขาจ้องมองหาความแตกต่างของชายสองคน ยิ่งอยู่ใก้ลกัน เปรียบเทียบให้เห็นชัดเช่นนี้ยิ่งดูง่าย เจ้านายเขาหน้าดุกว่า อีกคนดูเรียบเฉย ยิ่งเวลามองมาที่เขาเหมือนมองผ่าน
               “นายพากรกฏไปที่โรงงานก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
               ท้องฟ้ามองนาฬิกาข้อมือทำทีจะขัด
               “ไม่ใช่ตอนนี้ สักสิบโมง”
               “ครับ”
               “กรกฏ นี่ท้องฟ้าผู้ช่วยของฉัน หากมีอะไรติดขัดถามเขาได้คนนี้คล่อง”
               นายใหม่หันมองเขาอย่างยินดี
               “เราคงต้องร่วมงานกัน”
               “ยินดีครับคุณกรกฏ”
               ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นมีตัวตนอีกครั้ง ใช่หรือไม่ ชายคนนี้ทำราวกับพึ่งเคยพบเขาเป็นครั้งแรก บางทีมันอาจดีกว่าหากการเริ่มต้นในการพบกันเป็นเช่นนี้
               สิบโมงเขามายืนรอหน้าห้องคุณกรกฏ เจ้านายใหม่เปิดประตูออกมาตามเวลา
               “ฉันคงมีเรื่องให้ช่วยอีกมาก”
               “ยินดีครับ” เขารับคำ
               คุณภาณุภาพ ตอกติดไว้เช่นนั้น เขาจะไม่ยินดีได้อย่างไร
               “ทุกเรื่องเลยหรือเปล่า”
               “ทุกเรื่องครับ” เขาตอบ
               กรกฏเผยรอยยิ้มออกมาแล้ว เป็นรอยยิ้มแปลกเพราะอยู่บนสีหน้าแฝงเล่ห์ ท้องฟ้าร้อนวูบ ดัง รอยยิ้มนั้นทิ่มแทงมาที่เขา
               “ไปรถผม”
               เขาต้องรีบเดินตาม เพราะกว่าจะทุเลาตั้งสติได้จากรอยยิ้มเล่ห์ เจ้าตัวก็เดินถึงลิฟท์ เขารู้สึกไม่ค่อยสู้ดี ‘ทุกเรื่อง’ที่ว่านั้นมีเรื่องอะไรบ้างเล่า
               การพานายใหม่ดูโรงงานในวันนี้ การสนทนาไม่มีเรื่องใดนอกเหนือจากเรื่องงาน คุณกรกฏรู้เรื่อง การผลิต ตลอดจนเครื่องจักรเป็นอย่างดี เขาเองยังคิดว่าบางช่วงสนทนากลับได้รับความรู้เพิ่มเติม ทั้งสองเดินดู โรงงานจนถึงเย็น คุณภาณุภาพติดประชุมด่วนเลยไม่ได้ตามมา คนเงินเปลี่ยนกะสอง นายใหม่ยังมิวาย ดูการ เปลี่ยนกะ จนคนงานชุดใหม่ประจำที่จึงบอกเปลี่ยนกะกับเขาบ้าง
               “วันนี้ฉันพอเรื่องงานแค่นี้”
               ท้องฟ้าแปลกหูกับคำของคุณกรกฏแต่มิได้กล่าวทักใด นายใหม่อาจเป็นคนพูดแปลกก็ได้
               ขากลับนายขับรถมาส่งท้องฟ้าที่อาคารสำนักงาน ให้เขาขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้าน เขาอดคิดไม่ได้ว่า คุณกรกฏจะไม่เอ่ยถึงเรื่องจดหมาย ในวันนั้นบ้างเลยหรือ หรือว่าไม่ต้องการพูดถึง การเงียบคือ สัญญาน ให้เขาเงียบด้วยเช่นกัน
              
               ขับรถถึงบ้าน ท้องฟ้าเปิดประตูรั้วเลื่อนมอเตอร์ไซด์เข้า แต่เหมือนวันนี้เขาเหนื่อยเกินไป ก้าวพลาด รถเครื่องล้มทับตัว
               “โอ๊ย”
               เขาพยายามลุกขึ้น เสียงร้องคงทำให้คนแถวนี้รีบมาช่วย
               “อย่าพึ่งเป็นอะไรซะก่อนละ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” คนก้าวเข้ามายกมอเตอร์ไซด์ออกจากตัวเขาคือ
               “คุณกรกฏ” ท้องฟ้าร้องทัก
               มอเตอร์ไซด์ล้มทับออกฤทธิ์ฟกช้ำ กลับเป็นเรื่องเล็กน้อยกว่า
               “มาถึงนี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ตามมาถึงบ้านต้องมีเรื่องอะไรเป็นแน่
               “ไม่ใช่เรื่องาน” นายใหม่ตอบ
               “ถ้าไม่ใช่เรื่องงานคุณ กับ ผมก็มีอยู่เรื่องดียว”
               “ใช่”
               ท้องฟ้าเชิญแขกใหม่เข้าบ้าน เขาแทบลืมอาการฟกช้ำไปในทันที เขาถามขึ้นทั้งยังไม่เชิญผู้มาเยือน นั่งด้วยซ้ำ
               “คุณกรกฏเชื่อเรื่องจดหมายใช่ไหม”
               แขกรับเชิญมองสำรวจรอบบ้าน ก่อนตอบ
               “ฉันเชื่อแต่เรื่อง ฆาตกรรม”
               “คุณหมายถึงคุณท่านถูกฆาตกรรมจริงๆ”
               “นายเชื่อหรือเปล่า”
               “คุณถามทำไม”
               “ถ้านายเชื่อเหมือนฉัน ฉันจะขอให้นายช่วยหาฆาตกร แต่ถ้าไม่เชื่อฉันแค่มาทักทาย”
               ทั้งสองนั่งลงสนทนา
               “ถ้าเป็นคนในบ้านผมจะช่วยอะไรได้”
               คุณกรกฏเหมือนไม่ยินดี การมีผู้ช่วยทั้งๆที่เป็นคนเอ่ยปาก ท้องฟ้าคิดว่านาย ใหม่ต้องการอะไร มาก กว่านี้
               “เหตุเกิดในบ้าน คนร้ายต้องเป็นคนใน” เขารู้เหตุที่ไม่ยินดี
               “คนในคนนั้นเป็นคุณภาณุภาพใช่ไหม” คนตรงข้ามมีที ยินดีขึ้นบ้าง
               “ถ้าเป็นคนในก็อาจเป็นคนร้าย”
               เขาไม่พอใจ เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนร้ายจะเป็นคุณภาณุภาพ เจ้านายเขาเป็นคนดี เขามั่นใจ
               “ฉันจะเหลือแค่มาทักมายหรือเปล่า” กรกฏท้วง
               “ก็มีวิธีเดียวที่จะรู้”
ท้องฟ้าผ่อนลมหายใจไม่จำเป็นที่เขาต้องพิสูจน์ใดๆว่าคนร้ายไม่ใช่คุณภาณุภาพแต่ถ้าหากต้องพิสูจน์ละก็ เขาก็ไม่ไว้ใจใคร
               “คุณได้ผู้ช่วยแล้ว”
               เจ้านายใหม่ปรากฏรอยยิ้มในที ยินดีดับการได้ผู้ช่วย
               “เธอลองเล่าเรื่องจดหมายฉบับนั้นให้ฟ้งอีกที”
              
                  “ท้องฟ้า” เจ้านายภาณุภาพ โผล่จากห้องทำงานเรียกแล้วหายเข้าไป พนักงานทั้งชั้นได้ยิน แต่เจ้าของชื่อ กลับนิ่งเฉย นั่งจ้องปฏิทินตั้งโต๊ะไม่วางตา พนักงานโดยรอบขยับมองกัน ปกติถ้าได้ยินเสียงนี้ จะต้องได้ยิน อีกเสียงขานรับ แทบจะซ้อนเสียงกัน ดั่งคนขานรอฟังอยู่ตลอดเวลา ผ่านไปสักพัก คนเรียกเปิดประตูออกมา อีกครั้งเมียงมอง เหมือนไม่แน่ใจว่า คนตรงโต๊ะผู้ช่วยของเขานั่นใช่ชื่อนี้หรือไม่ จนเพื่อนพนักงานต้อง กด โทรศัพท์มา เสียกริ๊งดังปลุกท้องฟ้าจากภวังค์ รีบรับสาย
               “สวัสดีครับ”
               ปลายสายจากเพื่อนผู้หวังดี “เจ้านายเรียก”
               คนรับลังเล เจ้านายใหม่ หรือ เจ้านายเก่า
               “คุณท้องฟ้า” เสียงเรียกเดิมเข้มขึ้น
               “ครับผม” ‘นายเก่า’ เรียก
               ท้องฟ้าเดินมาที่ห้องคุณภาณุภาพ โดยมีสายตาพนักงานคนอื่นคอยส่ง เข้าห้องได้ยินเสียงเข้มเดิม
               “ช่วยปิดประตูที”
               ‘สมควรปิด’ท้องฟ้าคิด เขาคงได้รับคำต่อว่า เรื่องใจลอยจนต้องให้ตะโกนเรียกมากว่าหนึ่งครั้ง
               “นายว่าฉันฆ่าคนได้ไหม”
               “หือ” เขาไม่เชื่อหูตนเอง “ว่าอะไรนะครับ”
               ตอนนี้ฉันอยากบีบคอคนๆหนึ่ง เจ้านายยกมือทำท่าบีบคอ ไม่สบอารมณ์ให้เห็น
               หากท้องฟ้าไม่มัวแต่นั่งใจลอย ตอนคุณภาณุภาพเดินเข้าห้องทำงาน ก่อนที่จะตะโกนเรียกเขา ท้องฟ้า คงได้เห็นเจ้านายหัวเหวี่ยง อารมณ์ไม่สู้ดีมาจากข้างนอก
               “ผมไม่เชื่อว่า คุณภาณุภาพจะฆ่าใครได้” เขายืนคำมั่น
               ภาณุภาพมองท้องฟ้า เขาแค่บ่นทำไม ผู้ช่วยถึงตอบเป็นจริงเป็นจัง
               “ฉันมีเรื่องสำคัญให้นายช่วย”
               “เรื่องสำคัญ”
               “ใช่ เพราะฉันรู้ว่านายรักษาคำพูดได้”
               ท้องฟ้าลังเลใจ เขานะหรือรักษาคำพูด เงินหนึ่งล้านบาทที่คุณภาณุภาพยื่นให้ในวันนั้น ทำให้เขาเงียบ ไม่เปิดปากเล่าเรื่องราวตามข้อตกลง แต่นั่นเป็นเพียงข้อลวง เขากลับไม่ละความดึงดัน ทำตามเนื้อความใน จดหมายให้ได้ เขาครุ่นคิดจิตไม่อยู่กับเนื้อตัว เสียงถามซ้ำ ดังกว่าเดิม
               “นายรักษาคำพูดได้ไหมท้องฟ้า”
               เขาต้องรีบตอบ แต่กลับตอบไม่เต็มปาก
               “รักษาซิครับ”
               เจ้านายหัวเราะกับท่าทีของผู้ช่วยนายนี้ “ถ้าเสร็จงานแล้วจะให้พักร้อน นายไม่เคยลาเหมือนคนอื่นเลย”
               คนจะพักร้อนยิ้มแหย ก่อนเอ่ยถาม
               “เรื่องสำคัญที่ว่า คือเรื่องอะไรหรือครับ”
               เขารู้สึกผิดที่พูดได้ไม่เต็มปาก จะทำอย่างไรได้เล่า มีคนสงสัยเจ้านายที่เขานับถือ ว่าเป็นฆาตกร แม้เขาไม่เชื่อคำสงสัยนั่น แต่อะไรเล่า ทำให้เขาอาสาช่วยพิสูจน์ หากมิใช่ลึกๆในใจมีทางเป็นไปได้เช่นกัน
 
               ดูเหมือนบ้านเขาเหมาะเป็นที่นัดคุยนอกรอบ นอกเรื่อง จากเรื่องาน เขาไม่เคยชวนเพื่อนร่วมงาน หรือ เพื่อนคนไหนมาเที่ยวบ้าน จัดปาร์ตี้สังสรรค์ตามประสาหนุ่มออฟฟิศ เขาหวงบ้านหลังนี้ ไม่อยากให้เศษขยะ เศษอาหารเกลื่อนกลาด
               “ฉันกำลังย้ายเข้าอยู่ในบ้านอิทธิลักษณ์” กรกฏกล่าว
               “ทำให้ง่ายขึ้น ในการหาตัวคนร้ายใช่ไหมครับ”
               “แต่ก็จะมีคนจับตามอง” บ้านใหญ่คนรับใช้คนดูแลบ้าน ล้วนมีหูมีตาทั้งนั้น
               “ฉันรู้มาว่า ก่อนคุณตาจากไปนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพบท่าน”
               ท้องฟ้ากำลังรินน้ำ กลับหยุดชะงัก
               “เธอคนนั้นชื่อ พาใจ นายเคยได้ยินชื่อนี้หรือเปล่า”
               “ผมไม่แน่ใจ” ท้องฟ้าตอบเลี่ยง รินน้ำต่อจนเต็มแก้ว
               “นายจะได้ยินชื่อในไม่ช้านี้”
               เขามองนายใหม่อย่างตั้งคำถาม
               “ผู้หญิงชื่อพาใจ อาจเป็นคนลงมือได้เช่นกัน”
               นี่อย่างไรเล่าท้องฟ้าอยากฟัง คนทำร้ายคุณท่านต้องไม่ใช่ คุณภาณุภาพ ต้องเป็นคนอื่น
               “บางทีเธออาจทำอะไรบางอย่าง เธออยู่ใกล้คุณปู่ ในวันนั้น”
               ‘เป็นไปได้’ ท้องฟ้าคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าพบตัว ฆาตกรแล้วอย่างนั้นหรือ
               “น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นจะหยุดแค่นี้หรือกำลังทำอะไรกับอิทธิลักษณ์อีก”
               เขานึกถึงคุณท่านขึ้นมา หัวใจของเขาพลอยเศร้าโศกกับการจากไปของคุณท่าน คุณภาณุภาพ เจ้านาย ของเขา เขามั่นใจว่าเป็นคนดี ไม่ควรมีใครมาทำร้ายครอบครัวนี้เด็ดขาด
               “ผมคิดว่าเคยได้ยินชื่อ พาใจ” ท้องฟ้ากล่าว
 

 



Create Date : 19 กันยายน 2567
Last Update : 19 กันยายน 2567 8:28:50 น.
Counter : 295 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 
วิ่งข้างบ้าน 26,27,28,30 พ.ย.2567/ผลวิ่งเดือน พ.ย.2567 สองแผ่นดิน
(1 ธ.ค. 2567 22:30:27 น.)
บล็อกเก็บ link คลิปน้องๆ ที่อยู่บน youtube eternalyrs
(29 พ.ย. 2567 03:19:54 น.)
๏ ... หลงเล่นหมากชีวิต ... ๏ นกโก๊ก
(28 พ.ย. 2567 20:12:43 น.)
๏ ... หิ่งห้อยสมัยใหม่ ไม่น้อยใจ ... ๏ นกโก๊ก
(27 พ.ย. 2567 19:43:40 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bluetheme.BlogGang.com

BlogGang Popular Award#20



madam payee
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด