นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 6 ไม่นานก่อนคุณวิทยาจะไปดูงานต่างประเทศ พาใจพบกรกฏอีกครั้ง เขาเดินยิ้มปรี่เข้าหาเธอ “ผมนึกแล้วว่า คุณต้องอยู่ที่นี่” เธอยิ้มตอบไม่รู้ตัว เธออยากพบเขาอีกอย่างนั้นหรือ พาใจวิตกในรอยยิ้มของเธอ นานเท่าใดแล้ว เธอมีใครยิ้มให้อย่างดีใจที่ได้พบ มันประทับใจดั่งเช่นรอยยิ้มนี้หรือไม่ คิดไม่ออกบอกไม่ถูก รู้เพียงว่า ชีวิตเธอต้องก้าวไปข้างหน้า จะมัวเปรียบรอยยิ้มครั้งอดีตกับรอยยิ้มปรากฏตรงสายตานั้นไม่ได้ “คุณยิ้มเหมือน ยอมตอบคำถามของผมแล้ว” “ฉันยิ้มเพราะคำตอบของฉันเหมือนเดิม” เขาอมยิ้มในใบหน้า “ไม่เหมือนเดิมหรอก สำหรับวันนี้ เพราะผมมีคำถามใหม่” พาใจยืนประจัญหน้ากับกรกฏ ทำไมเธอต้องเดินหนี ทำไมเธอถึงยังยืนเผชิญกับคำถามที่คิดว่าไม่มีคำตอบ “คุณรู้คำตอบ ของคำถามเก่าแล้วหรือค่ะ” “คุณก็รู้ว่าผมรู้หรือไม่ เพราะคุณคือคนตอบคำถาม” สีหน้าเขาเวลาพูดเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา กริยาท่าทางสุภาพ ไม่เหมือนผู้มาเค้นเอาความจริงสักเท่าไร ทำให้พาใจอยากคุย อยากเจรจาด้วย มากกว่า คนหน้าเหมือนกันอีกคน “อยากให้ผมช่วยงานคุณไหม” กรกฏถามตามด้วยรอยยิ้มพึงใจบนใบหน้า แต่พาใจไม่พึงใจด้วย คำถามทำนองนี้อีกแล้ว ‘ผมจะช่วยงานคุณ’ คำถามเชิงนี้ ภานุภาพถามก่อนที่เธอจะได้เลื่อนตำแหน่ง นี่เธอ มาอยู่ในเกมส์คนรวยยังไม่พอยัง อยู่ในศึกร่วมสายเลือดด้วยหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คำตอบของเธอ ควรเป็นเช่นใดเล่า “คุณยังไม่ต้องตอบคำถามผมตอนนี้หรอก แต่คุณต้องตอบคำถามแรกก่อน ทำไมคุณถึงเลือกวันนั้น เป็นวันแจ้งข่าวฆาตกรรม” เธอเลือกตอบคำถามที่สอง “งานของดิฉันยากมาก จนต้องให้คุณช่วยหรือค่ะ” กรกฏเปลี่ยนสีหน้า ยื่นเข้าใกล้ พาใจรอฟัง แวบหนึ่งสายตาเขาก็เปลี่ยน จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจลึก และเหมือนเขาจะรู้สึกเช่นกัน จึงผละออกไปเสียเอง แล้วส่งยิ้มกลับมาให้เธอ “ผมไม่คิดทำร้ายคุณหรอกพาใจ เว้นแต่ว่าคุณจะบังคับผม” ในครั้งนี้กรกฏ เป็นผู้เดินจากไป เธอควรกังวล กับคำถามต่างๆนาๆของเขาหรือไม่ เธอคิดว่าคำถามเหล่านี้ นายภาณุภาพ ต้องกันมัน ออกจากเธอมิใช่หรือ เธอชักอยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไร มีดีแค่ลมปากหรือไม่ คนมีเงินมักใช้เงินมากว่าแรง ถึงคราวต้องใช้แรงแล้วนายสิบล้าน บรรยากาศชั้นทำงานผู้บริหาร เงียบสงบ เหมาะแก่ตำแหน่งใช้ความคิด แต่พาใจยังรู้สึกแปลกอยู่บ้าง เพราะชินกับการทำงานในที่มีเสียงดังและวุ่นวายมากกว่านี้ นานๆทีจะมีพนักงานจากชั้นล่างขึ้นมาส่งเอกสาร เหมือนทุกคนที่ขึ้นมาจะต้องมองหาพาใจทุกครั้ง บ้างส่งยิ้มให้ หากห่างตาพาใจเห็นเมื่อใด เธอจะส่งยิ้มตอบ เธอหารอยยิ้มจากชั้นทำงานนี้ไม่ได้เลย ทั้งที่นั่งทำงานข้างกันนี่เอง หรือหากใครยิ้มให้ ก็ดูเป็นรอยยิ้มตาม มารยาทเสียมากกว่า ยิ้มเพียงฉีดมุมปาก ล่องลอยออกจากใบหน้า แล้วหายไปในอากาศ เธอไม่ชอบบรรยากาศ ชั้นทำงานนี้สักเท่าไร แต่เธอมิได้ใส่ใจมากนัก มีเรื่องสำคัญให้ใส่ใจมากกว่า คนที่ส่งยิ้มเป็นเรื่องเป็นราวให้จริงๆ กลับเป็นคุณวิทยา หัวหน้าของเธอ แรกพาใจมีความกลัวอยู่บ้าง ในการทำงานโดยตรงกับผู้บริหาร ผู้มีสิทธิชี้ขาดอนาคตในหน้าที่การงาน แต่เธอไม่จำเป็นต้องมีอนาคตทางการงานที่นี่มิใช่หรือ เธอแค่จำเป็นต้องมีเงินสิบล้านเท่านั้น เธอมัวพักสายตามองประตูเพลินอยู่ เผื่อมีพนักงานขึ้นมาส่งเอกสาร เธอจะได้รับรอยยิ้มพิมพ์ใจ คุณวิทยาก็โทรศัพท์มา เรียกเธอเข้าพบ เขายิ้มรับทันทีที่เธอเดินเข้าไปหา “คำถามแรก” คุณวิทยาเริ่มบทสนทนา คำที่พาใจไม่คาดคิดว่าจะได้ยินรวดเร็วเช่นนี้ “โรงงานของเรามีกำลังการผลิตสูงสุดเท่าไร” เธอแปลกใจตัวเองเหลือเกิน แม้จะตกใจกับคำถามแต่เธอกลับมีคำตอบผุดขึ้นในหัวทันที คำตอบนี้ อยู่ในสมุดสองเล่มที่คุณวิทยาให้เธออ่าน และเธอจำทั้งหมดได้จนขึ้นใจ เธอขอกระดาษ ปากกา จากคุณวิทยาแล้วเขียนตัวเลข คำนวณสักครู่ก็ยื่นกระดาษนั้นให้หัวหน้าของเธอ เขามองคำตอบก่อนส่ายหน้าอย่างเสียดาย “ผิด ตัวเลขผิดแต่วิธีการคำนวณถูก ผมไม่พอใจนะ สำหรับผมต้องถูกต้องทั้งหมด คุณทำงานบริษัท ใหญ่ จะมากบอกตัวเลขมั่วๆให้ผู้บริหารไม่ได้” หัวใจของพาใจตกลงบนพื้นพรม เธอไม่รู้จะทำอย่างไร หรือพูดอะไรในตอนนี้ ได้แต่ยื่นนิ่งฟังคำอบรม สุดท้าย “หลังจากดูงานต่างประเทศ ผมจะกลับมาถามอีกหนึ่งคำถาม คุณเตรียมตัวตอบไว้ก็แล้วกัน” เธอควรดีใจหรือเสียใจ ที่คุณวิทยาไม่ถามคำถามที่สองในตอนนี้ เธอได้แต่ขานคำ “ค่ะ” คำเดียว แล้วเดินออกมาจากห้อง อย่างไม่ได้สติสตางค์สักเท่าไร งานยากเกินไปสำหรับสมองน้อยๆของเธอ หรือเธอ ยังพยายามไม่พอ เธอเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆแล้วว่า หากเธอทำงานมีเค้าว่าไม่เข้าหน้าผู้จัดการ เขาจะไล่เธอออก หรือเปล่า หรือให้เธอกลับไปทำงานตำแหน่งธุรการดังเดิม ไม่ว่าอย่างไรมันเท่ากับเธอเสียโอกาส เมื่อไม่มี โอกาส ก็คือไม่มีเงินสิบล้านรออยู่ เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เธอได้โอกาสนี้ แม้เธอจะไม่ชอบมองหน้านายภาณุภาพสักเท่าไร แต่เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้ว่าทุกครั้งที่ พบเขา ปัญหาต่างๆที่เธอมี หรือสงสัย มักจะหายไป จนเธอสามารถมุ่งความสนใจไปที่เงินสิบล้านของเธอ ได้อย่าง เต็มที่ ในครั้งนี้เขานัดพบเธอที่สวนสาธารณะแห่งใหม่ ไกล อยู่นอกเส้นทาง เธอคิดว่า เขาคงไม่ ต้องการให้คนที่บ้านหรือคนรู้จักเห็นการพบกัน โดยเฉพาะนายกรกฏ เขานั่งรออยู่ก่อนเมื่อพาใจไปถึง กลิ่นหญ้าตัดใหม่โชยปนกลิ่นไอดิน ลมเย็นพัดผ่านสร้างความ ผ่อนคลายให้กับคนที่พักนี้ มักเอาแต่จ้องกวาดตัวหนังสือทุกตัวบนเอกสารอย่างพาใจ ได้เป็นอย่างดี เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเขา ทั้งสอง มิได้ทักทายตามแต่ปกติ ครวกล่าวแกกันเมื่อนัดพบ กลับเริ่มด้วยบทสนทนากิจธุระในทันที “กรกฏอยากรู้เรื่องการฆาตกรรมคุณปู่ ผมไม่รู้ว่าเขาเอาความคิดนี้มาจากไหน” ภาณุภาพกล่าวและหยุดทิ้งช่วง เหมือนต้องการความคิดเห็นของพาใจ เธอหันมองหน้าเขา “ฉันกำลังคอยฟังคุณอยู่ค่ะ” พาใจรู้ว่า เขาจะบอกอะไรกับเธอแต่ที่เขาพูดมานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจดังนั้นเธอไม่ต้องรับฟัง ภาณุภาพ รู้สึกเสียหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาเผลอขอความคิดเห็นจากผู้หญิงที่เห็นแก่เงินนะหรือเขาคิดว่าคงไม่ได้ รับตอบหรือคำพูดใดๆ เขาเพียงเห็นว่าพาใจรู้จักกรกฏ เขาจึงพูดเผื่อ บางทีจะได้รับความคิดเห็น หรือไม่ก็ความเข้าใจบ้าง ‘ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย’ ไม่ว่าเขาจะประเมินผู้หญิงคนนี้อย่างไร ยังคงสูงไปอยู่ดี “ต่อไปเราจะนัดพบกันที่นี่ และนี่เป็นเอกสารที่ผมสรุปให้มันอ่านง่ายที่สุด” เขายื่นสมุดสามเล่ม ให้กับเธอข้างในเป็นลายมือเขียนทั้งสิ้น เธอรอสักครู่ให้แน่ใจว่าเขาพูดธุระเสร็จเธอกำลังจะมีคำถาม แต่ แล้วกลับได้รับคำตอบเสียก่อน “กรกฏช่วยคุณได้ เรื่องคำถามของคุณวิทยา แต่เหมือนเขาต้องการคำตอบบางอย่างจากคุณ” เขามองเธอ เธอยังคงไม่จำเป็นต้องแสดงสีหน้าใดๆไม่ใช่หรือ เขาคาดกวังจะได้เห็นสีหน้าเช่นใร พาใจไม่เคยสนใจ “กรกฏได้รับคำตอบไปแล้ว แต่เขาไม่เชื่อ” “คุณอาจไม่อยากตอบเขาตามจริง เพราะต้องการพบกรกฏอีก” เธอเห็นรอยยิ้มจากริมฝีปากหยักเล็กน้อย จงใจหันส่งให้เธอรับไว้ถนัดตา เธอเย็นชาต่อท่าทางเย้นหยัน หมิ่นเคลน จากชายคนนี้จนเบื่อเสียเต็มประดา เลยนึกสนุกขึ้นมาบ้าง “บางทีฉันอาจมีคำตอบให้กับเขา แลกกับเงินมากว่าสิบล้านบาทก็ได้นะค่ะ” เธอได้สนุกสมใจ รอยยิ้มเย้ยหยัน นั้นหายไปในทันที เปลี่ยนเป็นริมฝีปากรูปหยักออกจะเบ้ ด้วยความ โกรธ เขาลุกขึ้นหมดธุระในวันนี้ “ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องงาน ให้บอกผมก่อนเป็นคนแรก ได้ยินชัดใช่ไหม” คำลงท้ายคาดคั้น เธอได้ยินชัด เต็มสองหูแต่ไม่ขานตอบ เธอจ้องหน้าเขา เก็บรวบสมุดที่เขาให้ แล้วเดินจากไป ถ้าเธอไม่ได้ยิน เขาพูดหรือฟัง ไม่ถนัด เธอจะถามเขาเอง นอกนั้นได้ยินชัดเจน ภาณุภาพโกรธมากจนพูดไม่ออกบอกไม่ได้ ยืนนิ่งให้อารมณ์โกรธ แผ่ซ่านอยู่อย่างนั้น ทำไมเขา ถึงเป็นเช่นนี้ เขาไม่เคยมีความโกรธเกลียด ประเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เช่นนี้มาก่อน เขาเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ ไม่เคยใช้อารมณ์ก่อนความคิด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหรือสถานการณ์กดดันเพียงใด ทำไมเพียงผู้หญิงจอม มารยาคนเดียว เขาถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ เขาเดินจากไปบ้างปัดอารมณ์โกรธออกไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเสียที อย่างไรบอกไม่ถูก ‘ผู้หญิงจอมมารยา’ |
บทความทั้งหมด
|