![]() |
||||||
ชมกรุงฉบับย่อ... "นิทรรศน์รัตนโกสินทร์" @ กรุงเทพฯ จริง ๆ บล็อกนี้ว่าจะเขียนตั้งแต่วันอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้เขียน มัวแต่ตบตีกับแมว... ชีวิต!! ![]() 2-3 วันมานี้ฝนตกชุ่มฉ่ำดีนะคะ ค่อยหายร้อนไปบ้าง อากาศดี ๆ ไม่ร้อนแบบนี้ต้องเดินเล่นค่ะ ![]() "นิทรรศน์รัตนโกสินทร์" หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า "Ratanakosin Exhibition Hall" อยู่ในความดูแลของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินกลาง อยู่ฝั่งเดียวกับลานเจษฎาบดินทร์ แต่อยู่ถัดไปนิดนึงค่ะ ![]() นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) 8.00 - 17.00 น. ค่าเข้าชม 100.- บาท (ทั้งคนไทยและต่างชาติ) ค่ะ ด้านในจัดแสดงเกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์จนมาเป็นกรุงเทพฯ จัดเป็นห้อง ๆ มีเส้นทางให้เดินชม 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 มี 7 ห้องค่ะ 1) รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์ 2) เกียรติยศแผ่นดินสยาม 3) เรืองนามมหรสพศิลป์ 4) ลือระบิลพระราชพิธี 5) สง่าศรีสถาปัตยกรรม 6) ดื่มด่ำย่านชุมชน 7) เยี่ยมยลถิ่นกรุง ส่วนเส้นทางที่ 2 มี 2 ห้องค่ะ 1) เรืองรุ่งวิถีไทย 2) ดวงใจปวงประชา ซึ่งการเยี่ยมชมใช้เวลาเส้นทางละ 2 ชั่วโมง จริง ๆ อยากชมทั้ง 2 เส้นทางเลย แต่ไปถึงเกือบบ่ายสองแล้ว เลยชมได้แค่เส้นทางเดียว ก็เลยเลือกเส้นทางที่ 2 ไป บอร์ดต้อนรับใหญ่มาก มีความหมายด้วยนะเออ ![]() ![]() นั่งรอแป๊บนึงถึงเวลา เจ้าหน้าที่อธิบายกฎการเข้าชม ที่นี่ถ่ายภาพนิ่งได้แต่ห้ามใช้แฟลช ห้ามถ่ายวิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหว ห้ามอัดเสียงเจ้าหน้าที่ ห้ามน้ำและอาหาร ห้ามลูกอมและหมากฝรั่งด้วยค่ะ เราว่าชัดเจนดี เจ้าหน้าที่อธิบายได้สุภาพ ชัดถ้อยชัดคำ และภาษาอังกฤษเป๊ะเลยทีเดียว และอย่างที่บอกค่ะ ทุกสิ่งอย่างควรจะมีความหมาย เห็นที่บอร์ดต้อนรับใช่มั้ยคะ มีส่วนที่เป็นเส้น ๆ ตารางสีทอง ๆ จะเลียนแบบมาจากลวดลายของ "พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม" สมัยก่อนใช้การสัญจรทางน้ำ แม่น้ำหลักของเราคือแม่น้ำเจ้าพระยา และสมัยก่อนก็ไม่มีแผนที่ด้วย (คิดว่าเราไม่ได้อยู่ในแผนที่เค้ามากกว่านะ ![]() ![]() ![]() มีเรื่องน่ารัก คือ ตอนที่เจ้าหน้าที่บอกว่าห้ามน้ำและอาหาร น้องตัวเล็กมีขวดน้ำก็ยกให้คุณแม่ดู เจ้าหน้าที่บอกน้องด้วยน้ำเสียงใจดีว่ารบกวนฝากขวดน้ำไว้กับประชาสัมพันธ์ก่อนนะคะ เจ้าหน้าที่จะเก็บไว้ให้ค่ะ เดี๋ยวชมเสร็จค่อยมาเอาคืนนะคะ น้องสาวตัวเล็กรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์โดยไม่ต้องให้คุณแม่บอก ยืดตัวยื่นให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เองเลยด้วยนะ น่ารักจริง ๆ ค่ะ ![]() เราชมเส้นทางที่ 2 เนอะ ![]() ส่วนแรกเป็น "เรืองรุ่งวิถีไทย" ที่จะเป็นการแสดงเกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตของคนในกรุงรัตนโกสินทร์เรื่อยมาจนปัจจุบัน แค่เปิดห้องแรกมาก็ตื่นตาตื่นใจแล้วกับโมเดลบ้านไม้สมัยก่อน ![]() บ้านหลังต่าง ๆ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่การเกิด ![]() การโกนผมไฟ (บ้านหลังซ้ายมือ) การแต่งงาน (บ้านที่มีช้างและขบวนขันหมาก) และการทำพิธีเผาศพที่สมัยก่อนไม่ได้ทำในวัด (บ้านด้านขวามือค่ะ) ![]() หลังจากนั้นเราจะลงเรือชมชีวิตความเป็นอยู่สองฝั่งคลอง ที่ถือว่าเป็นการตั้งถิ่นฐานของชุมชนในยุคแรก ๆ เพราะน้ำมีความสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน การบรรยายจะบรรยายผ่านเพลงยาว... หรือเปล่านะ... ที่ร้องตอบโต้กันของหญิงและชายน่ะค่ะ ![]() ![]() ลงเรือจริง ๆ นะ เราว่าการนำเสนอในพิพิธภัณฑ์เดี๋ยวนี้ไม่น่าเบื่อเหมือนแต่ก่อน มีการให้ผู้ชมสามารถมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งนั้น ๆ ได้มากที่สุด ![]() ![]() เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ความเจริญเข้ามามากขึ้น ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ถูกนำเข้ามาใช้ มีไฟฟ้า มีถนน มีรถราง ![]() ![]() ![]() แน่นอนว่าความเจริญที่เข้ามาช่วงแรกก็ต้องเป็นแถบถนนเจริญกรุง (พอมาถึงตรงนี้ รู้ไหมว่า "ถนนเจริญกรุง" ภาษาอังกฤษเขียนยังไง ถูกแล้วค่ะ "New Road" อันนี้ไม่เกี่ยวกับนิทรรศน์รัตนโกสินทร์เน้อ เป็นภาษาอังกฤษวันละคำ... ที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว... แล้วจะมาบอกให้เสียเวลาทำไมนะ?? แหะๆๆ ![]() การเล่าเรื่องในสมัยนั้นที่หลวงท่านมีเสาไฟ เสาตะแล็ปแก็ป (อะไรคือตะแล็ปแก็ปน้าาา?? ![]() ![]() แล้วตึกแถวในย่านธุรกิจพวกนี้ขายอะไรกันบ้างนะ มีหลายอย่างนะแถวนี้ และไม่ใช่แค่ร้านค้า เมื่อมีการดำริตั้งโรงเรียนขึ้นมาก็มีโรงเรียนชายแห่งแรก "สำเหร่ บอยส' สกูล" (โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนในปัจจุบัน) แล้วหลังจากนั้นก็มี "โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง" (โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยในปัจจุบัน) อีกด้วย ![]() อันนี้ จขบ เริ่มซน ด้วยความเป็นคนสมาธิสั้น พอฟังอะไรยาว ๆ แล้วจะต้องมองหาอะไรทำซักอย่าง เกือบจะลองข้ามสะพานไปดูฝั่งคลอง ผนังเราว่าเป็นกระจกนะ แต่ที่พื้นเค้าเล่นกับแสงไฟทำเป็นน้ำได้สวยจังค่ะ ![]() "ห้างขายของฝรั่ง" เป็นร้านที่ขายของนำเข้า คาดว่าลูกค้าน่าจะเป็นคนในสังคมชั้นสูงนะคะ เพราะมีทั้งเครื่องแก้วจากยุโรป น้ำหอม มีไปถึงของชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องเล่นแผ่นเสียงและโซฟาเลยทีเดียว สงสัยแฮะว่าสมัยก่อนมีภาษีนำเข้ามั้ยนะ?? เดี๋ยวต้องไปหาคำตอบ ![]() ![]() ร้านขายยา "บำรุงชาติสาสนายาไทย" ซึ่งตอนนี้ยังเปิดกิจการอยู่นะคะ เป็นเจเนเรชั่น 4 แล้วค่ะตอนนี้ จะขายยาตำรับไทย ขายมาตั้งแต่สมัย... นานแล้ว ![]() ![]() ![]() ต่อมาการแพทย์แผนปัจจุบันถูกนำเข้ามา มีการใช้อุปกรณ์การแพทย์แบบปัจจุบัน คนไข้ก็กลัวอุปกรณ์พวกนี้ยังไม่กล้าไปรักษา รัชกาลที่ 5 ก็... พูดง่าย ๆ... ใช้วิธีบังคับให้ผู้ป่วยเข้าไปรักษาโดยเริ่มจากทหารและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ก็กลายเป็น "โรงพยาบาลศิริราช" ขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาค่ะ ที่เห็นจะเป็นชื่อของผู้ที่มีบทบาทในการปฏิวัติการแพทย์แผนปัจจุบันในไทย ที่เราสนใจคือมีผู้หญิงด้วย นับว่าพระองค์ท่านมีวิชชั่นกว้างไกลเลยทีเดียว เพราะแต่ก่อนผู้หญิงไม่ค่อยมีสิทธิ์มีเสียงเนอะ ต้องนั่งทำงานบ้าน (แต่ถ้ามาไล่ดู จะเห็นว่าในสมัยรัชกาลที่ 5 มีทีมงานผู้หญิงเยอะเลยที่ช่วยด้านในการทำงานด้านต่าง ๆ) ![]() เมื่อมีการค้าขายทั้งในและต่างประเทศก็ต้องมีการทำธุรกรรมการเงิน ได้มีการก่อตั้ง "แบงก์สยามกัมมาจล ท.จ.ก." ขึ้น การตกแต่งแบบเป็นลูกกรงแบบนี้ยังมีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อยนะคะ เป็นสาขาแรกของธนาคารค่ะ ![]() มีการใช้เหรียญกษาปณ์และธนบัตรแทนเบี้ย แต่ก่อนไม่มีเครื่องนับเหรียญ (สมัยนี้มีเครื่องนับเหรียญแล้ว แต่ฝากเหรียญเยอะไม่ได้ วันนั้นเห็นหลานแล้วสงสารเลย สมัยเรายังหอบกระปุกออมสินของธนาคารออมสินไปนั่งนับได้เนอะ พี่สอนให้หลานเก็บออม น้องก็หยอดกระปุกทุกวัน เอาไปที่ธนาคารม่วงนี่แหละ ได้รับแจ้งว่าไม่รับเหรียญ น้องหน้าจ๋อยเลย เลยต้องแลกเป็นธนบัตรกับพี่ พี่ก็เอาเหรียญเก็บไว้จ่ายค่าทางด่วนแทน) เอ๊ะ... นอกเรื่องอีกแล้ว ถึงไหนแล้วนะคะ แหะๆๆ อ้อ... ไม่มีเครื่องนับเหรียญ แต่จะใช้ กระดานนับเหรียญ แทน โดยเทเหรียญลงที่กระดาน แล้วเกลี่ยเหรียญให้เต็มกระดาน อย่างกระดานนี้ก็มีทั้งหมด 128 เหรียญค่ะ ![]() ![]() สมัยก่อนก็มีเช็คใช้ด้วยนะคะ ![]() มีธนาคารไปแล้วก็ต้องมีไปรษณีย์ใช่มั้ย (เซนเซอร์น้องผู้ชมรอบเดียวกัน ไม่ใช่ จขบ ค่ะ จขบ ไม่หุ่นดีขนาดนี้ ![]() ![]() ตู้ไปรษณีย์ที่ใช้กันในประเทศสยามนี่ผลิตเองไม่ได้นะคะ ต้องนำเข้าจากอังกฤษ ตู้ไปรษณีย์ก็เลยมีสีแดง มีรหัสผลิต และมีตัวอักษร LONDON ที่ด้านล่าง ซึ่งตอนนี้ตู้ไปรษณีย์จากอังกฤษในประเทศไทยไม่มีแล้วนะคะ จะเหลืออยู่ตู้เดียวเท่านั้นคือที่ อ.เบตง จ.ยะลา... อื้มม... กลับไปเบตงอีกรอบได้ไหม ![]() ![]() สมัยก่อนจดหมายเราเรียกว่า "หนังสือ" การส่งจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ก็จะเรียกว่า "การทิ้งหนังสือ" ค่ะ มีเวลาไขบอกไว้ ก.ท คือ ก่อนเที่ยง และ ล.ท คือ หลังเที่ยง นะคะ ![]() พาหนะของบุรุษไปรษณีย์ค่ะ เดี๋ยวนี้เป็นมอเตอร์ไซค์แล้วเนอะ ![]() ![]() อ้อ... เกือบลืม... นอกจาก "หนังสือ" แล้วเนี่ย เรายังมี "ตะแล็ปแก็ป" ซึ่งก็คือ โทรเลข นั่นเอง เคาะรหัสออกมาเป็นตัวอักษร เป็นที่นิยมเพราะเร็วแต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นหน่อย ตะแล็ปแก็ป มาจากคำว่า telegraph ไม่ใช่มาจากเสียงการเคาะนะคะ การเคาะรหัสของโทรเลขจะไม่มีเสียงค่ะ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยเราก็ได้รับผลกระทบ เครื่องบินมาทิ้งระเบิดก็ลงหลุมหลบภัย ว้า!! ไม่มีโกโบริ ![]() ![]() ในหลุมก็จะไฟมา ๆ ดับ ๆ ติด ๆ ช่วงนี้ประเทศเราก็จะชาตินิยมนิดนึง มีเพลงชาติ พยัญชนะและสระถูกตัดออกไปด้วยนะคะ พวกที่ซ้ำ ๆ กันทั้งหลาย และเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีอารยธรรมเหมือนคนต่างชาติ เปลี่ยนจากห่มสไบ นุ่งซิ่นมาเป็นสวมเสื้อ สวมกระโปรง สวมรองเท้า สวมหมวก ถือร่ม งดการทานหมากเด็ดขาด ใครทานมีความผิดถึงขั้นจับเข้าคุกเลย ความผิดกฏหมายไม่ได้อยู่ที่ทานหมากแต่อยู่ที่บ้วนน้ำหมากเลอะเทอะที่สาธารณะ ประมาณทิ้งขยะโดนทั้งจับและปรับงี้ ![]() ![]() หลังสงครามก็จะเป็นสมัย 2499 อันธพาลครองเมืองละ ช่วงวังหลังเฟื่องฟู ทหาร คนต่างชาติ ที่เข้ามาช่วงนั้นไม่ได้มาเปล่า เอาวัฒนธรรมเค้าเข้ามาด้วย เช่นพวกตู้เพลง หนังสือ หนัง ภาพยนตร์ และความบันเทิงต่าง ๆ ![]() ร้าน "กาแฟหลังวัง" นี่ขาดไม่ได้เลยเนอะในเหล่าพิพิธภัณฑ์ย้อนยุค เพราะร้านกาแฟสมัยก่อนไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่เป็นจุดกำเนิดของงานคิด งานเขียน นักหนังสือพิมพ์ มี สภากาแฟ ที่นั่งถกการเมืองกันอย่างสร้างสรรและถึงพริกถึงขิง ![]() ![]() ![]() มีการจัดทำหนังสือวารสาร นิตยสาร ต่าง ๆ ที่ช่วงแรกจะเป็นเรื่องบันเทิงซะมาก แต่ต่อมารัชกาลที่ 6 มีการให้ประชาชนออกความเห็นได้ค่อนข้างจะเสรีมากขึ้น content ของหนังสือต่าง ๆ ก็จะเกี่ยวกับการเมืองมากขึ้น ![]() ทำไมเนื้อหาเยอะอ่ะ... หรือเราเวิ่นเว้อ ![]() ![]() คือจริง ๆ มันก็จบแค่นี้แหละค่ะ แต่ทางพิพิธภัณฑ์ได้ทิ้งคำถามไว้ให้ผู้ชมได้คิด กว่าจะมาเป็นไทยได้ทุกวันนี้เราก็ผ่านอะไรมาเยอะเนอะ ตอนจบได้มีการกล่าวถึงผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในด้านบันเทิง ครูเอื้อ สุนทรสนาน หรือในด้านการปกป้องดูแลประเทศ จ่าเพียร ครูจูหลิง ผู้กองแคน... คำถามคือ... แล้ว.. วันนี้..เราเริ่มทำอะไรหรือยัง? คำถามนี้... เราเชื่อว่าหลากหลายคำตอบเลยล่ะ... แล้วคุณล่ะ ตอบตัวเองว่าอะไร?? ![]() ![]() ต่อ ๆ ค่ะ... ยังไม่จบค่ะ... ฮ่าๆๆ ไปต่อส่วนที่สอง "ดวงใจปวงประชา" ค่ะ ![]() จะเป็นเรื่องราวของพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 และก็เป็นเรื่องราวตั้งแต่สร้างกรุงของรัชกาลที่ 1 มาถึงการรักษาและสร้างต่อของรัชกาลที่ 2 มีการจารึกความรู้ต่าง ๆ ไว้ตามกำแพงวัดบ้างเพื่อป้องกันการสูญหายและถูกทำลาย ![]() และเริ่มแผ่ขยายทางการค้าของรัชกาลที่ 3 อันนี้คือสิ่งที่เราสนใจ... "เงินถุงแดง" มีรายงานว่าตอนที่รัชกาลที่ 3 สวรรคตนั้น เงินถุงแดง (คือเงินในท้องพระคลังจากการทำธุรกิจกับต่างชาติและบริหารบ้านเมือง) มีถึงสองล้านกว่าบาทมั้ง คิดเป็นเงินสมัยนี้เท่าไหร่นะ แต่เยอะอ่ะ อะไรจะมี business mind ขนาดนั้น ฟังแล้วอยากเรียนรู้ถึงวิธีการทำธุรกิจของพระองค์ท่านขึ้นมาทันที ![]() รัชกาลที่ 4 จะมีพระปรีชาสามารถด้านศาสนาและดาราศาสตร์ มาถึงรัชกาลที่ 5 ที่มีการเสด็จประพาสทั้งในและต่างประเทศ เลิกทาส และสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ขึ้น การจัดแสดงทำได้ดีมากค่ะ ทั้งในการเล่าเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่นำชม การใช้แสง สี รวมถึงการสร้างฉาก ![]() ![]() ความรู้ฉบับย่อ ๆ ยังหลั่งไหลมาเรื่อย ๆ การสร้างเมืองจำลองและสนับสนุนด้านการศึกษาของรัชกาลที่ 6 การเปลี่ยนแปลงการปกครองและสละราชสมบัติ รวมถึงการให้มีรัฐธรรมนูญของรัชกาลที่ 7 และการทรงงานของรัชกาลที่ 8 พีคสุดสำหรับเราของส่วนนี้คือรัชกาลที่ 9 เพราะรัชสมัยของพระองค์ท่านเพิ่งสิ้นสุดไป และท่านครองราชย์นานที่สุด การนำเสนอไม่ได้ดราม่าแบบเล่นกับความรู้สึกผู้ชม การบรรยายเป็นไปอย่างธรรมดามาก แต่เห็นคนแอบเช็ดน้ำตาเลยแหละ ![]() ![]() ![]() ![]() จบเถอะ... จบการแสดงนิทรรศการเส้นทางที่ 2 ค่าาา... ![]() เห็นนะ แอบโล่งใจกันเป็นแถบใช่มั้ย จบบล็อกได้ซะที ฮ่าๆๆ... ผ่อนคลายด้วยการขึ้นไปชมวิวที่ห้องชมวิวค่ะ มองเห็นโลหะปราสาท ![]() และ ภูเขาทอง กับ ลานเจษฎาบดินทร์ ![]() นี่แค่ 2 ห้อง แต่ก็ใช้เวลาลา 2 ชั่วโมงเลยค่ะ ค่าเข้าชม 100.- บาท แต่ได้อะไรมากมาย ได้ผ่อนคลาย ได้เรียนรู้ ได้หันมามองตัวเอง มาอยู่กับตัวเอง รู้สึกมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง เหนื่อยกันไหม ถ้าเหนื่อยก็แวะดื่มน้ำก่อนกลับนะคะ ![]() ส่วนเรา... เดินเลาะมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดตรงข้ามวัดบวรฯค่ะ เป็ดตู้มมาก ข้างล่างเนื้อและเครื่องในนั่นเป็นน่องค่ะ ชามละ 60.- บาท ![]() ![]() ทานไปพร้อมกับคิดว่าจะกลับไปเก็บ 7 ห้องที่เหลือ บล็อกน่าจะยาวถึงสุไหงโกลกเลยทีเดียว แหะๆๆ ไปล่ะค่ะ สวัสดีวันที่เย็นชุ่มฉ่ำนะคะ ![]()
การเข้าชม มีกฏระเบียบก็ดีนะคะ ไม่นำน้ำและอาหารเข้าไปดื่มไปกินข้างใน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครจะช่วยรักษาความสะอาด เพราะเจอพวกมักง่าย กินแล้วทิ้งไว้ตามซอกตามมุมเพราะขี้เกียจถือนำไปทิ้งที่ถังขยะ และกลิ่นอาหารที่นำเข้าไปอีก
ขอบคุณที่พาเที่ยวพาชมค่ะคุณแฟร์ แล้วจะตามไปสุไหงโกลกต่อจ้า ฮี่ๆๆ ![]() ![]() โดย: โอน่าจอมซ่าส์
![]() บล็อกน่าจะยาวถึงสุไหงโกลก ตอนนี้ถึงประจวบยัง...อิอิ
ขอบคุณที่พาเที่ยว..ได้ความรู้มากค่ะ^^ ส่องก๋วยเตี๋ยวก่อน ดูว่าสั่งเส้นอะไร... ![]() โดย: สันตะวาใบข้าว
![]() อยากจะโหวตร้านอาหารเลยคครับ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดน่ากินสุดๆ ฮ่าๆๆ
โดย: ทนายอ้วน
![]() ![]() ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณแฟร์
เป็นนิทรรศการที่น่าสนใจมากเลยนะครับ เราจะรู้ปัจจุบันได้จากการเรียนรู้อดีตจริงๆ แต่ละจุดน่าสนใจมากๆ ผมเองก็ทันได้เห็นร้านกาแฟแบบสมัยก่อนนะครับ 555 ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() นิทรรศการจัดดีมากๆค่ะคุณแฟร์
ชมเพลินและได้ความรู้ด้วย มีหลายเรื่องที่ยังไม่เคยรู้ รูปสวยมาก ขอบคุณคุณแฟร์ที่พาชมนะคะ แต่ตอนนี้หิวก๋วยเตี๋ยวเป็ดเครื่องตู้มขึ้นมาแล้วค่ะ ![]() โดย: Sweet_pills
![]() ![]() ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ
หลายสิ่งหลายอย่าง พอโตมามันก็หายไปจริงๆครับ ผมเองพอมีลูก วิธีคิดก็เปลี่ยนไปเยอะมาก เริ่มฝึกคิดในมุมของเค้าด้วยครับ ไม่ใช่คิดแต่มุมของพ่อแม่อย่างเดียว โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() โห ดีใจๆๆๆ บล็อกนี้น่าสนขนาด
แต่ใกล้เที่ยงแล้ว ไปทำก๋วยเตี๋ยวก่อนนะคะ ดูแล้วอยากได้สักชาม เดี๋ยวกลับมาผ่อต่อนะคะ ![]() ![]() ![]() โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า
![]() ![]() กลับมาตามต่อละค่ะ น่าขชมมากๆ
ตอนนี้ยาวถึงชุมพรหรือยังคะ ถ้าถึงสุไหงโกลกก็ไปเที่ยวต่อมาเลเซีย สิงโปรค์เลยเนอะ ![]() ![]() ![]() โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า
![]() ![]() มาเที่ยวด้วยครับ
ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมครับ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด เนื้อเป็ดเยอะน่ารับประทานมากๆครับ ชื่อจริงดอกไม้ ดอกว่านแสงอาทิตย์ครับ โดย: สองแผ่นดิน
![]() ![]() คำสอนของหลวงพ่อจรัญ
ยังคงทันสมัยและใช้ได้จริงอยู่เสมอนะครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() วันนี้ฝนไม่ตกลงมาแม้แต่นิดเดียวเลยนะคะ
คุณแฟร์นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ ![]() โดย: Sweet_pills
![]() ![]() |
melody_bangkok
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ ![]() All Blog
Friends Blog
Link |
|||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
จัดการอาหารเย็นให้พวกลูกๆก่อนนะคะ
นั่งหน้าหักกันอยู่ค่ะ