|
|||||
งานอาสา... บ้านหลังสุดท้าย @ ชลบุรี เอ็นทรี่นี้ไม่ไม่ได้ไปเที่ยวค่ะ แต่เอามาใส่รวมไว้ตรงนี้แหละเพราะคิดว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและสถานที่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เผื่อใครสนใจเหมือนกันค่ะ คิดซะว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงอาสาก็แล้วกันเนอะ
วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานอาสาฯที่ไปทำมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ เปิดภาพด้วยการทักทายจากแมววัดดีกว่า
เชื่อว่าเกือบทุกคนเคยทำบุญโลงศพ ใช่แล้วค่ะ งานอาสาฯที่ทำครั้งนี้สถานที่ คือ วัดราษฎร์นิยมธรรม ศรีราชา ชลบุรี เป็นการทำโลงศพให้ศพไม่มีญาติค่ะ
ตอนที่เห็นงานนี้ในบอร์ด เราอึ้งนิดนึง เอางี้เลยเหรอ แต่พออ่านรายละเอียดดูพบว่าน่าสนใจ ก็เลยสมัครไปค่ะ จริง ๆ งานจะมีเมื่อสองเดือนก่อน แต่ติดโควิด ก็เลยเลื่อนมาเป็นเดือนนี้ และพอใกล้วันที่นัด เริ่มลังเล เอาไงดี โทรไปบอกน้องคนจัดกิจกรรมว่าขอยกเลิกดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา เอาน่ะ! ครั้งนึงในชีวิต ไปทำเถอะ จะได้รู้ ถ้าไม่โอเคกับสภาพจิตใจก็จะได้ไม่เลือกงานประมาณนี้อีก
เดินทางไปวัดราษฎร์นิยมธรรมกันเลยดีกว่า วัดอยู่ในตัวเมืองศรีราชา ขับรถชั่วโมงนิด ๆ เอง หาไม่ยากเลยค่ะ
หลวงตาชงค์ ผู้ริเริ่มทำโลงศพให้กับศพไม่มีญาตินี้เล่าให้ฟังว่าตอนแรกตั้งใจจะทำ 99 โลง แล้วก็จบ แต่กลายเป็นว่ามีคนขอมาเรื่อย ๆ หลวงตาก็เลยทำมาเรื่อย ๆ เกิน 99 โลงไปไกลแล้ว และพอมีญาติโยมรู้มากขึ้นก็มาบริจาคสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ทำ เช่น ไม้ ผ้า สี เครื่องมือที่ใช้ในการทำต่าง ๆ รวมไปถึงปัจจัยหลวงตาก็เลยคิดว่าจะทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ
พวกเราที่มาวันนี้มี 25 คน ตอนแรกคิดว่ามากันหลายคน ทำได้ตามเป้า เสร็จเร็วแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ง่ายเลย เพราะไม่มีใครมีประสบการณ์ในการทำมาก่อน อย่าว่าแต่ทำโลงศพ งานเลื่อยไม้ ตอกตะปู ก็เพิ่งเคยทำครั้งแรกนี่แหละ หนักกว่านั้นคือต้องทำให้ใช้งานได้จริง ลงมือทำได้ชั่วโมงนึงเหงื่อไหลเป็นน้ำ จากที่ตั้งเป้าไว้ 7-8 โลง เริ่มมองหน้ากัน แค่ 1 โลงนี่จะทำได้กันหรือเปล่านะ หลวงตาให้กำลังใจ ไม่เป็นไรหรอกเราทำกันได้แน่นอน ค่อย ๆ ทำไป ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น
เริ่มจากเลื่อยไม้เป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ ค่ะ
ขึ้นโครงร่าง ติดกาว
ตอกตะปูเพื่อยึดให้แน่น
ประกอบโลง
ต่อคิ้ว
ขัดเหลี่ยมมุมด้วยกระดาษทราย และเก็บงาน ตอกเก็บแหลมปลายตะปู
ยาแนวรอยต่อเพื่อกันน้ำซึมเวลาเอาเข้าโลงเย็น
ทาสีขาวเป็นพื้น ทาสองรอบ ทั้งด้านนอกและใน สีที่ใช้เป็นสีกันน้ำค่ะ เพราะถ้าต้องตากแดดตากฝน ก็จะยังคงสภาพเดิมได้นานมาก ดูความใส่ใจของหลวงตา
ทาสีเสร็จ เอามาพ่นลาย
รอให้แห้งสนิท ก็บุผ้าด้านใน
ปูพื้นด้วยผ้า และวางหมอน
สองสาวกับผลงานของเธอ น้องพ่นสีเองเลยนะคะ พี่ ๆ ยืนเชียร์กันใหญ่ เก่งมากเลยค่ะ
อุปสรรควันนี้คือมีฝนตกลงมาหน่อยนึงตอนทำ ก็หอบโลงข้ามไปอีกฟากเพราะมีหลังคา นั่งทำกันหน้าศาลาให้ญาติโยมที่มาเฝ้าผู้ล่วงลับได้ปลงอนิจจังกันเพิ่มขึ้น
ถามว่าการทำอะไรก็แล้วแต่ครั้งแรกแบบนี้ไม่มีพลาดเลยเหรอ ก็ตอบว่ามีค่ะ เยอะด้วย แต่หลวงตาให้กำลังใจดีมากค่ะ
ดูแต่ละขั้นตอนของหลวงตาแล้วบอกได้เลยว่าหลวงตาทำอย่างตั้งใจ... ทำไมไม่รู้ ตอนที่ทำขั้นตอนสุดท้ายกัน น้องเค้าวางหมอนเสร็จ เราเดินไปจะถ่ายรูปผลงานที่เสร็จแล้วตรงท้ายโลง ภาพที่มองเห็นจากในเฟรมทำให้ตระหนักได้
กำลังยืนมองอย่างปลง ๆ ในชีวิต น้องก็ถามหลวงตาต่อว่าเวลาใช้ เราเผาไปทั้งหมดนี้เลยใช่ไหม หลวงตาตอบเรียบ ๆ ว่าใช่
คำว่า “บ้านหลังสุดท้าย” คือคำที่หลวงตาใช้เรียก หลวงตาสอนว่าพวกเราทำแบบนี้ให้กับคนที่ไม่มีญาติได้บุญนะ ให้ทำบุญ ทำความดีไว้เยอะ ๆ เพราะสุดท้ายเราจะเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้เลย แต่บุญจะตามเราไป ได้ยินบ่อยมากนะกับสิ่งที่หลวงตาสอน แต่วันนี้ซึ้งที่สุด เข้าใจที่สุดเลยเช่นกัน
วันนี้พวกเราทำกันได้ทั้งหมด 5 โลง หลวงตาบอกว่าเห็นไหม ถ้าสามัคคีกันก็ทำงานเสร็จได้ ค่อย ๆ ทำ ใจเย็น ๆ จะทำการใดใจต้องนิ่ง
มาทราบทีหลังว่าเราไม่ใช่กลุ่มอาสาฯกลุ่มแรกที่ไปทำ ก่อนหน้านั้นมีกลุ่มนักศึกษารวมตัวไปช่วยหลวงตาแล้ว 1 กลุ่ม (คาดว่าน่าจะไปเก็บชั่วโมงจิตอาสาน่ะค่ะ) และบางครั้งจะมีพี่คนนึงที่อยู่ใกล้ ๆ วัดที่รู้จักกับหลวงตาจะแวะมาช่วยอยู่เรื่อย ๆ ด้วย สาธุ เพราะไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหลวงตาทำคนเดียวจะใช้เวลานานแค่ไหน เลยบอกหลวงตาว่าเดี๋ยวจะรวมกลุ่มมาช่วยอีกนะเจ้าคะ หลวงตายิ้ม มาเลย จะมาคนสองคนหลวงตาก็ยินดีหมดนั่นล่ะ
กลับถึงบ้าน เทน้ำใส่แก้วได้ลำบากมากเพราะมือสั่น ดื่มน้ำเสร็จนอนแผ่ที่พื้นหน้าตู้เย็น ไม่สามารถขยับร่างไปไหนได้อีก สภาพระบมมาก มานั่งนึกดู เราทำงานกันแทบไม่หยุดเลยตั้งแต่เก้าโมงครึ่งจนสี่โมงเย็นเพราะกลัวไม่เสร็จ พักทานข้าว 20 นาทีโดยเปลี่ยนกันพัก มองดูมือที่มีรอยเปื้อนสีกับยาแนว แขนที่ถูกแดดเผาเป็นสีแดง... แอบขำตัวเอง เราไปทำอะไรมา แต่ที่แน่ๆ รู้สึกดีมาก ๆ ที่ไม่ได้โทรไปยกเลิกกับน้องคนจัดกิจกรรมในตอนแรก
ทุกครั้งที่เราทำงานอาสาฯ อย่างที่เคยบอกค่ะ นอกจากความอิ่มใจ สุขใจแล้ว เราได้อย่างอื่นกลับมาด้วยเสมอ ครั้งนี้เราได้กลับมาเยอะเลยทีเดียว เราเริ่มเห็นคำว่า value of life ของเราชัดขึ้น เราอยากใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีประโยชน์ ไม่อยากทิ้งเวลาไปเฉย ๆ และเราเห็นด้วยกับหลวงตานะ อย่าปิดกั้นตัวเองด้วยคำว่า “ทำไม่ได้”
ขอบคุณ One Fine Day ที่จัดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ขึ้นมาค่ะ แต่ช่วงนี้คงห่างหายงานอาสาฯอีกนานเลยค่ะ สถานการณ์โควิดแบบนี้ งานอาสาฯโดนยกเลิกกันเพียบเลยทีเดียว
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมค่ะ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 23 กรกฎาคม 2563 เวลา:15:51:10 น.
กิจกรรมนี้มาแปลกมากครับ
แหวกแนวจนน่าทึ่ง การปลูกบ้านหลังสุดท้าย.... ........................."เราอยากใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีประโยชน์ ไม่อยากทิ้งเวลาไปเฉย ๆ" สุดยอดครับ โดย: พายุสุริยะ วันที่: 24 กรกฎาคม 2563 เวลา:12:20:51 น.
ขออนุโมทนาบุญกับคุณแฟร์ด้วยนะคะ
ได้ชมขั้นตอนการประกอบรวมถึงการตกแต่งแล้ว อิ่มใจไปกับกิจกรรมจิตอาสาของคุณแฟร์ครั้งนี้ค่ะ หลวงตาท่านใจเย็นและใจดีมาก คำว่าไม่เป็นไรของท่านคือการให้อภัยตลอดเวลา ขอบคุณคุณแฟร์สำหรับบันทึกนี้ เห็นสัจธรรมของชีวิตชัดเจนค่ะว่าสุดท้ายแล้วเราเอาอะไรไปไม่ได้นอกจากบุญ และบ้านหลังสุดท้ายของคนเรามีพื้นที่เท่านี้จริงๆ ฝันดีนะคะคุณแฟร์ โดย: Sweet_pills วันที่: 25 กรกฎาคม 2563 เวลา:0:03:11 น.
ขอบคุณคุณแฟร์สำหรับกำลังใจนะคะ
ฝันดีคืนนี้ค่ะคุณแฟร์ โดย: Sweet_pills วันที่: 28 กรกฎาคม 2563 เวลา:0:49:35 น.
|
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
Friends Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
แล้วการต่องานไม้ ไม่ง่ายเลยนะครับ
ให้ผมทำก็คงยากเหมือนกัน
นี่หลายคนช่วยกัน จนงานออกมาสำเร็จ
ยอดเยี่ยมมากครับ
นอกจากได้ทำงานจิตอาสา
ยังได้แง่คิดดีดีจากงานด้วยครับ
ปล. งานชุดมือนี้
ผมล้อคำว่า "ธรรม" ด้วยรูป "มือ"
ซึ่งหมายความว่า ทุกอย่างในการฝึกฝนธรรมะนั้น
เราต้องลงมือทำด้วยตัวเราเองครับ
ไม่มีใครทำแทนเราได้เลย