ทำนา สร้างบ้านดิน ... “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์” @ สระแก้ว


สวัสดีค่าาา... Smiley

หายไปกลายสภาพเป็นผู้ป่วย... รู้สึกว่าพออายุเริ่มเยอะขึ้น เวลาไม่สบายก็เริ่มหายช้าขึ้นเหมือนกันเนอะ แค่เป็นไข้หวัดแต่นอนติดเตียงไม่ขยับอยู่ 3 วันเต็ม

แต่ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ และก็มีเรื่องเล่าอีกแล้วแหละ เป็นทริปเมื่อวันเสาร์ที่แล้วก่อนจะกลายสภาพเป็นผู้ป่วยน่ะค่ะ Smiley


Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


แต่ก่อนเวลาออกไปต่างจังหวัด เราจะเห็นภาพทุ่งนา ภาพชาวนาทำนาด้วยควายกันเนอะ แต่สมัยนี้เริ่มเห็นน้อยลง เหมือนว่าเค้าใช้เทคโนโลยี ใช้เครื่องยนต์ในการทำนามากขึ้น เราเลยสงสัย อยากรู้จักควายขึ้นมา (จริง ๆ เหมือนอยากรู้จักสัตว์ทุกชนิดในโลกนี้ แหะๆๆ Smiley)


แล้วโอกาสก็มาถึงเมื่อชมรมจิตอาสาเพื่อเรียนรู้วิถีชุมชนได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เราก็เลยสมัครเข้าร่วมค่ะ เป็นกิจกรรม “ค่ายทำนาสร้างบ้านดิน” ที่ “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์” จ.สระแก้ว





และก็เป็นอีกครั้งที่พอบอกเพื่อนอย่างภูมิใจว่าจะไปเลี้ยงควาย เพื่อนขำกันก๊าก บางคนบอกว่าเปลี่ยนจากช้างเป็นควายก็นับว่ามีพัฒนาการ และบางคนก็บอกว่าเลี้ยงตัวเองก็ได้นะ ไม่น่าจะต่างกัน... อืมม... จ้ะ Smiley

เราลืมเสียงนกเสียงกา แล้วมารู้จักโรงเรียนกาสรกสิวิทย์กันดีกว่านะคะ Smiley


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดตั้งโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนาและทำงานด้านการเกษตรกรรม และสอนผู้ที่ต้องการใช้กระบือทำการเกษตรให้สามารถทำงานร่วมกับกระบือได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลกระบือให้มีสุขภาพแข็งแรง 

นอกจากนี้ จะเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่ายและการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้วย 

(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ www.kasorn.com ค่ะ)


เราจำไม่ได้ว่ากระบือที่นี่มีกี่ตัว แต่ทั้งหมดจะเป็นกระบือที่มาจากการไถ่ชีวิตโคกระบือค่ะ มีบ้างที่มาจากชาวบ้าน และเนื่องจากที่นี่เป็นกระบือทรงเลี้ยง ก็จะเรียกว่า “กระบือ” โดยมี "คุณ" นำหน้าชื่อกระบือแต่ละตัว เช่น คุณเผือก คุณนกกระเต็น อะไรก็ว่าไป


เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯแต่เช้า อากาศดีมากเลยค่ะวันนี้ ไม่มีฝน ไม่มีแดด และไม่ร้อนอบอ้าว ขับรถไปเห็นหมอกด้วยนะคะ (รูปวันนี้จะไม่ค่อยชัดเพราะใช้กล้องคอมแพคแบบเด็ก ๆ และกล้องมือถือล้วน ๆ บางครั้งก็ขี้เกียจหอบของเยอะโดยเฉพาะจะไปเลอะเทอะแบบวันนี้น่ะค่ะ)





มาถึงโรงเรียนกาสรกสิวิทย์สาย ๆ ไม่ค่อยได้ออกมาทางนี้แฮะ ปกติจะขึ้นเหนือไม่ก็ลงใต้ พอได้มาทางนี้ ธรรมชาติทางนี้ก็สดชื่นดีเหมือนกันค่ะ 







คุณเผือก กระบือเซเล็บฯ เรียกเซเล็บฯเพราะเป็นดาราของที่นี่ คอยต้อนรับแขกอยู่เลยค่ะ Smiley





เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการฟังบรรยายเรื่องโรงเรียนและกิจกรรมของที่นี่ พร้อมทั้งเรียนรู้คำสั่งง่าย ๆ ในการสั่งให้ควายทั่ว ๆ ไปไถนา เช่น หึ้ย คือให้เดินไปข้างหน้า หรือ ยอ ก็คือหยุด 

เราต้องทราบมั้ย ต้องทราบค่ะ เพราะเราจะไปลองไถนากันด้วย Smiley







การไถนามีเรียกกันหลายอย่างเลยเนอะ แต่วันนี้เราจะ “ไถดะ” กันค่ะ

ไถดะ คือ การไถครั้งแรกเลยของการทำนา เป็นการไถเตรียมดินเพื่อพลิกหน้าดินกำจัดวัชพืชก่อนจะเปิดน้ำทิ้งไว้ให้วัชพืชตาย แล้วค่อยปล่อยน้ำออก แล้วไถใหม่เพื่อปลูกข้าว คือฟัง ๆ นี่ไถกันหลายรอบมากอ่ะ ไถนู่นนี่นั่น รู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือไถ Smiley


วิทยากรชี้ให้ดูว่านี่คือวัชพืช... ทำไมสวย?? Smiley





กระบือที่เอามาไถนาจะเริ่มฝึกกันตั้งแต่ 2 ขวบ มีอายุการทำงานประมาณ 15 ปี และอายุเฉลี่ยของควายทั่ว ๆ ไปประมาณ 25-30 ปี แต่ถ้าเลี้ยงดูดี ๆ บางทีอยู่ได้เป็น 40 ปีเลยค่ะ


และ คุณนกกระเต็น จะมาเป็นกระบือสาธิตของเราในวันนี้ค่ะ 





ทุกคนก็อยากลองทำ แม้แต่น้องตัวเล็กพูดภาษาอังกฤษไฟแลบที่ถูกคุณแม่หลอกมา เราว่าคุณแม่น่ารักมาก ด้วยความที่เด็กสมัยนี้จะอยู่กับเกมส์คอมพิวเตอร์ ทำกิจกรรมในสถานที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ คุณแม่เลยหลอกมาให้สัมผัสธรรมชาติ ตอนแรกน้องดูงง ๆ แต่พอได้เริ่มสัมผัสสิ่งที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ดูน้องสนุกมาก น้องลงไปไถนาอย่างสนุกสนานเลย แถมขอกระโดดขี่ควายโดยไม่กลัวเลยค่ะ Smiley


คุณครูทำให้ดูก่อนค่ะ มือขวาประคองคันไถ มือซ้ายจับเชือกประคองกระบือ









โอ๊ยย... ดูตาสิ ช่างน่ารัก Smiley

แล้วก็ถึงคราวนักเรียน เกิดมาไม่เคยลงโคลนขนาดนี้ อย่าว่าแต่ถือคันไถ จะทรงตัวกันยังยาก 







พอถือคันไถเข้าไปขอบอกว่าคุณกระบือทั้งหลายเดินเร็วมาก ก้าวได้ 3 ก้าวล้มค่ะ เลอะสุด ๆ เหมือนจะได้รู้เพิ่มอีกอย่าง ที่เค้าว่ากันว่า “เดินตามควาย” เข้าใจแล้ว เดินเร็วแบบนี้นี่เอง Smiley


เมื่อคนเดียวไม่น่าจะรอด ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันค่ะ คนนึงถือเชือก อีกคนถือคันไถเถอะ... ง่ายกว่า Smiley





เชื่อมั้ยคะ แค่ไถจากแปลงนาฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึง แล้วไถกลับมา เหนื่อยหอบ เหงื่อไหลชุ่มตัว นี่ขนาดวันนี้ไม่ร้อน ไม่มีแดด อากาศดีด้วยนะ





ไม่อยากจะนึกว่า... ชาวนาที่เค้าต้องไถนาตากแดดตากฝนทั้งวันจะเหนื่อยแค่ไหน 


พูดแล้วซึ้ง นี่แค่ขั้นแรกของการเตรียมดินนะ ยังไม่รวมไถอะไรไม่รู้อีกหลายรอบ ดำนา ปลูกต้นกล้า... กว่าจะมาเป็นรวงข้าวไม่ง่ายเลย

เป็นรวงข้าวแล้วก็ใช่ว่าจะจบ ไหนจะระวังแมลง ไหนจะเกี่ยวข้าว ไหนจะเฝ้าไม่ให้โดนขโมย ไหนจะต่อสู้ราคาไหนจะอะไรต่อมีอะไร... 


บางครั้งก็แอบคิดว่าพวกเค้าน่าจะมีรายได้ที่มากกว่านี้




Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


ล้างแขนล้างขา พักกันนิดหน่อย ก็มาดูวิธีการสร้างบ้านดินค่ะ เราสามารถสร้างบ้านดินกันได้ทุกที่ ข้อดีคือบ้านดินจะเย็นและมีอายุการใช้งานนานพอสมควรเลยค่ะ


เริ่มจากเราเอาดินมาผสมกับฟาง ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเท่าลูกเปตองก็พอค่ะ แล้วก็เอามาแปะเข้าไปที่โครงบ้านที่ขึ้นเตรียมไว้แล้ว เวลาแปะก็มีวิธีแปะอีก เราสามารถใช้ภมิปัญญาชาวบ้านเข้าไปดัดแปลงกับบ้านดินได้ด้วยนะเออ การผสมสี การป้องกันแมลงด้วยการใช้สมุนไพร 

อืมม... ยาว เอาเป็นว่าใครสนใจสร้างบ้านดินหลังไมค์มาค่ะ เดี๋ยวจะบอกทางไปโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ให้... อ้าว ไม่ใช่ละ แหะๆๆ Smiley









อ้อๆๆ... อย่างนึงค่ะ ดินที่ดีที่สุดในการสร้างบ้านดินจะเป็นดินร่วนปนทราย เราว่าน่าจะมีหลายคนมีคำถามว่ามันควรจะเป้นดินเหนียวหรือเปล่า คำตอบคือเค้าไม่ใช้ดินเหนียวค่ะ เพราะพอเวลาผ่านไปซักพักจะแตกร้าวแบบนี้ค่ะ





กิจกรรมที่เรียกเสียงฮือฮาอีกอย่างหนึ่ง คือ การขีกระบือ ค่ะ ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณเผือกของพวกเรานี่แหละ เราเคยขี่ช้างหลายรอบอยุ่ แล้วเราก็ชอบขี่ช้างมาก แต่ขี่ควายนี่ต่างจากขี่ช้างแฮะ 


ขี่ช้าง ช้างจะใช้ขาส่งเราขึ้นบนหลัง ปางขวัญช้างคู่หูเราส่งค่อนข้างสูง ซึ่งจะขึ้นได้ง่ายหน่อย และเราก็จะขี่ที่คอช้าง ซึ่งเป็นช่วงที่แคบของเค้าใช่มั้ยคะ เอาขาทัดไว้บนหูเค้า จะนั่งค่อนข้างสบาย


แต่ขี่ควาย... เหอะๆๆ เราต้องนั่งที่หลัง ซึ่งกว้าง ขึ้นก็ต้องกระโดดขึ้นอย่างเดียวเลย คุณครูบอกว่าบางคนถ้าเก่ง ๆ จะเหยียบขาหลังเค้าแล้วส่งตัวขึ้นไปนั่งบนหลัง ยากกว่าค่ะ เราว่า


ผิวสัมผัสเค้าก็ต่างกัน ผิวช้างจะหนาและแข็ง แต่ผิวของ คุณเผือก เราจับไป อุ้ย... นุ่มแฮะ ลื่น เย็น ชอบ ไม่ขีแต่เอาหน้าคลุกถูไถ คุณครูก็ยืนขำ ก็นุ่มง่ะ แหะๆๆ... Smiley





ความสมบูรณ์เป็นชั้น ๆ ของคุณเผือกว่าน่ารักน่าฟัดแล้ว หางของคุณเผือกก็เป็นพู่นุ่มสลวย ใช้แพนทีน หรือโดฟ กันเนี่ยกระบือที่นี่??




เล่นกับคุณเผือกจนคุณเผือกเริ่มงอแง จะกลับเข้าบ้าน เราก็เลยปล่อยให้คุณเผือกได้พักผ่อน


ที่นี่มีร้านกาแฟด้วยนะคะ ชื่อว่า "ควายคะนอง" ค่ะ มีอาหารและเครื่องดื่มขาย ขอบอกว่ากาแฟราคาไม่แพงและอร่อยมาก ไม่แพ้กาแฟแบรนด์นอกเลย และยังมีบางเมนูเป็นเมนูพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ด้วยค่ะ อร่อยไม่แพ้กัน เครื่องดื่มอื่น ๆ สำหรับคนไม่ดื่มกาแฟก็มีค่ะ แนะนำให้ลองน้ำอัญชันมะนาว เหนื่อย ๆ มาสดชื่นมากค่ะ







อีกครั้งที่การออกเดินทางของเราคือการได้เรียนรู้ ขอบคุณน้องธี แห่ง One Fine Day ที่จัดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ขึ้นมาค่ะ


และที่ขาดไม่ได้เลย ขอบคุณ โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ที่ให้ความรู้เราในวันนี้ ที่นี่มีคอร์สนึงที่เราสนใจมาก คือ หลักสูตรเกษตรกรกาสรกสิกรรม จะใช้เวลาประมาณ 10 วัน คือมาฝึกทำนาเลยค่ะ คุณอิ๋ว เจ้าหน้าที่บอกว่ามีชาวนามาเรียนรู้หลายรุ่นแล้ว มาทั่วประเทศเลยค่ะ จากนราธิวาส ปัตตานี ก็มา นั่นสิ แอบนึกถึงที่เราไปนราธิวาส แล้วเราเห็นทุ่งนา พี่ที่มาช่วยขับรถบอกว่าที่นั่นเริ่มทำนากันมากขึ้น



ไม่แน่นะ... ซักวัน เราอาจจะกลับมาอัพบล็อกอีกรอบพร้อมกับเรื่องเล่าของคอร์สนี้ก็เป็นได้ ฮ่าๆๆ Smiley


สุดท้าย ไม่เกี่ยวอะไรใด ๆ กับเรื่องทำนา แต่จะบอกว่าช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหนาสาหัส ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ นี่เดี๋ยวก็ต้องไปทานยาเช่นกันค่ะ แล้วเจอกันใหม่เมื่อได้ออกเที่ยวค่าา... Smiley





Create Date : 15 กันยายน 2561
Last Update : 15 กันยายน 2561 21:29:41 น.
Counter : 1666 Pageviews.

17 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณmambymam, คุณกะว่าก๋า

  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ

เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากๆเลยนะครับ
ทั้งการทำบ้านดิน
และการเลี้ยงควาย

หลังๆผมว่าเด็กในเมืองเผลอๆไม่รู้จักควาย
ไม่รู้จักการทำนาแล้วนะครับ
อ่านแต่จากตำราอย่างเดียว นึกภาพไม่ออก 555

ปล. หนังสือของทะไล ลามะมีหลายเล่มมากจริงๆครับ
โดยส่วนตัวผมว่าหนังสือของท่านอ่านเข้าใจง่ายดีครับ
อาจเพราะผมเองก็ชอบแนวทางของมหายานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยล่ะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กันยายน 2561 เวลา:22:26:54 น.
  
ท่องเที่ยววิถีชุมชน วิถีชีวิต นวัตวิถี ช่วงนี้กำลังได้รับความนิยม
เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนชนบท
อยากไปสร้างบ้านดินบ้างครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:0:24:04 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:3:04:15 น.
  
อ่านและชมภาพแล้วอยากไปเที่ยวชมบ้างจังเลยค่ะ
อยากไปลองไถนา น่าสนุกดี อยากลองทำบ้านดิน
การที่ให้เด็กๆรุ่นใหม่ไปสัมผัส เห็นบรรยากาศแบบนั้น เป็นอะไรที่ดีมากๆ
เพราะเด็กสมัยนี้ โดยเฉพาะเด็กในกรุงเทพ แทบจะไม่รู็จักควาย
ท้องนาก็แทบไม่เคยเห็น
ไปทำกิจกรรมแบบนี้เค้าจะได้เรียนรู้หลายๆอย่าง
นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจสุดๆค่ะ

ช่วงนี้ฝนชุก คนเป็นหวัดกันเยอะเลยค่ะ
ขอให้หายเร็วๆนะคะ

ขอบคุณที่แวะชมชบาจิ๋วค่ะ



โดย: mambymam วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:5:43:28 น.
  


สวัสดียามเช้าครับ

โหวตครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:6:23:57 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ

หนังสือเล่มนี้อ่านสนุกครับ
แล้วทำให้รู้เลยว่าการเลี้ยงดูที่ไม่ดี
นั้นส่งผลเสียมหาศาลต่อสังคม

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:22:27:39 น.
  


สวัสดียามเช้าครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กันยายน 2561 เวลา:6:57:22 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ

กฤษณมูรติเน้นเรื่องของความกลัว
และการเป็นอิสระจากความกลัวมากเป็นพิเศษ
เดี๋ยวจะมีรีวิวหนังสือของเขาประมาณ 10 เล่ม
เดือนที่แล้วผมอ่านกฤษณมูรติไป 10 กว่าเล่มเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กันยายน 2561 เวลา:23:25:13 น.
  

สวัสดียามเช้าครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กันยายน 2561 เวลา:6:38:58 น.
  


สวัสดียามเช้าครับ

เดือนที่แล้วอ่านหนังสือของกฤษณมูรติหลายเล่มมากครับ
อ่านไม่จบประมาณ 9 เล่ม 555
คืออ่านไปไม่กี่หน้าก็รู้เลยว่าอ่านต่อไม่จบแน่ๆ
เนือ้หาภายในเล่มมันไม่เชื่อมโยงกับความสนใจของผมน่ะครับ
วางเลย 5555

แต่เล่มที่ชอบก็จะชอบไปเลย
จึงนำมารีวิวต่อเนื่องเลยครับ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กันยายน 2561 เวลา:6:25:59 น.
  
ลำโพงกาสลักปลูกง่ายมากค่ะ
เสียแต่ว่าเพลี้ยชอบมาก เบื่อตรงนี้ล่ะ

ขอบคุณที่แวะชมด้วยกันค่ะ



โดย: mambymam วันที่: 19 กันยายน 2561 เวลา:21:59:41 น.
  
ที่ผมชอบแนวคิดของท่านกฤษณมูรติ
น่าจะเป็นเรื่องการศึกษากับการใช้ชีวิตโดยไม่มีความกลัวนี่ล่ะครับ
แต่ก็ทำได้ยากจริงๆ 555
เรื่องที่ท่านอธิบาย ในทางพุทธก็มีสอนไว้เยอะมาก

เหมือนธรรมะที่ไม่ต้องไปค้นหาจากที่ไหน
เพราะมันอยู่ในตัวเราเองตลอดเวลา
ต้องค้นพบให้เจอในตนเอง ด้วยตัวเอง

ตรงนี้แนวคำสอนของพุทธกับของท่านกฤษณมูรติ
พูดไว้ตรงกันทีเดียวครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กันยายน 2561 เวลา:23:28:50 น.
  

สวัสดียามเช้าครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2561 เวลา:6:29:18 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ

มีคำสอนนึงเกี่ยวกับความกลัว ความกังวลที่ผมชอบมากของท่านกฤษณมูรติ
มีคนถามท่านว่าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่กลัว
ท่านบอกว่า ไม่ใช่ห้ามกลัว
กลัวได้ แต่ให้มองเหป็นความกลัว
เปรียบความกลัวเหมือนงู
เราเห็นงูก็จะกลัวมันก่อนเลย แต่ถ้าหยุด นิ่ง
และดูมันให้ชัดเจน อาจจะเห็นงูตัวนั้นได้ชัดขึ้น
อาจเป็นเชือกเส้นหนึ่ง หรืออาจเป็นงูที่ไม่มีพิษ
หรือถ้างูตัวนั้นมีพิษ แต่เราเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความระมัดระวัง
งูนั้นก็ไม่สามารถทำอันตรายกับเราได้

เวลามองความกลัว ให้มองแบบที่เรามองดูงู
เข้าไปใกล้ๆทีละนิดๆ แต่อยู่ในระยะที่ปลอดภัย

ผมว่านี่เป็นคำสอนที่ดีมากเรื่องหนึ่งที่ท่านเคยสอนไว้เลยล่ะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2561 เวลา:11:18:16 น.
  
ดีใจที่เห็นคนเริ่มกลับมาสู่วิถีเดิมๆ
กันมากขึ้นนะคะ

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 20 กันยายน 2561 เวลา:19:06:40 น.
  

สวัสดียามเช้าครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2561 เวลา:6:03:45 น.
  
มาทักทายในวันหยุดค่ะ

โดย: mambymam วันที่: 23 กันยายน 2561 เวลา:7:24:50 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

melody_bangkok
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^
Daisypath Vacation tickers
กันยายน 2561

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog