|
|||||
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก @ กรุงเทพมหานคร จริง ๆ แล้วการไปเยี่ยมชมที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินชมถนนเจริญกรุงที่นำชมโดย อ.นัท จุลภัสสร กับ อ.ตุ้ย ภากร ซึ่งดีมาก อาจารย์ทั้งสองท่านให้ความรู้ดีมาก ๆ แต่ด้วยความที่เราอยากไปที่นี่มานานแล้ว เลยขอแยกส่วนพิพิธภัณฑ์นี้ออกมาแนะนำก่อนนะคะ เรื่องเจริญกรุงเดี๋ยวค่อยว่ากันค่ะ "พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก" หรือ "พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร" เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 43 (เราเริ่มจากไปรษณีย์กลาง ข้ามมาฝั่งตรงข้าม ซ้ายหัน เดินตรงไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ ถึงแยกเลี้ยวขวา เดินตรงลอดใต้ทางด่วน พิพิธภัณฑ์อยู่ด้านขวามือค่ะ) พิพิธภัณฑ์เปิด 9.00 – 16.00 น. ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ การเข้าชมไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ ที่นี่ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามถ่ายภาพเคลื่อนไหวค่ะ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกเป็นบ้านของ รองศาสตราจารย์วราพร สุรวดี ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ การออกแบบจะผสมกันระหว่างไทยกับตะวันตก อันที่จริงแถวเจริญกรุงนี่เฟื่องฟูมาก ๆ ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์นะคะ เราคิดว่าเป็นเพราะแต่ก่อนคนสัญจรทางน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลัก ธุรกิจและการค้าขายต่าง ๆ น่าจะเกิดที่ริมแม่น้ำนี่แหละ แถบนี้เลยเป็นเหมือนศูนย์กลางการค้า ชาวต่างชาติเวลามาถึงก็มาตั้งบริษัท สร้างบ้านแถว ๆ นี้ สถาปัตยกรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของแถว ๆ นี้เลยค่อนข้างจะได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ อืมม... อันนี้เอาไว้กล่าวถึงใน entry หน้า เจริญกรุง ดีกว่า ต่อค่ะ... ในบริเวณบ้านประกอบด้วยบ้านไม้ 4 หลัง บ้านหลังแรก เป็นหลังใหญ่ และเป็นหลังหลัก ซึ่งก็เป็นรูปที่ใช้เปิดบล็อกน่ะค่ะ มีมาแต่ดั้งเดิม เป็นบ้านทรงปั้นหยา กระเบื้องว่าว บ้านหลังนี้จะแสดงให้เห็นรูปแบบของบ้านของผู้คนในกรุงเทพฯสมัยก่อน มีห้องต่าง ๆ ห้องรับแขก ห้องหนังสือ ห้องน้ำ ห้องสุขา เราชอบห้องสุขาที่นี่มาก คือตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นชักโครก เราก็มัวแต่ตื่นเต้นกับที่นั่งที่เป็นไม้ น้องที่เป็นผู้ร่วมชมด้วยบอกว่าใช้เสร็จต้องมีคนเอาไปทิ้ง เลยดูชัด ๆ เอ้า... ไม่ใช่ชักโครกนี่ กระโถนดัดแปลงมานี่นา มีที่นั่งเท่มากเลยค่ะ บ้านหลังนี้ให้โฟกัสที่โคมไฟเพดานแต่ละห้องนะคะ (ไม่ใช่สป็อตไลท์นะ) ปลายข้างหนึ่งเป็นตั้วโคม ปลายอีกข้างจะเห็นตุ้ม ๆ เอาไว้ชักขึ้นลง สมัยนั้นมีสงครามใช่มั้ยคะ ถ้าอยากให้ห้องสว่างก็ชักโคมไฟขึ้น พอมีทิ้งระเบิดอะไรก็ชักลงมาเพื่อให้แสงสว่างกระจายน้อยลง น้องคนนึงที่ไปร่วมชมด้วยกันบอก ใช่หรือเปล่าไม่ทราบ แต่พี่เชื่อไปแล้วนะ ผิดถูกยังไงไปต่อว่าน้องเอาเองนะคะ ฮ่าๆๆ หน้าต่างแบบนี้ หรือที่เรียกว่า บานกระทุ้ง เป็นบานกระทุ้งสองชั้น คือ ตรงส่วนที่เป็นกันสาดก็เปิดได้ค่ะ และช่องรับแสงเหนือบานกระทุ้งของบ้านหลังนี้แกะสลักได้ละเอียดและสวยงามมากทีเดียว บ้านหลังที่สอง เป็นบ้านที่ยกมาจากที่ตั้งเดิม คือ ทุ่งมหาเมฆ เป็นบ้านของคุณหมอฟรานซิส คริสเตียน นายแพทย์ชาวอินเดีย ที่สมรสกับคุณแม่ของอาจารย์วราพรค่ะ บ้านหลังนี้เป็นที่ทำงานของคุณหมอด้วย โดยจะทำเป็นห้องตรวจด้านล่าง บ้านหลังนี้เลยจะมีอุปกรณ์การแพทย์สมัยก่อนให้ได้ชมกันค่ะ บ้านหลังที่สาม เป็นเอาคารยาว จนท บอกว่าเดิมเป็นห้อง ๆ เหมือนตึกแถว แต่ตอนหลังมาก็เอาผนังระหว่างห้องออกหมด บ้านหลังนี้ชั้นบนจะเป็นการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและเรื่องราวของท้องถิ่นนี้ซึ่งก็คือเจริญกรุงและบางรัก ตรงนี้น่าสนใจมากค่ะ แต่ขอยกไป entry หน้าอย่างที่บอกเนอะ ไปข้างบนกันก่อนดีกว่า ขึ้นบันไดมาเป็นระเบียงต่อกันยาวค่ะ มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของเจริญกรุงและบางรัก และลากยาวไปถึงความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของผู้คนสมัยนั้น อิทธิพลที่ได้รับจากชาวต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทย เราว่าน่าสนใจมาก ๆ กลับมาที่ด้านล่างค่ะ ด้านล่างเป็นที่จัดแสดงของใช้ในสมัยก่อน บ้านหลังนี้อายุ 70-80 ปี ของที่นำมาแสดงก็จะเป็นของใช้ในช่วงสมัยนี้ไล่ลงไปจนถึง 70-80 ปีก่อนค่ะ เช่น โทรศัพท์เครื่องนี้ แต่ก่อนยังมีโทรเลขนะ ก็จะมีของเก่า ๆ มาให้ได้ระลึกถึงความหลังกัน แต่ที่เราชอบสุด เราไม่เคยเห็น ในห้องครัวไทยค่ะ นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเห็น กล่องไม้นี้คืออะไรใครทราบบ้าง คือตู้เย็นสมัยก่อนค่ะ เป็นตู้ไม้ ข้างในจะใช้เกลือเป็นหลักในการเก็บความเย็น ใช้วิธีเดียวกับไอติมแท่งหวานเย็นสมัยก่อนที่เทน้ำหวานลงไปในพิมพ์ แล้วเขย่า ๆ หมุน ๆ ให้รอบ ๆ แป๊บเดียวแข็งเป็นไอติมแล้ว นั่นล่ะค่ะ ใช้หลักการเดียวกันเลย บ้านหลังที่สี่ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง แต่เราไม่ได้ขึ้นไปค่ะ เห็นว่ามีหนังสือเยอะแยะ เราว่าบ้านหลังนี้มีดีมากกว่าเป็นแค่บ้านไม้เก่า ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดีเลยค่ะ จากการเข้าเยี่ยมชมที่นี่ทำให้เราพอนึกภาพวิถึชีวิตของคนเมืองหลวงในสมัยก่อนได้บ้าง ดีใจนะที่เรายังมีแหล่งเรียนรู้จากของจริง และนี่เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงสนใจพิพิธภัณฑ์ เพราะเรารู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์มีเรื่องราว กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ทุกสิ่งอย่างมีที่มา และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ สามารถบอกถึงที่มาเหล่านั้นได้ค่ะ
ชอบเดินชมบ้านเก่าๆครับ แต่ถ้าให้ไปอยู่เลยไม่เอานะครับ กลัว ฮ่าๆๆ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 27 สิงหาคม 2563 เวลา:20:15:33 น.
พิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีมากๆเลยนะครับ
เสียดายที่บ้านเรามีพิพิธภัณฑ์น้อยมาก ที่เชียงใหม่ขนาดเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับจังหวัด ผมยังรู้สึกว่าการจัดวางและข้อมูลไม่น่าสนใจเท่าที่ควร จะด้วยงบประมาณสนับสนุนมีจำกัดหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 สิงหาคม 2563 เวลา:22:42:46 น.
สวัสดียามเช้าครับ ดอกบัวดินหน้าฝน เวลาเค้าบานเป็นแปลง จะสวยมากๆเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2563 เวลา:7:31:54 น.
ตามมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกด้วยครับ มีโอกาสเข้ากทม.จะไปชมบ้างครับ
ได้เห็นอุปกรณ์เครื่องใช้สมัยเก่าๆบางอย่างก็ไม่เคยใช้ แต่ก็อยากเห็น สมัยโน้นกับสมัยนี้ แตกต่างกันมากเลย โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 สิงหาคม 2563 เวลา:23:24:59 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณแฟร์ แม่มาดามปลูกต้นไม้เก่งมากๆครับ ผมไปเชียงรายทีไร ก็ได้ถ่ายภาพดอกไม้ทุกทีเลย โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2563 เวลา:6:47:38 น.
อรุณสวัสดิ์ครับคุณแฟร์ งานศิลปะในบล็อกผมเมื่อวาน เป็นผลงานของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนีครับ งานท่านทรงพลังมากๆเลย โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กันยายน 2563 เวลา:5:45:39 น.
|
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
Friends Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |