|
|||||
"แม่กำปอง"... ฉบับย่อ @ เชียงใหม่ เมื่อเหนื่อยจากงานที่ถาโถม สิ่งที่จะช่วยเยียวยาได้คือความสงบของธรรมชาติ รู้สึกนอย ๆ กับบางสิ่งบางอย่าง เลยอยากจะพาตัวเองออกไปหาความสงบเพื่อรับพลังบวกกลับมาต่อสู้กับความวุ่นวายที่จำเจ ถึงจะมีคนกล่าวไว้ว่าความนอยมันไม่ได้อยู่ที่สถานที่แต่อยู่ที่ใจก็เถอะ เมื่อวันพักร้อนเหลือเยอะมาก ขอใช้สิทธิ์นั้นเลยดีกว่า ด้วยการลางานหนึ่งวันถ้วน แลดูมักน้อยมาก (คือมันลาได้แค่นี้ วันเดียวก็เอาค่ะ) "แม่กำปอง" เคยได้ยินชื่อนี้มานานมากแล้ว แต่ก็เลือนหายไปเพราะไปเชียงใหม่ก็พบรักกับช้างไทย ชื่อนี้โผล่มาให้นึกถึงอีกครั้งหน้าฟีด FB จากเพจท่องเที่ยวไหนซักเพจ พอดูรูปแล้วอยากเห็น อยากฟีลว่ามันจะประมาณไหน หลายเสียงบอกไว้ว่าไปไม่ลำบาก ขับรถไม่ยากเลย แต่การหาที่จอดรถนั้นยากกว่ามากนัก และที่สำคัญคือไม่ควรไปช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวเพราะคนจะเยอะมาก นั่งคำนวนมีเวลา 2 วัน ศุกร์-เสาร์ ไม่เทศกาลด้วย ทุกอย่างลงตัว แบคแพคไปเลยละกัน ไม่ต้องเอารถไป สองวันไม่น่าจะตาย สะพายเป้เดินทางครั้งแรกในชีวิตด้วยนะ ความโลกสวยโดนเบรคดังเอี๊ยดเมื่อโดนเพื่อนด่า (อีกแล้ว) แกจะไปสองวัน ไม่มีรถด้วย เหนื่อยตาย หาเรื่องจริง ๆ แต่เมื่อตั้งใจไว้แล้วก็จงอย่าลังเล พอคิดว่าอยากเห็นก็หารายละเอียดที่พักและการเดินทางเลย การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็คงต้องเป็น รถตู้สันกำแพง-แม่กำปอง นี่ล่ะ น่าจะมีอยู่เจ้าเดียวนะคะ ราคา 150 บาทต่อเที่ยว ไป-กลับก็ 300 บาท เบอร์โทร 083-3254965 แนะนำว่าโทรไปจองไว้ก่อนก็ดีค่ะ ว่าจะไปวันไหนกลับวันไหน เนื่องจากไม่ได้เช่ารถ การเดินทางในตัวเมืองเชียงใหม่ก็ต้องเป็นรถสาธารณะด้วยเช่นกัน ออกจากอาคารสนามบินเกท 1 ผ่านจุดเรียกแท็กซี่... ไม่ขึ้นค่ะ เดินตรงไปหารถเมล์ เพิ่งรู้ว่ารถเมล์เชียงใหม่ดีแบบนี้ 20 บาทไปได้ถึงตลาดวโรรส จุดที่จะขึ้นรถตู้ไปแม่กำปอง ทั้งคันมีผู้โดยสาร 4 คน แถมรับบัตรแรบบิทด้วยนะ สะดวกมาก แอบโพสต์ FB ว่าขึ้นรถเมล์ เพื่อนนั่งดูอยู่ที่กรุงเทพฯ อื้อ!! มันจะไปได้รอดซักแค่ไหน เห็นชัดว่าไม่ได้เป็นห่วง แต่ออกแนวคอยเหยียบซ้ำอ่ะถ้าไปไม่ถึง รถเมล์ที่ขึ้นไปไม่ถึงซะทีเดียวนะคะ แต่พี่คนขับน่ารักมาก บอกว่าจะจอดให้ที่จวนผู้ว่าฯ แล้วให้เดินตรงไปอย่างเดียวเลย พอถึงตลาดวโรรสตรงที่ขายดอกไม้ก็ถึงละค่ะ แต่มีเวลาอีกตั้งเกือบ 2 ชั่วโมงกว่ารถจะออก เราเลยไปหาอะไรทานที่ตลาดก่อนดีกว่า เดินดูเยอะมากเพื่อจะมานั่งทานข้าวซอยสี่จ้าต คืออะไรไม่รู้ แต่เห็นบอกว่าเป็นข้าวซอยสัญชาติไทใหญ่รัฐฉาน ขอลองหน่อยดีกว่า รสชาติไม่ได้ถึงกับโดนนะคะ แต่ก็ไม่แย่ ชอบน้ำซุปค่ะ มานั่งรอรถ มีป้ายติดไว้ด้วยนะคะว่าที่แม่กำปองมีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงระหว่างทางพบกับทิวทัศน์สีเขียว แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วนะคะเอาจริง ๆ ระหว่างทางคุยกับพี่คนขับมาตลอดทาง ได้ความรู้เยอะแยะเลยค่ะ ขอบคุณพี่ท่านนั้นมา ณ ที่นี้ การได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับคนในพื้นที่นั่นเป็นเสน่ห์อย่างนึงที่ทำให้เราหลงรักการเดินทางคนเดียว ถึงหมู่บ้านแม่กำปองฝนก็เริ่มลงเม็ด เราตั้งใจว่าจะรีบเดินไปที่ที่พักที่จองไว้ที่พี่คนขับรถตู้แอบไซโคไว้ว่า 800 เมตรแม้ว มันแค่ไหนอ่ะ แต่แอบเปลี่ยนใจเมื่อเดินมาได้ไม่กี่ก้าว และตามองเห็นป้ายร้านกาแฟ ปิรันย่าคอฟฟี่ พลาดได้ยังไงเล่า ถือโอกาสเข้าไปหลบฝน ตอนแรกมีน้อง ๆ นักศีกษาจากมหิดลอยู่เต็มร้าน แต่ซักพักน้องกลับเหลือเราอยู่คนเดียว ขอบคุณคุณปิยะเจ้าของร้านมาก ๆ ที่ให้ความรู้เรื่องกาแฟและเรื่องราวของหมู่บ้าน การเดินทางของเราได้พบเจอผู้คนที่น่ารักและมีอัธยาศัยดีอีกแล้ว การให้ความรู้โดยไม่หวงเกี่ยวกับเรื่องกาแฟทำให้เราชื่นชม ถามไปเถอะ คุณปิยะตอบทุกคำถามค่ะ จริง ๆ ที่แม่กำปองนี่มีร้านกาแฟเยอะมากนะคะ ไม่เคยเห็นดอยไหนร้านกาแฟติดกันยิ่งกว่า 7-11 ขนาดนี้ แต่มีร้านนี้ที่มี syphon ที่กรุงเทพฯ ก็มีนะคะ แต่ปกติเราดื่มแบบกาแฟสดเอสเพรสโซ่กันเนอะ ถ้าชงเองที่บ้านก็จะเป็นดริปเปอร์ หรือไม่ก็ 3 in 1 ซอง ๆ ไปเลย ส่วน syphon นี่ที่เห็นมีเยอะก็น่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี... มั้งเนอะ แหะๆๆ ไม่สันทัดเรื่องกาแฟค่ะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราดื่มกาแฟโดยไม่ใส่น้ำตาล คุณปิยะให้ความรู้ว่ากาแฟจะมีรสดีถ้าน้ำที่ใช้ต้มเป็นน้ำที่ใช้ปลูกต้นกาแฟ และจะเป็นการเพิ่มรสชาติขึ้นไปอีกถ้าดื่มกาแฟแล้วดื่มน้ำกรองจากท้องถิ่นที่ใช้ปลูกนี้ตามเข้าไป เลยแอบแซวไปว่ากาแฟเซ็ตนี้ 200 บาท แต่น้ำดื่มนี่ขายขวดละ 500 บาทใช่ไหม ในฐานะตัวเพิ่มความฟิน... คุณปิยะขำ แหม่!! คุณปิยะก็อย่าเปิดช่องสิฮะ มันอดไม่ได้ ที่นี่มีน้ำดื่มแม่กำปองนะคะ เป็นน้ำจากที่นี่แหละแต่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้ออย่างดีค่ะ จากที่มีคนบอกว่าแม่กำปองไม่ต้องไปก็ได้ ไม่มีอะไรเลย แต่เรานั่งคุยอยู่ที่ร้านกาแฟนี่ได้เป็นชั่วโมง จากที่ฝนตกหนัก จนหยุด จนตกลงมาใหม่ไม่รู้กี่รอบ คุณปิยะไม่ได้ให้ความรู้แค่เรื่องกาแฟนะ แต่ยังให้ความรู้เกี่ยวกับการเทรคและเดินป่าขึ้นดอยอีกด้วย เป็นอีกครั้งที่คำว่าไม่มีอะไรนั้นเราค้นพบอะไรมากมายจริง ๆ ออกจากร้านมาได้ อากาศสดชื่นมาก สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ มันหอมมาก กลิ่นฝน กลิ่นดิน กลิ่นธรรมชาติ... อย่ามัวแต่สูดอากาศ รีบเดินเถอะก่อนฝนจะตกลงมาอีก เดินได้ 3 ก้าว เอ๊ะ!! ไส้อั่วแม่นิ่ม ของแนะนำนี่ ไหนลองชิมหน่อยซิ ขีดละ 30 บาท บอกพี่สาวว่าขอขีดนึงค่ะ พี่สาวตัดไส้อั่ว ชวนพี่สาวคุยด้วยการถามไปงั้น ๆ ไปโฮมสเตย์ที่พักนี่อีกไกลมั้ยคะ พี่สาวตอบว่ากิโลกว่า ฮ้าาา?? กิโลกว่า??? เดินขึ้นเขากิโลกว่าเนี่ยนะ?? งั้นเอามาเลย 2 ขีด ข้าวเหนียวด้วย!!!! พี่สาวขำ ส่งไส้อั่ว 2 ขีดกับข้าวเหนียวให้ "ค่อย ๆ เดินนะ" พี่สาวอวยพรตบท้าย ทำอะไรไม่ได้นอกจากคอตกรับถุงไส้อั่วกับข้าวเหนียวมา ทานไปคำแรก อร่อยแฮะ ไส้อั่วกรอบนอกนุ่มใน ไม่มัน เนื้ออัดแน่นและย่างได้แห้งพอดี เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหมู่บ้านแม่กำปองคืออากาศที่เย็นสบายและเสียงน้ำที่ไหลได้ยินทั่วทุกตารางเมตรของหมูบ้าน เดินแทะไส้อั่วกับข้าวเหนียวฟังเสียงน้ำไหล ลืมไปเลยว่าต้องเดินกี่กิโล ความสุขหาได้ง่าย ๆ จริง ๆ นะคะ เราจองที่พักไว้ที่ "ไชยพลโฮมสเตย์" ที่นี่โฮมสเตย์มีเยอะมากพอ ๆ กับร้านกาแฟ บ้านที่เดิมมี 120 กว่าหลังคาเรือน ตอนนี้มีเพิ่มเป็น 300 หลังคาเรือน และเกือบทุกหลังเป็นโฮมสเตย์หมด จากเดิมรับนักท่องเที่ยวได้หลักร้อย วันนี้รับได้หลักพัน ก็ไม่แปลกที่ช่วงเทศกาลคนจะเยอะมาก ไชยพลโฮมสเตย์ มีสองที่ เราได้พักที่ใหม่ ที่อยู่ไกลขึ้นไปอีกนิดนึง แต่จากร้านไส้อั่วมาถึงที่นี่ก็ไม่ถึงกิโลกว่านะ พี่ร้านไส้อั่วแอบอำ และคุณรู้อะไรไหม คืนวันศุกร์นี้ทั้งโฮมสเตย์มีเราคนเดียวจ้ะ เราจะได้นอนฟังเสียงน้ำไหลได้อย่างเต็มที่ รู้สึกฟินเบา ๆ และทันทีที่เจอกัน พี่ผ่อง พี่เจ้าของบ้านถามว่าเดินขึ้นมาเหรอ ทำไมไม่โทรมาจะได้เอามอเตอร์ไซค์ไปรับ อ้าว!! พี่คะ... เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนหัวเราะก๊าก เพื่อนบอกทริปแกแต่ละทริปนี่มันส์จริง ๆ (นี่ชมหรือเปล่า ) พี่ผ่องกำลังเตรียมอาหารเย็นให้ เราจะเข้าไปช่วย ถามพี่ผ่องว่าให้เราช่วยอะไรมั้ย พี่ผ่องบอกว่าช่วยไปไกล ๆ ฮ่าๆๆ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะคะ พี่ผ่องเป็นคนมีมารยาทค่ะ พี่ผ่องตอบว่าไปถ่ายรูปข้างล่างเถอะ พี่ผ่องกับห้องครัวน้อย ๆ ของพี่ผ่องค่ะ เราชอบมาก พี่ผ่องน่ารัก อาหารเย็นที่ทานไม่หมด เหลือเพียบ น้ำพริกอ่องฝีมือพี่ผ่องอร่อยมาก ๆ แล้วก็มีผัดฟักแม้วใส่ไข่ กับแกงไก่ใส่หัวปลี และข้าวหนึ่งโถ ถามพี่ผ่องว่าซื้อของทำกับข้าวจากที่ไหน พี่ผ่องบอกว่ามีคนเอาขึ้นมาขาย แอบคิดว่าเดี๋ยวนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองเนอะ แล้วที่ทานไม่หมดน่ะ พี่ผ่องทิ้งหมดนะ เสียดายขึ้นมาทันที บอกพี่ผ่องว่าอาหารเช้าหนูง่าย ๆ นะพี่ แล้วที่สำคัญไม่ต้องเยอะขนาดนี้นะคะ หนูทานคนเดียวค่ะ แต่ๆๆ... อะไรคือข้าวต้มหมู 1 หม้อ ไข่ต้ม 3 ฟอง มีเซ็ตชากาแฟอีกนะ พี่ผ่องอย่าคำนวนจากหุ่นหนูสิคะ แหะๆๆ มาดูที่พักแรมคืนนี้ดีกว่าค่ะ ห้องสำหรับ 1-2 คนพร้อมห้องน้ำในตัว รวมอาหารเช้า-เย็นในราคา 550 บาทขาดตัว ห้องน้ำมีครบทุกอย่างค่ะ มีแม้กระทั่งเครื่องทำน้ำอุ่น อากาศเย็นค่ะ พอซักประมาณ 6 โมงเย็นนี่อยากจะใส่เสื้อกันหนาว ไม่นึกว่าจะเจอที่ที่อากาศ 21c ในขณะที่กรุงเทพฯร้อนตับแลบ ชั้นนี้มี 2 ห้องค่ะ มีไวไฟด้วยนะ แต่ไม่ใช้ค่ะ อยากจมอยู่กับธรรมชาติให้เต็มที่ มีเวลาแค่ 2 วันเอง แต่แอบสารภาพ ตอนหัวค่ำด้วยความฝนตกแมลงเลยเยอะมาก แต่เสียงน้ำไหลทำให้เราอดใจไม่ไหว พอตีสาม เราหอบหมอนหอบผ้าห่มมาปูเสื่อนอนที่ระเบียง มันสุดยอดมากกก ตอนเช้าตื่นมาสดชื่นเลยล่ะค่ะ ก่อนจากลาเพราะงานครัวไม่ชำนาญแต่การล้างจานนี่ถนัด ล้างไปคุยกับพี่ผ่องไป พี่ผ่องเล่าให้ฟังว่าที่นี่ใช้น้ำประปาภูเขา และบอกต่อว่าตอนนายหลวงมาที่นี่เมื่อ พ.ศ. ซาวสี่ เห็นว่าที่นี่ใช้น้ำแถว ๆ นี้ พอกลับไปเลยส่งคนมาทำให้ ไม่รู้สิ ซึ้ง คือแค่คุยเรื่องน้ำเพราะเราเห็นว่าน้ำไม่ใสเลยถามว่าน้ำมาจากไหน คำตอบสั้น ๆ จากคนพื้นที่อย่างพี่ผ่องทำให้ตื้นตันใจ วันต่อมาทานข้าวเช้าเสร็จโบกมือลาพี่ผ่องเพื่อไปสำรวจ หมู่บ้านแม่กำปองใน จริง ๆ เราอยากไป กิ่วฝิ่น เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น เค้ามีเหมารถไป 500 บาท (500 บาทนี่นั่งได้ 5 คนนะคะ) แต่เนื่องจากวันที่มาถึงฝนตกตลอด ทางลื่น คนขับบอกว่าค่อนข้างอันตราย ก็เลยอดไปตามระเบียบค่ะ เราอยากเห็นเหลือเกินมุมมหาชนที่ร้านกาแฟ ชมนกชมไม้ เนี่ย ก็เดินไปดูสิคะ ไม่ไกลจากที่พักค่ะ สั่งมอคค่าร้อนมานั่งจิบ พร้อมชมวิว ฟินมั้ย วิวสวย แต่คนเยอะหน่อยค่ะ แต่ละคนก็อยากได้วิวสวยงาม มันเลยดูวุ่นวายหน่อย ๆ อาจจะเพราะเป็นวันเสาร์ ถึงจะไม่ใช่วันหยุดยาวหรือเทศกาล แต่วันอาทิตย์ที่แม่กำปองมีวิ่งมาราธอน เลยมีนักวิ่งมากันจากทั่วประเทศ (จริง ๆ วันเสาร์ก็มีนะ ของละครช่อง 3 แต่วิ่งที่ประตูเมืองน่ะค่ะ ไม่ได้ขึ้นมาที่นี่) ไม่มีคนแต่ไม่น่ากลัวนะคะ เสียงน้ำไหลทำให้ใจรู้สึกสงบ เราชอบหมู่บ้านนี้นะ จะไปไหนก็เดินเอา เดินไปได้หมดไม่เว้นแม้กระทั่งการลัดเลาะริมลำธาร เดินผ่าน "วัดคันธาพฤกษา" วัดในหมู่บ้านที่ว่ากันว่าสร้างจากไม้สักทองและมีอุโบสถกลางน้ำ อาหารเย็นที่ยังไม่ย่อยดีและเช้าที่มาเป็นหม้อ แถมไปจิบกาแฟที่มุมมหาชนอีก ไม่สามารถจะทานอะไรได้อีกแล้ว แต่ถ้าจะมีอะไรที่ให้แนะนำก็คงจะเป็นชากุหลาบลาเต้เย็นที่ร้านกาแฟ หลงเขา ค่ะ จิบไปกลิ่นกุหลาบลอยหอมมาเลยทีเดียว ถึงเวลาต้องมารอรถกลับแล้ว ขอนั่งจิบ syphon อีกสักครั้งก่อนจะกลับ หลงเสน่ห์ syphon และการดื่มกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลแล้วสิ และเชื่อมั้ยว่าเราสำรวจได้แค่นี้จริง ๆ เป็นหมู่บ้านที่เหมือนเงียบ ๆ ไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมีอะไรให้ได้ทำความรู้จักเยอะมาก นี่ยังไม่รวม Giant Coffee ร้านกาแฟบนต้นไม้ใหญ่ / บ้านอิงดอย ที่เค้าว่ามีครบวงจรทั้งร้านกาแฟ โฮมสเตย์ ไร่กาแฟ ใบเมี่ยง รวมไปถึงการคั่วกาแฟย่อม ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม / มุมถ่ายรูปที่ร้านลุงปุ๊ด ป้าเป็ง ก็ไม่น้อยหน้า / ยังมีร้านข้าวซอย / ร้านกาแฟสำราญชน และอะไรต่อมีอะไร มาถึงตอนนี้เพื่อน ๆ ที่กรุงเทพฯรีบบอก ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวไปใหม่ เอาพวกเราไปด้วย ... แต่ละคน!! บางครั้งเราไม่รู้หรอกว่าการเดินทางจะพาเราไปเจออะไร การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและหายเหนื่อย วันนี้ได้พลังบวกกลับไปสู้กับงานหนักต่อแล้วล่ะ แล้วยังไงเราจะกลับมาเรียนรู้ใหม่นะ สุดสัปดาห์นี้แอบหนีเที่ยวอีกแล้ว แต่ครั้งหน้านี้ไม่ได้ไปคนเดียว ไปกับเพื่อน ๆ สมัยประถมค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ
ชาวบ้าน หรือร้านค้า คงสภาพแบบนี้ คงเป็นจุดขายที่
คนต้องการไปสัมผัสเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:17:46:00 น.
อ่านทุกคำเลยค่ะ ชอบจัง
อยากไปแบบนี้บ้าง แต่เดินขึ้นเขาเกือบ สองกิโลเนี่ย จะสู้ไม่ไหวละมั้งพี่ 55 ขอบคุณที่ชอบอ่านนิยาแปลนั้นนะคะ อาจจะเหมือนอ่านนิยายหลอกเด็ก แต่ถ้าตั้งใจอ่านละเอียดและคิดตาม ก็มีเรื่องสอนใจเยอะอยู่นะคะ เอาแค่สนุกๆค่ะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:19:37:22 น.
สวยทุกรูปเลยค่ะ ชอบพิเศษรูปธารน้ำค่ะ
ป.ล.โควต้าหมดแล้วจ้า ติดไว้ก่อนนะคะ โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:21:21:05 น.
แล้วจะตามรอยไปบ้างครับ
ได้เที่ยวหลายวัน ก็ต้องช่วงปิดเทอมครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:23:53:25 น.
เคยไปแม่กำปองครั้งเดียววันฝนพรำค่ะ
หอบหมอนหอบผ้าห่มมาปูเสื่อนอนที่ระเบียง น่าสบายที่สุดนะคะ โดย: Sweet_pills วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:0:23:10 น.
นี่ก็แอบเสียดายนิดหน่อยครับ
ช่วงหลังพอเล่นคอมเยอะขึ้นก็อ่านน้อยลง เมื่อก่อนนี่อ่านเยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้เด็กเค้าจะชอบดูยูทูปมากกว่าครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:22:50:35 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณแฟร์
ถ้าสังเกตจากหมิงหมิงลูกชายผม ผมว่าเค้าอ่านออนไลน์ครับ แต่ไม่ได้อ่าน e book หรือโหลด pdf มาอ่าน อย่างการ์ตูน เค้าก็อ่านเว็บตูน แต่ถ้าเป็นหนังสือ ก็ยังอ่านหนังสือเล่มอยู่ครับ ผมว่าหลักๆเด็กยุคนี้ชอบดูยูทูปครับ มีทั้งภาพและเสียงเลย โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มิถุนายน 2562 เวลา:5:43:16 น.
ทั้งคลิป
ทั้งเน็ตไอดอล ตอนนี้เป็นต้นแบบของการเผยแพร่คำหยาบเลยครับ เด็กๆคงมองว่ามันเท่ดี แต่ผู้ใหญ่ พ่อแม่ ได้ยินแล้วระคายหูเหลือเกินครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มิถุนายน 2562 เวลา:23:16:51 น.
ดาวพิษถึงบทที่ 8 แล้วค่ะ
รวมๆหลายบทก็อ่านมันดีนะคะ พี่วางบทนี้ถึงวันอาทิตย์ค่ะ ไว้วันหยุดค่อยอ่านก็ได้ ถ้าไม่ออกทัวร์เสียก่อน แต่ก็จะอ่านย้อนได้ค่ะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:18:01:17 น.
สวัสดีเดือนกรกฎาคมครับ
ก.ค.มีวันหยุดหลายวัน ไปเที่ยวไหนครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 2 กรกฎาคม 2562 เวลา:13:44:55 น.
มีร่างเดียวก็เหนื่อยแย่แล้ว
ทำไปเท่าที่ไหวนะคะ นิยายนี้อ่านเมื่อไรก็ได้ค่ะ ตอนนี้จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อ่านติดต่อกันก็มันส์ดีนะคะ พี่สบายดีค่ะ คุณแฟร์ก็รักษาสุขภาพด้วย แค่ได้มาทักทายกันก็มีความสุขแล้วค่ะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 9 กรกฎาคม 2562 เวลา:16:33:38 น.
สวัสดีครับคุณแฟร์
งานหนัก งานยุ่ง ผมถือว่าเป็นข่าวดีนะครับ 5555 เชียงใหม่สองเดือนที่ผ่านมา เงียบจนน่าเป็นห่วง วงการท่องเที่ยวเงียบหงอยมากๆเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กรกฎาคม 2562 เวลา:20:08:18 น.
แวะมาเยี่ยมนะคะ
ไม่เจอกันนานมากเลย รักษาสุขภาพด้วยค่ะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 1 มีนาคม 2563 เวลา:17:56:24 น.
|
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
Friends Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
แต่ยังไม่เคยนอน
อากาศที่นี่ดีมากจริงๆครับ
เป็นแหล่งโอโซนที่อากาศสะอาดมากๆ