
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
ว่าด้วยการให้ทาน
...
สวัสดีครับ 
ล่าช้าในการอัพบล็อกกว่ากำหนดไปหน่อยนึง เนื่องจากมีงานให้ทำพอวุ่นๆอยู่บ้าง บวกกับหมดมุข 
เจอกันครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ นัท-คุง และประโยชน์ของ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ก็ขอเป็นเรื่องธรรมะละกันนะครับ 
(ตรรกะของสองย่อหน้าบนนี่ไม่เข้ากันเลยเนอะ? )
...
ในทางพุทธศาสนานั้น
"บุญ" ในความหมายถึง เครื่องชำระสันดาน ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ กุศลธรรม
"บารมี" คือคุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงยิ่ง
(นิยามศัพท์ตาม พจนานุกรมพุทธศาสน์ของ พระราชวรมุนี -- ป.ปยุตโต)
และวิธีสร้าง บุญ-บารมี ในทางพุทธศาสนาก็มีอยู่ 3 ขั้นตอน (เรียงลำดับจากวิธีที่สร้าง บุญ-บารมี ได้น้อยสุดไปจนมากสุด) คือ
การให้ทาน
การรักษาศีล
และ การเจริญภาวนา
ในการอัพบล็อกครั้งนี้ ขอว่าถึง "การให้ทาน" นะครับ
การทำทาน เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าหมายถึงการสละทรัพย์สินของตน หรือกระทั่งสิ่งที่ไม่เป็นรูปธรรมอื่นอย่างความรู้ ให้แก่ผู้อื่น ด้วยความมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ และความสุขด้วยเมตตาจิตของตน
การทำทานจะได้ บุญ-บารมี มากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นกับองค์ประกอบ 3 ประการ คือ
1. วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์
หมายถึงวัตถุทานนั้นๆต้องเป็นสิ่งที่ได้มาโดยชอบ โดยสุจริต
2.เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์
หมายถึง การมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดความโลภ ความตระหนี่เหนียวแน่น ความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตน อันเป็นกิเลสหยาบ และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขด้วยเมตตาธรรมของตน
3. เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์
เนื้อนาบุญ หมายถึง บุคคลผู้รับการทำทานของผู้ทำทานว่าเป็นผู้มีความบริสุทธิ์เพียงใด
...
ในองค์ประกอบ 3 ประการดังกล่าว นัท-คุง ขอโฟกัสไปที่องค์ประกอบประการที่ 3 นะครับ 
...
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ
1) ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ผู้ไร้ศีล ไร้ธรรมก็ตาม
2) ใหทานแก่มนุษย์ผู้ไม่มีศีล แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล 5 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม
3) ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล 5 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล 8 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม
4) ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล 8 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้มีศีล 10 ได้แก่ สามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
5) ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล 10 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร 227 ข้อ แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
6) ถวายทานแก่พระสมมติสงฆ์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้ง แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
7) ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
8) ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
9) ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
10) ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
11) ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม
12) ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะได้ถวายสังฆทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
13) การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน แม้ว่าจะกระทำเพียงครั้งเดียวก็ตาม
(วิหารทาน คือ การสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ เช่น โบสถ์ โรงเรียน หรือบ่อน้ำ เป็นต้น)
14) การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ "ธรรมทาน" แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
(ธรรมทาน คือการเทศน์ การสั่งสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ผู้ทีเป็นมิจฉาทิฐิได้กล้บใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้ปฏิบัติธรรมะ ตลอดจนการแจกจ่ายหนังสือธรรมะ)
15) การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทาน แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม
(อภัยทาน คือ การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรูของตน)
หมายเหตุ: การให้อภัยทาน แม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่นๆทั้งปวง ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า "ฝ่ายศีล" เพราะเป็นคนละขั้นกัน
...
การที่ นัท-คุง หยิบยกประเด็นการให้ทานขึ้นมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โฟกัสไปที่เรื่องของ "เนื้อนาบุญ"
แน่นอนเป็นที่ยิ่งว่า คงไม่ได้คาดหวังให้ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ แต่ละคนนั้น เลือกปฏิบัติในการทำบุญเป็นแน่แท้ และไม่ได้หวังให้ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เลือกที่จะละเลยต่อเนื้อนาบุญที่ให้บุญน้อยกว่า
เพราะหากทำเช่นนั้นเมื่อไร ก็แสดงว่า เจตนาของทานที่เราจะให้ไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว
หรือแม้หากจะบริสุทธิ์ด้วยองค์ประกอบสาม แต่การที่จิตใจของเราต่ำลงถึงขั้นที่ "ละเลย" และ "เพิกเฉย" ต่อผู้ควรแก่ทานที่เป็นเนื้อนาบุญต่ำได้ จิตใจของเราคงไม่มีทางบริสุทธิ์เป็นแน่แท้ และบุญทีได้ มันก็คงมีบาปตามมาติดๆอย่างไม่อาจหลีกพ้น
...
สิ่งที่ นัท-คุง ต้องการจะโฟกัสให้ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้เห็นกันก็คือ
หาก "สิ่งดีๆ" ที่เรากระทำต่อเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ นำมาซึ่ง "บุญ" อันมากมายแก่เราแล้ว
ก็คงปฏิเสธไม่ได้ในแง่ตรงข้ามว่า หากเราทำ "สิ่งชั่ว", "สิ่งที่ไม่ดี" ต่อเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ "บาป" ที่เราจะได้รับ คงมากมายมหาศาลไม่แพ้กันเป็นแน่ 
...
ในชีวิตประจำวันของเราๆท่านๆ
เราคงไม่อาจไปรู้ได้ว่า "ใคร" ที่เป็นเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ (เรียกกันง่ายๆว่า "ผู้มีบุญและบารมีสูง" ละกันนะครับ)
คนไว้หนวดเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนพูดจาโผงผางเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนปากร้ายเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนที่นั่งหลับบนรถเมล์เป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนขายข้าวแกงที่ตักข้าวให้น้อยกว่าความต้องการของเราเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? . . . . คนที่ไม่ยิ้มตอบเราเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนที่เดินชนเราแล้วเดินจากไปโดยเร็วแถมไม่ขอโทษเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนที่เหม่อและไม่ได้ยินเวลาเราทักเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนที่คอยแซวให้เราเขินอยู่บ่อยๆเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนที่แซงคิวเราตอนเข้าแถวเป็นคนมีบุญน้อยหรือมาก? คนจรจัดที่นอนอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะมีบุญน้อยหรือมาก? . . .
เราไม่มีทางรู้ได้ด้วยสิ่งเหล่านั้น สิ่งซึ่งบางครั้งเรามองข้ามไปแล้ว "เผลอ" ทั้งกายและใจ ไปคิดร้ายไปทำร้ายคนอื่นด้วยการกระทำหรือรูปลักษณ์ของเขาเพียงแว่บเดียว
ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยของเราๆท่านๆ
อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อกันและกัน อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อใครและใคร อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อคนที่เรารู้จัก อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อคนที่เราไม่รู้จัก อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อคนที่เดินผ่านมา อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อคนสำคัญของเรา อย่าทำสิ่งร้ายๆต่อคนไม่สำคัญของเรา . . . .
ถึงที่สุดแล้ว ใครจะรู้ว่าไอ้สิ่งร้ายๆที่เรากำลังทำๆกันอยู่กับใครก็ไม่รู้นั่นน่ะ
"มันทำร้ายตัวเองชัด"
ทางเดินของ เราๆท่านๆ อาจจะยังอีกยาวไกลมากๆ เลือกเก็บแต่สิ่งดีๆอย่าง "บุญ" กับ "บารมี" ที่พอจะเป็นเสบียงขับเคลื่อนอันดีต่อไปจะดีกว่านะครับ 
...
ที่มา: เนื้อหาธรรมเรียบเรียงจาก วิธีสร้างบุญบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก องค์ที่ 19
-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --
1st edition: 16 ต.ค. 50 18.27.21 น.
Create Date : 16 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 8:55:19 น. |
|
35 comments
|
Counter : 1130 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.131.81 วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:21:37:45 น. |
|
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.124.157 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:8:40:48 น. |
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน IP: 203.209.25.254 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:11:17:45 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:11:27:52 น. |
|
โดย: juriojung วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:15:14:52 น. |
|
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.121.227.89 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:15:42:28 น. |
|
โดย: hunjang วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:8:13:50 น. |
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน IP: 203.170.231.232 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:11:11:24 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:12:11:30 น. |
|
โดย: นัท-คุง เดอะ มิดฟิลด์เดอร์ IP: 202.12.118.61 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:13:59:15 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:17:16:02 น. |
|
โดย: ahiruno007 วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:0:54:34 น. |
|
โดย: keyzer วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:2:06:00 น. |
|
โดย: juriojung วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:21:57:47 น. |
|
โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:9:28:05 น. |
|
โดย: JewNid วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:11:44:39 น. |
|
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.116.254 วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:14:54:40 น. |
|
โดย: คุณย่า IP: 203.155.174.48 วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:16:50:25 น. |
|
โดย: 5150_b วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:7:18:25 น. |
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:19:47:35 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:22:31:23 น. |
|
โดย: Qooma วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:5:43:05 น. |
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:8:36:24 น. |
|
โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:12:14:55 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:12:53:40 น. |
|
โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:13:37:42 น. |
|
โดย: 555 IP: 125.25.73.200 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:14:23:30 น. |
|
| |
|
The Legendary Midfielder |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
... " เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ " หากปรารถนาผลอันดี พึงสร้างเหตุสร้างปัจจัยอันดี "
... " ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ "
... " ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจจะพบฟากฝั่ง "
... "หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "ทำกรรมดีย่อมได้รับผลของกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่ว"
... "...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน "ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน "ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว "เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน "ผลเช่นนี้จึงตามมา..."
|
|
 |
|
ส่งข่าว - วันที่ 21 นี้ มีรายการกินบุฟเฟต์รอบเที่ยง แล้วไปย่อยอาหารด้วยการเดินเล่นงานสัปดาห์หนังสือ หากสนใจ โทรบอกด้วยนะพี่พูห์ เอิ๊กๆ