
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
เราจะไม่ยึดติดกับรูปสวยๆ เสียงเพราะๆ ได้อย่างไร? (2)
...
สวัสดีครับ 
ว่างมาอัพบล็อกตอนต่อแล้ว  คราวนี้เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ เพราะเนื้อหาค่อนข้างเยอะมาก
เราจะไม่ยึดติดกับรูปสวยๆ เสียงเพราะๆ ได้อย่างไร?
2 มีจิตใคร่ครวญถึงอสุภกรรมฐาน
อสุภะ ได้แก่ สิ่งที่ไม่สวย ไม่งาม เช่น ซากศพ คือมีจิตพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงที่ว่า ร่างกายของคนและสัตว์อันเป็นที่นิยมรักใคร่เสน่หา และเป็นบ่อเกิดแห่งตัณหาราคะ กามกิเลส ว่าเป็นของสวยของงาม เป็นที่เจริญตาและใจ ไม่ว่าร่างกายของตนเองและของผู้อื่นก็ตาม
แท้ที่จริงแล้วก็เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกขัง คือทนอยู่ในสภาพเช่นนั้นไม่ได้ วันเวลาย่อมพรากความสวยสดงดงามให้ค่อยๆจากไปจนเข้าสู่วัยชรา ซึ่งจะมองหาความสวยงามใดๆหลงเหลืออยู่มิได้อีกเลย
และในทันใดที่ตายลงนั้น แม้แต่ผู้ที่เคยสนิทสนมเสน่หารักใคร่ อันรวมถึงสามี ภริยา และบุตรธิดา ต่างก็พากันรังเกียจในทันใด ไม่ยอมเข้าใกล้ บ้านของตนเองที่อุตส่าห์สร้างมาด้วยความเหนื่อยยากก็ไม่ยอมให้อยู่ ต้องรีบขนๆออกไปโดยไวไว้ที่วัด
แล้วซากเหล่านั้นก็เน่าเปื่อยสลายไป เริ่มตั้งแต่เนื้อหนังค่อยๆพองออก ขึ้นอืด น้ำเลือด น้ำเหลืองก็เริ่มเน่า แล้วเดือดไหลออกจากทวารทั้งหลาย เนื้อหนังแตกปริแล้วร่วงหลุดออกจนเหลือแต่กระดูก ส่งกลิ่นเน่าเหม็น เป็นที่น่าเกลียดกลัว สะอิดสะเอียน หาความสวยงามน่ารักน่าเสน่หาใดๆมิได้อีกเลย ทั้งไร้คุณค่าและประโยชน์ คงมีค่าแค่เป็นอาหารแก่หมู่หนอนเท่านั้น
แล้วในที่สุด กระดูกก็กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วเน่าเปื่อยเป็นปุ๋ยแก่พืชผักต่อไป หาตัวตนของเราของเขาที่ไหนมิได้เลย สังขารของเราในที่สุดก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรคงเหลือไว้เลย
3 มีจิตใคร่ครวญถึงกายคตานุสสติกรรมฐาน
บางทีเรียกกันง่ายๆว่า "กายคตาสติกรรมฐาน" เป็นกรรมฐานที่มีอานิสงส์มาก เพราะสามารถทำให้ละ "สักกายทิฐิ" อันเป็นสังโยชน์ข้อต้นได้ง่าย และเป็นกรรมฐานที่เกี่ยวกับการพิจารณาร่างกายให้เห็นตามสภาพความเป็นจริง ซึ่งมักพิจารณาร่วมกับอสุภกรรมฐาน มรณัสสติกรรมฐาน ซึ่งพระอริยเจ้าทุกๆพระองค์ที่จะบรรลุพระอรหัตผลได้จะต้องผ่านการพิจารณากรรมฐานทั้งสามกองนี้เสมอ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนามิได้
ทั้งนี้เพราะบรรดาสรรพกิเลสทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นความโลภ โกรธ และหลง ต่างก็เกิดขึ้นที่กายนี้เพราะความยึดมั่นถือมั่นด้วยอำนาจอุปาทานว่าเป็นตัวตนและของตน จึงได้เกิดกิเลสดังกล่าวขึ้น
การพิจารณาละกิเลสก็จะต้องพิจารณาละที่กายนี้เอง มรรค ผล และนิพพาน ไม่ต้องไปมองหาที่ไหนเลย แต่มีอยู่พร้อมให้รู้แจ้งเห็นจริงได้ที่ร่างกายอันกว้างศอกยาววาและหนาคืบนี่เอง
การพิจารณาก็คือให้มีจิตใคร่ครวญให้เห็นตามสภาพความเป็นจริงที่ว่า อันร่างกายของคนและสัตว์ที่ต่างก็เฝ้าทะนุถนอมรักใคร่ว่าสวยงาม เป็นที่สนิทเสน่หาชมเชยรักใคร่ซึ่งกันและกันนั้น แท้ที่จริงแล้วก็เป็นของปฏิกูล สกปรกโสโครก ไม่สวย ไม่งาม ไม่น่ารักใคร่ทะนุถนอม เป็นมูตร คูถ เพราะเป้นที่บรรจุไว้ซึ่งสรรพสิ่งทั้งหลายที่เป็นพืชผัก และบรรดาซากศพของสัตว์ที่บริโภคเข้าไป
ภายในกระเพาะนั้น แท้ที่จริงแล้วก็เป็นที่รวมฝังซากศพของบรรดาสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง พืชและสัตว์ที่บริโภคเข้าไปก็ล้วนแต่เป็นของที่สกปรก ที่ขับถ่ายออกมาจากทวารทั้งหลายก็เป็นของที่สกปรกโสโครก ซึ่งต่างก็พากันรังเกียจว่าเป็น "ขี้" มีสารพัดขี้ซึ่งแม้แต่จะเหลือบตาไปมองก็ยังไม่กล้าที่จะมอง แต่แท้ที่จริงแล้วในท้อง กระเพาะ ลำไส้ภายในร่างกายของทุกผู้คนก็ยังคงมีบรรดาขี้เหล่านี้บรรจุอยู่ เพียงแต่มีหนังห่อหุ้มปกปิดไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกเท่านั้น แต่เราท่านทั้งหลายก็พากันกกกอดคลึงเคล้า เฝ้าชมเชยก้อนขี้เหล่านี้ว่าเป็นของสวยงาม น่ารักใคร่ น่าเสน่หายิ่งนัก
เมื่อมีการขับถ่ายออกมาจากทวารหู ก็เรียกกันว่าขี้ของหู คือ "ขี้หู" ที่ขับถ่ายออกทางตาก็เรียกกันว่า "ขี้ตา" ที่ติดฟันอยู่ก็เรียกว่า "ขี้ฟัน" ที่ออกทางจมูกก็เรียกว่าขี้ของจมูก คือ "ขี้มูก"
รวมความแล้ว บรรดาสิ่งที่ขับถ่ายออกมาพอพ้นร่างกายในทันใดนั้นเอง จากเดิมที่เป็นของน่ารัก น่าเสน่หา ก็กลายเป็นของที่น่ารังเกียจไปโดยพลัน กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากรักอยากเสน่หา เพราะเป็นขี้ และไม่มีใครอยากจะเป็นเจ้าของด้วย เมื่อไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าของ สิ่งที่ขับถ่ายออกมางผิวหนังจึงหาเจ้าของมิได้ ซึ่งต่างก็โทษกันว่าขี้ของใครก็ไม่ทราบ นานมาก็กลายเป็น "ขี้ไคล" ดังนี้เป็นต้น
นอกจากสิ่งที่ขับถ่ายออกมาจะน่ารังเกียจดังกล่าวแล้ว แม้แต่สังขารร่างกายของคนเราเมื่อได้แยกแยะพิจารณาไปแล้ว ก็จะเห็นความเป็นจริงที่ว่า เป็นที่ประชุมรวมกันของอวัยวะชิ้นต่างๆที่เป็น ตา หู จมูก ลิ้น เนื้อ ปอด ตับ ม้าม หัวใจ กระเพาะอาหาร ลำไส้ หนัง พังผืด เส้นเอ็น เส้นเลือด น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำตา น้ำปัสสาวะ ฯลฯ รวมกันเรียกว่าอาการ 32 ซึ่งต่างก็ห้อยแขวนระเกะระกะยางโตงเตงอยู่ภายใน
เมื่อแยกหรือควักออกมาดูทีละชิ้น จะไม่มีชิ้นใดที่เรียกกันว่า สวย งาม น่ารักน่าพิศวาสเลย กลับเป็นของที่น่าเกลียด ไม่สวย ไม่งาม ไม่น่าดู แต่สิ่งเหล่านี้ก็รวมประกอบอยู่ภายในร่างกายของเราทุกผู้คน โดยมีหนังหุ้มห่อปกปิดอยู่โดยรอบ หากไม่มีผืนหนังหุ้มห่อและสามารถมองเห็นภายในได้แล้ว แม้จะเป็นร่างกายของคนที่รักสุดสวาทขาดใจ ก็คงจะต้องเบือนหน้าหนีอกสั่นขวัญหาย บางทีอาจจะต้องถึงขั้นจับไข้ไปเลย ซึ่งอาจจะต้องถึงขั้นทำพิธีปัดรังควานเรียกขวัญกันอีก
หากจะถือว่าน่ารักน่าเสน่หาอยู่ทีผืนหรือแผ่นหนังรอบกาย ก็ลองลอกออกมาดูก็จะเห็นว่าไม่สวยไม่งามตรงไหนแต่อย่างใด แต่ที่นิยมยกย่องรักใคร่หลงกันอยู่ ก็คือผิวหรือสีของหนังชั้นนอกสุดเท่านั้น ถ้าได้ลอกหรือขูดผิวชั้นนอกสุดออกให้เหลือแต่หนังแท้แดงๆแล้ว แม้จะเป็นหนังสดสวยของนางงามจักรวาล ผุ้คนก็คงจะต้องเบือนหน้าหนี
จึงเป็นที่แน่ชัดว่า คนสวย คนงาม ก็คงสวยและงามกันแค่ผิวหนังชั้นนอกสุด รักและเสน่หากันที่ผิวหนังซึ่งเป็นของฉาบฉวยนอกกาย หาได้สวยงามเข้าไปถึงตับ ปอด หัวใจ ม้าม กระเพาะ ลำไส้ น้ำเลือด น้ำเหลือง อุจจาระ ปัสสาวะ ภายในร่างกายด้วยไม่
ส่วนผู้ที่ผิวหรือสีของหนังดำด่าง ไม่สดใส่น่าดู ก็พยายามทาลิปสติก แต่งหน้า ทาสี พอกแป้ง ย้อม และดึงกันเข้าไปให้เต่งตึง และออกเป็นสีสันต่างๆ แล้วก็พากันนิยมยกย่องชวนชมกันไป แท้ที่จริงแล้วก็เป็นความหลง โดยหลงรักกันที่แป้ง และสีที่พอก หลอกให้เห็นความฉาบฉวยอยู่แค่ผิวภายนอกเท่านั้น
เมื่อได้พิจารณากรรมฐานกองนี้แล้ว ก็จะเห็นความสกปรกโสโครกของร่างกายจนรู้แจ้งเห็นจริงว่า ไม่น่ารัก ไม่น่าใคร่ จึงเป็นกรรมฐานที่มีอำนาจทำลายราคะกิเลส และเมื่อได้รู้แจ้งเห็นจริงดังกล่าวมากๆเข้าจิตก็จะมีกำลังและความเบื่อหน่ายในร่างกายทั้งของตนเองและผู้อื่น เห็นแจ้งอาการพระไตรลักษณ์ว่า ร่างกายเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขาแต่อย่างใด
จิตก็จะน้อมเข้าสู่อารมณ์อันวางเฉย ไม่ยินดียินร้ายในร่างกาย และคลายกำหนัดในรูปนามขันธ์ 5 เรียกว่าจิตปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ 5 ซึ่งจะนำไปสู่การละ "สักกายทิฐิ" อันเป็นการละความเห็นผิดในร่างกายนี้เสียได้ และถ้าละได้เมื่อใด ก็ใกล้ที่จะบรรลุความเป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา คือเป็น "พระโสดาบัน" สมจริงตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า...การเจริญกรรมฐานกองนี้จะไม่ห่างจากมรรค ผล และนิพพาน 
           
To Be Continued...
ที่มา: พระนิพนธ์ "วิธีสร้างบุญบารมี", สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19
--ขอบคุณที่แวะมาครับผม --
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2550 13:30:58 น. |
|
29 comments
|
Counter : 1022 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:48:30 น. |
|
โดย: keyzer วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:02:45 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:57:54 น. |
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:12:48 น. |
|
โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:15:35 น. |
|
โดย: whitelady วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:44:18 น. |
|
โดย: hunjang วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:09:59 น. |
|
โดย: dream2zero วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:38:30 น. |
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:52:41 น. |
|
โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:29:47 น. |
|
โดย: poser IP: 58.9.20.222 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:01:24 น. |
|
โดย: rebel วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:34:32 น. |
|
โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:55:00 น. |
|
โดย: rebel วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:15:14 น. |
|
โดย: hunjang วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:07:31 น. |
|
โดย: Qooma วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:08:28 น. |
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:46:48 น. |
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:26:16 น. |
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน IP: 203.170.231.230 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:6:29:45 น. |
|
โดย: Noname - โนนามิ IP: 124.120.5.237 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:19:59 น. |
|
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:36:31 น. |
|
โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:49:45 น. |
|
โดย: rebel วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:6:15:10 น. |
|
| |
|
The Legendary Midfielder |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
... " เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ " หากปรารถนาผลอันดี พึงสร้างเหตุสร้างปัจจัยอันดี "
... " ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ "
... " ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจจะพบฟากฝั่ง "
... "หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "ทำกรรมดีย่อมได้รับผลของกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่ว"
... "...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน "ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน "ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว "เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน "ผลเช่นนี้จึงตามมา..."
|
|
 |
|
แม่ดิฉันเป็นคนที่ชอบขากเสลดแล้วต้องหาถังบ้วน
พอเห็นดิฉันขากและหาที่บ้วนไม่ได้จนยอมกลืน เธอจะทำหน้าพิพักพิพ่วน ประหนึ่งจะอ้วก
พอดิฉันทักว่า ก่อนหน้านี้ มันก็อยู่ในตัว กลืนกลับเข้าไปก็ใช่ว่าจะต่าง
เธอก็เคือง หาว่าดิฉันเล่นลิ้น ยวนเธอ ฮ่าๆๆๆ