
 |
|
 |
 |
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
มาสะสมแสตมป์แลกภพภูมิดีๆกันเถอะ
...
สวัสดีครับ 
ไม่ทราบว่า เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ แต่ละคนรู้ตัวกันรึป่าวว่ากำลังเวียนว่ายอยู่ใน "วัฏฏสงสาร"? 
ผมเคยนึกคำแปลในสำนวนของตัวเองต่อ "วัฏฏสงสาร" ว่าหมายถึง...วงจรของผู้น่าสงสาร พลางนึกสงสารตัวเองขึ้นมาโดยฉับพลัน แต่ยังคงเริงร่าหมุนวนไปเวียนมาอยู่ในวงจรนี้ต่อไป 
ภพภูมิอันเป็นวงจรสำหรับผู้น่าสงสารมีด้วยกันทั้งสิ้น 31 ภพภูมิ ไล่จากต่ำสุดไปสูงสุดได้ดังนี้
อบายภูมิ
แบ่งออกเป็น 4 ภพภูมิ คือ --นรก --เปรต --อสุรกาย --ดิรัจฉาน เวลาในการเสวยทุกข์ของทั้ง 4 ภพภูมินี้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลแห่งกรรมที่ได้สร้างสมมาจากภพภูมิก่อนหน้า
มนุษยภูมิ 1
เป็นภพภูมิของมนุษย์อย่างเราๆท่านๆ ซึ่งไม่มีเวลาเสวยสุขหรือทุกข์ที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลแห่งกรรมเช่นเดียวกับอบายภูมิ 4
เทวภูมิ 6
เป็นภพภูมิของเทวดา ชั้นต่ำสุด ชื่อ "จาตุมหาราชิต" -- ผู้เข้าถึงภพภูมินี้จะได้เสวยสุขของเทวดาเป็นเวลา 9 ล้านปีมนุษย์ ชั้นสูงสุด คือ "ปรนิมมิตวสวัสตี" -- ผู้เข้าถึงภพภูมินี้จะได้เสวยสุขของเทวดาเป็นเวลา 9,216 ล้านปีมนุษย์
พรหมโลก
แบ่งออกเป็น --รูปภูมิ 16 ชั้นต่ำสุดชื่อ "ปาริสัชชา" -- ผู้เข้าถึงภพภูมินี้จะเสวยสุขแห่งรูปพรหมเป็นเวลา 1/3 มหากัป ชั้นสูงสุดชื่อ "อกนิฏฐา" -- ผู่เข้าถึงภพภูมินี้จะได้เสวยสุขแห่งรูปพรหมเป็นเวลา 16,000 มหากัป
--อรูปภูมิ 4 ชั้นต่ำสุดชื่อ "อากาสานัญจายตนภูมิ" -- ผู้เข้าถึงภพภูมินี้จะได้เสวยสุขแห่งอรูปพรหมเป็นเวลา 20,000 มหากัป ชั้นสูงสุดชื่อ "เนวสัญญานสัญญายตนภูมิ" -- ผู้เข้าถึงภพภูมินี้จะได้เสวยสุขแห่งอรูปพรหมเป็นเวลา 84,000 มหากัป
(หมายเหตุ***ระยะเวลา 1 มหากัป ยาวนานเพียงใด สามารถจินตนาการได้จากเหตุการณ์ดังนี้ มียอดเขาอยู่ลูกหนึ่ง ขนาดสูงXกว้างเท่าไรจำไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่ายอดเขาที่สูงมากๆละกันนะครับ ทุกๆ 100 ปี จะมีนางฟ้าเหาะลงมาจากสวรรค์ นำเอาผ้าแพรผืนหนึ่งที่มีเนื้อผ้าบางเบาที่สุดเท่าที่จะหาได้ในเทวโลกและมนุษยโลก มาลูบยอดเขาเบาๆ 1 ครั้ง ระยะเวลาที่ใช้ไปทั้งหมดในการทำให้ยอดเขาลูกใหญ่ๆนี้สูญหายไปจากการโดนผ้าแพรลูบเบาๆ นั้นคือ "1 มหากัป")
ตราบใดที่เราๆท่านๆยังคงไม่สามารถก้าวเข้าสู่ทางแห่งอริยบุคคล จนกระทั่งบรรลุมรรคผลเป็น "อรหันต์" และเข้าถึง "นิพพาน" ตราบนั้นเรายังคงต้องเป็น "สัมภเวสี" ในความหมายของผู้ยังคงแสวงหาภพภูมิในการดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าภพภูมินั้นจะดีเลิศหรือชั่วร้ายปานใดก็ตาม 
แล้วระหว่างที่เราๆท่านๆยังคงเป็น "สัมภเวสี" เวียนวนไปมาอยู่เช่นนี้ จะทำอย่างไรดีเอ่ยให้ภพภูมิที่เราจะไปดำรงอยู่มัน "เบิกบาน" และ "เริงร่า" อย่างถึงที่สุดสำหรับเรา . . . . . . มีเคล็ดลับมาฝากครับ 
ไม่ทราบ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เคยสะสมแสตมป์แลกของรางวัลกันไหมครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆในปัจจุบันก็คงเป็น แสตมป์ 7-11 น่ะครับ 
...
สมมตินะครับสมมติว่า
แต่ละร้านที่เราไปซื้อของซื้อสินค้าซื้ออะไรต่อมิอะไรต่างๆแต่ละร้านมีการจูงใจเราเข้าร้านเขาด้วยการแจกแสตมป์ของร้านทุกครั้งที่เราเข้าไปอุดหนุนร้านเขา โดยมีการจูงใจว่า ณ สิ้นปีหากใครสะสมแสตมป์ครบเท่านี้ๆจะแลกของรางวัลได้ใหญ่เล็กต่างกันไป
เราอาจจะเข้าไปร้านค้าต่างๆหลายร้านตามแต่ความชอบใจของเราแม้การเจาะจงเข้าไปซื้อสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งในร้านใดร้านหนึ่งซ้ำๆจะยังประโยชน์แก่เรามากกว่า เพราะจะทำให้เรามีแสตมป์ของร้านนั้นๆสำหรับแลกของชิ้นใหญ่ๆได้ก็ตาม...เราจึงมีแสตมป์ของหลายร้านมากๆ ยิ่งเมื่อคำนึงว่าเราซื้อสินค้าหลายประเภทกับอีกหลายๆร้านอีก (ไม่งงนะครับ )
ทีนี้พอสิ้นปีปุ๊ป ก็ได้เวลาที่เราจะเอาแสตมป์ที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งปีออกมาดูว่า แต่ละประเภทมีอยู่กี่มากน้อย แล้วเราจะได้รางวัลใหญ่หรือรางวัลเล็ก และเราก็คงจะได้รางวัลใหญ่และรางวัลเล็กต่างๆกันไป
แต่ที่แน่นอนก็คือ เราคงจะรี่ไปและรางวัลใหญ่ก่อนในบัดดลด้วยอารามดีใจสุดๆ ส่วนรางวัลเล็กๆจิ๊บๆเอาไว้ก่อนก็ได้ แล้วก็ดื่มด่ำกำซ่านกับรางวัลใหญ่ไปอย่างสนุกสนาน
...
การแสวงหาภพภูมิดีๆให้กับตัวเองก็ประมาณเรื่องสมมติข้างต้นล่ะครับ
ต่างกันตรงที่..."จิต" ของเราจะเป็นคนควักกระเป๋าแสตมป์ของเราออกมาดูเองว่าเรามีแสตมป์ของภพภูมิไหนมากกว่ากัน แล้วก็ดึงดูดเราไปยังภพภูมินั้น
แล้วเราจะได้แสตมป์ของแต่ละภพภูมิอย่างไร?
เราจะได้แสตมป์ของแต่ละภพภูมิเมื่อเราไปเยือนยังภพภูมินั้นๆ เช่น เราจะได้ "แสตมป์นรก" เมื่อเราไปเยือน "นรก" และเราก็อาจได้ "แสตมป์พรหมโลก" เมื่อเราไปเยือน "พรหมโลก" เช่นกัน
แล้วเราจะไปเยือนแต่ละภพภูมิได้อย่างไร ในเมื่อเรายังเป็นมนุษย์ธรรมดากันอยู่อย่างนี้?
เราไม่ได้ไปเยือนแต่ละภพภูมิด้วยร่างกายของเราครับ เราไปด้วย "จิต" 
แต่ละภพภูมิจะมีข้อแม้ในการให้เข้าถึงดังนี้ครับ
--เมื่อใดร้อนใจเมื่อนั้นคือเราไปเยือน "นรก"
--เมื่อใดโง่และคิดทำชั่ว เมื่อนั้นเราไปเยือน "ดิรัจฉาน"
--เมื่อใดหิว หิวด้วยกิเลสตัณหา เมื่อนั้นเราไปเยือน "เปรต --เมื่อใดกลัวเพราะความไม่รู้ เพราะอวิชชา เมื่อนั้นเราไปเยือน "อสุรกาย"
--เมื่อใดเป็นปกติด้วยศีลและทาน เมื่อนั้นเราไปเยือน "มนุษยภูมิ" อย่างที่เราเป็นอยู่
--เมื่อใดเป็นปกติด้วยศีล บวกด้วยการมี "หิริ" และ "โอตตัปปะ" เมื่อนั้นเราไปเยือน "เทวภูมิ"
--เมื่อใดเป็นปกติด้วยศีลแล้ว มี "หิริ" และ "โอตตัปปะ" แล้วยังไม่สาแก่ใจ ยังมี "พรหมวิหาร 4 - เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา" รวมกับ "ภาวนา" ด้วยแล้ว เมื่อนั้นเราไปเยือน "พรหมโลก"
และด้วยการไปเยือนด้วย "จิต" ไม่ใช่ด้วย "กาย" นั่นเอง เราๆท่านๆจึงสามารถไปเยือนภพภูมิต่างๆได้เป็นว่าเล่น ภายในหนึ่งนาทีเราอาจจะเวียนวนไปมาทั้ง 31 ภพภูมิ สัก 7-8 รอบก็ได้ ถ้าจิตเราขึ้นๆลงๆขนาดนั้นจริง
ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าเรารู้สึก "โกรธ" ในความหมายของ "ร้อนใจ" กันวันละกี่ครั้ง...นั่นคือ เราได้แสตมป์ "นรก" ไปเท่านั้นครั้ง นี่ยังไม่นับ "ความโกรธ" ที่เราไม่รู้สึกตัวว่าโกรธ และไม่ยอมรับว่าโกรธอีกนะครับ
เช่นเดียวกับที่เมื่อใดเราได้สงบจิตสงบใจปราศจากกิเลสแม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เราก็จะได้แสตมป์ "พรหมโลก" มาเก็บไว้ในคอลเลคชั่น
อย่าลืมว่า เราจะได้รับแสตมป์ของภพภูมิต่างๆ "ทุกขณะจิต" เลยนะครับ เพราะภพภูมิแต่ละภพภูมิไม่สนใจเราหรอกว่าเราตั้งใจไปเยือนหรือไม่ ขอเพียง "จิต" ของเราขึ้นสูงหรือลงต่ำไปอยู่ในระดับเดียวกันกับภพภูมินั้นๆ เพียงเท่านั้นเราก็ได้แสตมป์ของภพภูมินั้นมาแล้ว
และนี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด ถึงขนาดที่ว่าพระพุทธองค์ได้ทรงเตือนเราๆท่านๆไว้เสมอไว้ว่า...อย่าประมาท เพราะประมาทเมื่อใด เผลอเมื่อใด ขาดสติเมื่อใด...เราไม่มีทางรู้เลยว่ามี "แสตมป์" ลอยล่องมาอยู่ในกระเป๋าแสตมป์เรากี่ดวงแล้ว 
รอจนถึงวันสิ้นอายุขัยของเรา เมื่อ "จิต" ล้วงกระเป๋าแสตมป์ออกมาดู มันคงสายเกินไปแล้วที่จะแก้ไขอะไร
แต่ในดีก็มีเสีย ในเสียก็มีดี แม้ว่าเราอาจจะได้ไปเสวยสุขอันละเมียดใน "พรหมโลก" ด้วยระยะเวลาที่ประเมินไม่ได้และไม่อาจคาดคิดถึงก็ตาม ก็อย่าลืมว่า มันยังคงมีวันและเวลาที่ต้องสิ้นสุดอยู่ดี
เหมือนที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ปัจจุบันได้เคยกล่าวไว้ว่า...การไปอยู่ในภพภูมิสูงๆ เมื่อถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว เราก็จะลงมาต่ำสุด เปรียบไปคงเหมือนกับการ ขึ้นสุด-ลงสุด นั่นเอง
เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ไม่อาจคาดคิดได้อยู่ดีว่าเราจะไปมี "ภพภูมิ" ใดเป็นของเราต่อไป และมันคงเป็นเรื่องที่น่ากลัวเอามากๆหากเราต้องไปอยู่ในภพภูมิที่ไม่พึงประสงค์อย่าง "เปรต" หรือ "ดิรัจฉาน" เพราะสัตว์ในสองภพดังกล่าวคงไม่สามารถที่จะแลกแสตมป์ดีๆได้เป็นแน่แท้ 
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่บรรลุถึง "นิพพาน" และระหว่างที่นำพาตัวเองไปยัง "นิพพาน" มาสะสมแสตมป์ที่จะนำเราไปสู่ "ภพภูมิ" ดีๆไว้ก่อนก็น่าจะเป็นการดีที่สุดนะครับ

ที่มา: เทศนาธรรมของท่านพุทธทาสฯ ธรรมบรรยายของ อ.วรากรณ์ ไรวา หนังสือ "โครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนา", รวบรวมโดย อ.นิศา เชนะกุล 
-- ขอบคณที่แวะมาครับผม --
Create Date : 31 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2550 17:23:27 น. |
|
32 comments
|
Counter : 1140 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:36:19 น. |
|
โดย: whitelady วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:59:57 น. |
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:10:50:04 น. |
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:21:57:54 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:23:15:34 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:10:45:59 น. |
|
โดย: mintny_n วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:14:44:40 น. |
|
โดย: goodpeople วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:21:07:50 น. |
|
โดย: hunjang วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:7:58:07 น. |
|
โดย: hunjang วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:12:27:24 น. |
|
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.129.146 วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:18:53:49 น. |
|
โดย: prncess วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:43:00 น. |
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:10:53:02 น. |
|
โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:22:48:24 น. |
|
โดย: ศิษย์พี่คับ IP: 58.8.140.240 วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:10:17:05 น. |
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:11:53:26 น. |
|
โดย: นู๋น้อยหมวกแดง IP: 118.173.53.72 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:45:57 น. |
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:17:23 น. |
|
| |
|
The Legendary Midfielder |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
... " เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ " หากปรารถนาผลอันดี พึงสร้างเหตุสร้างปัจจัยอันดี "
... " ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ "
... " ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจจะพบฟากฝั่ง "
... "หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "ทำกรรมดีย่อมได้รับผลของกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่ว"
... "...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน "ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน "ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว "เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน "ผลเช่นนี้จึงตามมา..."
|
|
 |
|
หมายเหตุ
เดือนหน้าชวนไปกิน+เกะ
ยังไม่กำหนดวัน
แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกที