|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
::::::::::: How To : Smokey Eyes :::::::::::
วันก่อนไปเดินซื้อเครื่องสำอางค์กะเจ้าแม่ความงาม Jeban แล้วเลยได้เรียนรู้เทคนิคการแต่งตาแบบ smokey eyes มาจาก น้องเก่ง BA ของ LM ที่ชิดลม (ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ สอนแบบไม่มีกั๊กเลย ^^) หลังจากลองผิดลองถูกเป็นหมีแพนด้ายักษ์มาพักใหญ่ๆ เมื่อวานมีพอมีเวลาเลยงัดเอาเคล็ดลับที่ได้ มาทดลองกับเครื่องสำอางค์ที่มีอยู่ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากๆ เลยลองทำ how to พร้อมรีวิวเครื่องสำอางเล็กๆ มาฝากเพื่อนๆ กันดูค่ะ
เราคงไม่ได้สอนละเอียดตั้งแต่ขั้นแรกนะคะ เพราะเห็น Jeban เคยบอกไว้ละเอียดมากๆ แล้ว ถ้ายังไงลองเข้าไปดูในบล็อกได้ค่ะ
Jeban's Make-Up Tips
***********************
จริงๆ ไม่ค่อยอยากลงรูปก่อนแต่งหน้าเล้ยยยย เพราะว่ามัน...ป้ามาก (Y_Y) (เพราะงี้เลยโดนเรียกว่า ป้ากุ้ง) แต่เดี๋ยวคนอ่านจะไม่เห็นภาพว่า make-up is a magic เป็นยังไง กร๊ากกก... ยอมลงทุนเปิดเผยฟามลับตัวเองฮ่ะ 

เราไม่อยากเจาะจงเรื่องผลิตภัณฑ์มากนะคะ เราก็ใช้ปนๆ กัน ทั้งที่ราคาสูงหน่อยกับราคาชาวบ้านร้านตลาดหาซื้อได้ เพราะเราไม่ค่อยแพ้เครื่องสำอางค์ค่ะ และไม่อยากฟันธงว่าตัวไหนเวิร์คกว่าตัวไหน เพราะสภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกันและความชอบก็แตกต่างกันไป เอาเป็นว่าที่ลงไว้ ก็เป็นแนวทางและตัวเลือกในการตัดสินใจนะคะ ^^
สภาพผิวหน้าเราเป็นคนผิวผสม ดังนั้น ที-โซนจะมันและแก้มจะแห้ง ปากแห้ง โดยปกติก่อนการแต่งหน้า เราจะต้องลงมอสเจอร์ไรเซอร์และครีมบำรุง รวมทั้งกันแดดให้หน้าฉ่ำๆ ชุ่มชื้น แบบมั่นใจว่าแต่งเสร็จแล้วหน้าจะไม่มีขุยๆ เพราะหน้าแห้งค่ะ ปากเราก็ทาปิโตเลียม เจล (วาสลีน) ให้ปากชุ่มชื้นนนนนน....ถ้าใต้ตาแห้งมาก ก็ทาวาสลีนก่อนนอน หรือแต้มบางๆ ตอนลงครีม แล้วซับออกตอนจะลงครีม-ลงแป้ง... แต่ถ้าใครหน้ามัน ก็คงต้องเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับคนผิวมันนิดนึงนะคะ
หลังจากเตรียมผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ Lets start กันเลยดีกว่าค่ะ \(^^)/
1. เริ่มจากการลงลองพื้น ถ้าคุณสาวๆ ที่สุขภาพผิวดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องลงรองพื้นก็ได้ค่ะ
แต้ม 5 จุด แล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า เราใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆให้ทั่วใบหน้า แล้วเก็บรายละเอียดให้เนียนด้วยฟองน้ำค่ะ
(เครื่องสำอางค์: Bobbi Brown SPF 15 Tinted Moisturizer - ไม่หนาและเหนอะ ไม่เป็นคราบ เนื้อละเอียดและปกปิดได้เนียนดีในระดับนึง ปกติเราไม่ค่อยใช้เวลาแต่งหน้าไปทำงานตามปกติ แต่ใช้เวลาแต่งไปงานกลางคืน หรือใช้เวลาถ่ายรูป อ้อ ข้อดีอีกอย่างของ tinted ตัวนี้ คือเวลาถ่ายรูปใช้แฟลชแล้วหน้าไม่ลอยค่ะ)

2. หลังจากนั้น ลองวิเคราะห์ใบหน้าตัวเองว่ามีอะไรที่ต้องการปกปิดที่เหลือรอดมาจากการลงรองพื้นบ้างไหม - อย่างเรามีปัญหาเรื่องรอบคล้ำใต้ขอบตา และ laugh-line ที่ข้างแก้ม และมีรอยสิวที่หน้าผาก รวมทั้งสิวเม็ดเล็กๆ และรอยแดงๆ ที่แก้ม - ก็ต้องอาศัยการปกปิดนิดๆ หน่อยๆ ด้วย concealer
เราใช้พู่กันป้ายและเกลี่ยให้เนื้อครีมเรียบและบางที่สุด โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา และ laugh-line (อย่าลงครีมหนา เพราะเวลายิ้มจะกลายเป็นร่องชัดเจน จะแย่กว่าเก่า) แล้วสุดท้ายใช้นิ้วนางแตะๆ กดๆ เบาๆ เพื่อให้เนื้อครีมกลืนไปกับผิวหนังและลดส่วนเกินที่อาจทำให้เป็นคราบตอนลงแป้งได้ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
(เครื่องสำอางค์: เราใช้ concealer ของ MTI ค่ะ อันนี้เป็นมรดกจากพี่สาว ก็เลยเอามาลองใช้ดู ปกติเราไม่ค่อยใช้ concealer คล้ายๆ กับรองพื้น ตัวนี้เป็นแบบเนื้อครีมเหนียวข้น เวลาใช้ก็ต้องค่อยทาแต่สามารถเกลี่ยให้เนียนเรียบได้ค่ะ)

3. หลังจากปกปิดริ้วรอยใหญ่ๆ เราก็มาจัดการกับรอยแดงแถวแก้ม เราใช้เบสสีเขียว ลงเพื่อลดรอยแดงค่ะ วิธีการลง ก็คล้ายกับ concealer ค่ะ
(เครื่องสำอางค์: เราใช้ Magic Color Face ของ GMK เครื่องสำอางนมแพะ เจ้าของเดียวกับนมแพะศิริชัย เพราะได้ตัวอย่างมาทดลองใช้ 555 ปกติเราไม่ค่อยใช้เบสเหมือนกันค่ะ ยกเว้นเวลาที่รอยแดงเห็นชัดมากๆ ชอบแต่งหน้าให้ดูธรรมชาติ (ลงโทษ) น่ะค่ะ ตัวนี้ก็ใช้ดีพอควร เกลี่ยเนียนดี แต่ยังไม่ค่อยปิ๊งมากในเรื่องของการปกปิดรอยแดงบนใบหน้า )
ปล. ขออภัย หน้าตาเอ๋อ horror มาก

4. หลังจากทำการกลบเกลื่อนหลักฐานขั้นพื้นฐานไปแล้ว ก็มาถึงการลงแป้ง เราใช้ แปรง ลงแทนการใช้พัฟฟ์ค่ะ เพราะว่าเกลี่ยได้เนียนกว่ามากๆ แม้แต่ใช้กับแป้งที่ผสมรองพื้น
(เครื่องสำอางค์: แป้ง sheer finish pressed power Soft Sand ของ BB เนียนและบางเบา ไม่เป็นคราบแม้ตอนเหงื่อออก
อุปกรณ์: แปรง- ใช้แปรงด้ามสั้นๆ สีดำของ Gino McCray ค่ะ ขนนุ่ม ไม่ระคาย ปัดและเกลี่ยได้สบายหน้า สีติดดีเลยค่ะ แถมราคาไม่แพงมาก เราว่าขนนุ่มกว่าของ Mac อีกนะคะ)

5. แล้วก็มาถึง การแต่งตากันค่ะ
เราเริ่มต้นโดยการใช้ดินสอเขียนขอบตาลงเป็นเส้นหนา (สีน้ำตาลเข้ม) ประมาณนี้ค่ะ
(เครื่องสำอางค์: ดินสอเขียนขอบตา สีน้ำตาลเข้มของ maybelline เขียนง่าย สีติดทนดีค่ะ)

6. จากนั้นใช้อายแชโดว์ สีน้ำตาลเข้มลงให้ทั่วเปลือกตา ไม่ต้องขึ้นไปถึงบริเวณโหนกคิ้วนะคะ ถ้าเป็นคนหนังตาจม ก็ทาเลยขึ้นไปนิดหน่อย เพื่อทำให้ตาดูโตขึ้น ที่เห็นเอาพู่กันจิ้มเข้าไปในกระบอกตา ก็เพื่อเพิ่มความเข้มให้บริเวณที่ต่อกันระหว่างกระบอกตา กับโหนกคิ้วค่ะ เราไม่ลงสีเข้มเท่ากันทั้งตา โดยจะให้ช่วงตรงกลางสีอ่อน และขอบๆ รอบกระบอกตาสีเข้ม ทำให้ดูมีมิติและตาดูลึกมากขึ้น เหมาะสำหรับคนตาเล็ก หรือไม่ค่อยโตค่ะ แต่ถ้าคนตาโตอยู่แล้ว อาจทำให้ตาดูโปนขึ้นได้ค่ะ
ในการแต่งตา แนะนำว่าให้ค่อยๆ ทา แล้วเพิ่มน้ำหนักหรือสีเอาทีละนิด อย่าใจร้อน ปาดปืดๆๆๆ เดี๋ยวจะแก้กันลำบากถ้าสีหนักเกินไปนะคะ
(เครื่องสำอางค์: eyeshadow สี Sable ของ BB ค่ะ เป็นสีที่เราใช้บ่อยมากๆ เนื้อเนียน สีติดทนทาน ถ้าแต่งหน้าปกติจะใช้ทาบริเวณหางตาถึงกึ่งกลางตาแล้วเกลี่ยด้วยสีที่อ่อนกว่า เพื่อทำให้ตาดูโต และมีมิติขึ้น) แปรง- ใช้พู่กันทาอายแชโดว์ ของ Gino McCray ค่ะ ขนนุ่ม เกลี่ยง่าย)

7. หลังจากนั้น ใช้ eyeshadow สีดำ หรือน้ำตาลเข้มกว่าที่ลงครั้งแรก ลงบริเวณหางตา (หรือแตะเสริมบริเวณหัวตาด้วยก็ได้ถ้าต้องการ) ให้หางตาน้ำหนักเข้มสุด แล้วเกลี่ยให้จางลง เมื่อมาถึงตรงกลาง (ในรูปเราแต้มสีเฉพาะบริเวณหางตาประมาณ 0.5 ซม. ค่ะ)
(เครื่องสำอางค์: eyeshadow palette ของ Mac ค่ะ ไม่ทราบชื่อสี ขอโทษที เป็นเฉดสีน้ำตาล-ดำ และไฮไลท์ )
8. smokey eyes ที่เราแต่งวันนี้ เราเอาเป็นแบบที่ไม่เข้มมาก เดินถนนกลางวันได้ ไปทำงานได้สบาย เราก็เลยเกลี่ยสีให้นุ่มลง โดยการใช้สีน้ำตาลทอง ทาทับบางๆ ให้ทั่วเปลือกตาอีกที
(เครื่องสำอางค์: eyeshadow palette ของ ff จากญี่ปุ่นค่ะ แต่บางครั้งก็ใช้สีทองของ Shu เป็นไฮไลท์)

9. ลงไฮไลท์ที่กลางตานิดหน่อย เพื่อทำให้ตามีมิติมากขึ้น แล้วใช้พู่กันเบอร์ใหญ่หน่อย เกลี่ยให้ทั่วๆ เพื่อให้สีดูกลมกลืน
(เครื่องสำอางค์: eyeshadow palette ของ ff ชุดเดิม มี 4 สีให้เลือกในชุดเดียวกันค่ะ)

10. มาถึงขั้นตอนเกือบสุดท้ายของการแต่งตา (แฮ่กๆ หลายขั้นจริงๆ) คือ กรีด eyeliner
เราเป็นคนหนังตาเยอะ และหย่อนหน่อยๆ (Y_Y) บางทีก็เลยต้องดึงหนังตาให้ตึงๆ นิดๆ แล้วจะเขียนได้สะดวกขึ้น ความหนา-บาง ขึ้นอยู่กับความชอบและรูปตานะคะ คนตาเล็กหรือชั้นเดียว อาจจะต้องเขียนให้เส้นใหญ่ๆ หน่อยจะได้เห็นชัดขึ้นค่ะ
ถ้าใครเขียนแล้วเลอะ ให้ใจเย็นๆ ลองใช้คอตตอนบัต ชุดเบบี้ออยล์ ค่อยๆ เช็ดออกดูนะคะ
วันก่อน เพื่อนเราแต่ง smokey eyes แต่ตาดูโตๆ หลอกๆ หน่อยๆ BA แนะนำว่า เพราะว่ากรีดไลน์เนอร์ยาวเกินตามากไป (ความรู้ใหม่) การแต่งแบบ smokey eyes ควรเขียนให้พอดีตา หรือเกินไปนิดหน่อย ให้ตาดูกลมๆ โตๆ จะเข้ากว่า (ขอบคุณ น้องเก่ง LM มาด้วยนะคะ)

11. หลังจากแต่งตาบนเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจขอบตาล่างกันนะคะ ถ้าใครไม่อยากให้ตาเด่นมาก ก็อาจจะแค่ลง eyeshadow สีน้ำตาลเข้มที่หางตาล่าง blend ให้เข้ากับส่วนหางตาบน
ส่วนใครถ้าอยากเปรี้ยวเป็น smokey เต็มรูปแบบ ก็คว้าดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ (เราใช้อันเดียวกับที่ลงครั้งแรก) มาวาดตั้งแต่ตัวตาจนหางตา (ไม่แนะนำให้ใช้ liquid liner เพราะสีจะเข้มเกินไป จนตาดูลอยๆ หลอกๆ BA tips) เขียนให้ชิดขอบตาล่าง ตรงแนวขนตาให้มากที่สุด แล้วใช้ eyeshawdow สีน้ำตาลเข้มเกลี่ยช่วงใต้ตาให้ดูซอฟต์ลง

12. หลังจากนั้นก็ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า
(เครื่องสำอางค์: mascara สีน้ำตาลเข้มของ BB ปัดง่าย ไม่ติดเป็นก้อน แห้งไว เราใช้แล้วไม่แพนด้านะคะ แต่ไม่เด้งเท่าของ maybelline)

13. แล้วก็มาถึงคิวของคิ้ว เราชอบคิ้วที่ดูเป็นธรรมชาติไม่หนาไม่บางเกินไปและไม่ค่อยทำอะไรกับคิ้วมาก
น้อง เอก BA แนะเคล็ดลับการแต่ง smokey ว่าอย่าให้คิ้วเข้มเท่าผม ให้เขียนคิ้วให้สีอ่อนกว่าผม เช่นถ้าทำผมสีน้ำตาล ก็ไม่ควรเขียนคิ้วดำปื้ด เพราะจะทำให้คิ้วลอยและตาไม่เด่น
ส่วนหัวคิ้วเราค่อนข้างหนา เลยไม่เขียนมาก เติมตั้งแต่ส่วนหางคิ้วไป แล้วปัดด้วยมาสคาร่าอีกนิด เพิ่มความยาวคิ้วและให้ดูหนาขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ
(เครื่องสำอางค์: ใช้ mascara กับeyeshadow เขียนคิ้วเหมือนข้างบนค่ะ ประหยัด :P)

14. เสร็จจากตา ก็มาถึงแก้ม (เหนื่อยจัง... ^^)
เนื่องจากเราเป็นคนแก้มเยอะ ก็เลยต้องอาศัยการอำพรางกันนิดๆ หน่อยๆ เริ่มจากการหาแนวสันกราม เราใช้วิธีกัดกระพุ้งแก้มด้านใน ให้เห็นแนวโหนกแก้มและสันกราม แล้วใช้แปรงปัดตามแนวสันกราม (ตามลูกศร)

15. หลังจากนั้น ก็ปัดจากโหนกแก้ม (กากบาท) ลงไปทางหู (รูปซ้ายแรก) ให้สีที่ปัดตามแนวสันกรามและโหนกแก้มสีเข้ม แล้วเกลี่ยตรงแก้มบริเวณใต้ตา ให้สี blend กัน ค่อยๆ เน้นสีบริเวณโหนกแก้ม ทำให้หน้าตาดูตอบลงเล็กน้อย (ถ้าอยากได้มากกว่านี้ ต้องใช้เฉดดิ้ง) ระวังอย่าลงสีหนักหรือเข้มเกินไป
หลังปัดแก้มเสร็จ ถ้ารู้สึกว่าเข้มเกินไป ให้ใช้แปรงปัดแก้มแตะแป้งฝุ่นแล้วเกลี่ยเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า ให้ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

16. มาถึงส่วนสุดท้ายของการแต่งหน้ากันแล้วค่ะ ไหนๆ ก็แต่งตาให้ดูเด่นแล้ว ปากที่ใช้ก็ควรเป็นสีอ่อน เพื่อจะได้ไม่แย่งกันเด่น
เราใช้สีนู้ด Hazelnut Sauce ของ maybelline แล้วลงทับด้วยสี carnation ของ BB จะได้สีนู้ดชมพูอ่อน
(เครื่องสำอางค์: lipstick maybelline สี 24 Hazelnut Sauce รุ่น water shine ที่ทำให้ปากชุ่มชื้น และ carnation ของ BB สีสวยกิ๊บเก๋ ใช้หมดไป 2 แท่งแล้ว)

17. ขั้นสุดท้ายแล้ว เย้ๆ - อาจเพิ่มมิติให้ริมฝีปากด้วยการแต้มลิปสีแดงตรงกึ่งกลางปากทั้งบน-ล่าง เกลี่ยให้สีกลมกลืน (เฉพาะกลางปาก) อันนี้เหมาะกับคนปากอิ่มๆ หน่อยนะคะ ถ้าริมฝีปากบาง อาจจะมองไม่เห็น สุดท้ายแล้วตบด้วยลิปกลอสเป็นอันเสร็จพิธีค่ะ
(เครื่องสำอางค์: lipgross สีทองของ Dior (แต่รู้สึกจะเป็นรุ่น limited หมดแล้วหมดเลย) ทาทับกับ carnation ของ BB สีสวยมากๆ ค่ะ)

เสร็จออกมาแล้ว หน้าตาเป็นแบบนี้ (มี photoshop ช่วยนิดหน่อยปรับแสง แต่ตาและแก้มจะสีเข้มกว่าในภาพนิดหน่อยค่ะ)

แถม อีกมุม เป็นแสงธรรมชาติ เดินกลางแดด จะเห็นว่าไม่เข้มมาก (เวลาไปงานหรือเที่ยวตอนกลางคืน ก็แต่งเข้มกว่านี้ได้ค่ะ) เพื่อนเห็นแล้วบอกว่าไสยศาสตร์มีจริง เอ้ย make-up is magic 

ใครมีเคล็ดลับอะไรดีๆ ก็แนะนำกันมาได้เลยนะคะ หรือจะหลังไมค์มาคุยกันก็ได้ค่ะ 
ขอบคุณที่ติดตามจนจบค่า
Create Date : 04 เมษายน 2549 |
Last Update : 29 เมษายน 2549 3:03:56 น. |
|
27 comments
|
Counter : 3416 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: mungkood วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:0:39:38 น. |
|
|
|
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:0:46:52 น. |
|
|
|
โดย: ชายคา วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:0:54:33 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:19:42:23 น. |
|
|
|
โดย: Jeab_au (Jeab_au ) วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:19:59:55 น. |
|
|
|
โดย: สวยที่สุด วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:9:09:49 น. |
|
|
|
โดย: พริกน้ำส้ม IP: 80.137.86.144 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:1:36:07 น. |
|
|
|
โดย: หวานใจนายโหด (หวานใจนายโหด ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:06:17 น. |
|
|
|
โดย: slamdunk IP: 124.121.62.63 วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:19:29:35 น. |
|
|
|
โดย: เม่หลิง (เม่หลิง ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:55:17 น. |
|
|
|
โดย: เชียร์ IP: 203.130.128.58 วันที่: 26 มกราคม 2550 เวลา:16:02:31 น. |
|
|
|
โดย: น้องพริกหวาน IP: 58.137.32.142 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:43:13 น. |
|
|
|
โดย: แนน IP: 58.9.50.30 วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:16:08 น. |
|
|
|
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:40:27 น. |
|
|
|
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:24:22 น. |
|
|
|
โดย: Twiggy IP: 61.19.219.144 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:15:25:25 น. |
|
|
|
โดย: ผู้ผ่านมาเห็น IP: 203.59.246.68 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:17:20 น. |
|
|
|
โดย: pim IP: 58.64.57.192 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:12:02 น. |
|
|
|
โดย: honeylemon IP: 202.149.25.241 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:14:29:11 น. |
|
|
|
โดย: ปุ๊กกี้ IP: 58.9.7.221 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:35:58 น. |
|
|
|
โดย: คนสวย IP: 119.31.36.208 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:33:58 น. |
|
|
|
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:18:44:53 น. |
|
|
|
โดย: film IP: 111.84.42.28 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:21:30:48 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
Some magic from above Made this day for us, just to fall in love
Just love me tenderly And I'll give to you every part of me
Be always true to me Keep this day in your heart eternally
หลังไมค์หา เดอะ กั้ง
...Reading...
เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน- ใบพัด
คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ พ.1 : Kafka on the Shore - ฮารุกิ มุราคามิ
***********
ข้อความข้างล่างนี่จริงๆ ไม่อยากเขียนไว้เลย แต่ใส่ไว้กันหลายๆ คนอ้างว่าไม่รู้กฎหมายและมารยาท ก็แล้วกันนะคะ
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
|
แค่เห็นวิธีแต่งเนี่ยก็เหนื่อยแล้ว
มันเยอะไปหมดเลย