|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
Richie Jen : Men's style Magazine
ที่มา : //ent.163.com/07/0528/17/3FJK05A000031HHG.html
28-05-2007
Men's style Magazine : 任贤齐 (เยิ่นเสียนฉี)
ช่วงนี้แปลเองตลอด น่าดีใจซะจริงๆ (กาซิก..กาซิก ) ใช้พลังลมปราณไปจนเกือบหมดก๊อกแล้วเนี่ย ปู๊ดๆ เอ๊ย พลังลมปราณนี่มันเสียงยังไงหว่า 
เอ้อ...ช่างมันเต๊อะ เอาเป็นว่าที่ตุ้งกำลังเขียนน้ำท่วมทุ่งก็เพื่อจะบอกว่า แปลจากภาษาจีนเองโดยใช้โปรแกรมเนี่ย มันสุดๆ เลยอ่ะ เพราะง้นถ้าอ่านตรงไหนไม่รู้เรื่อง อย่าแอบด่ากันในใจเน้อพี่น้อง เขียนด่าออกมาเลยจะหายอึดอัดมากกว่า 

ผู้ชายไม่ร้าย ผู้หญิงไม่รัก เป็นคำพูดที่ออกจะได้ยินบ่อยๆ เพราะงั้นริชชี่ถึงได้ผิดหวังหน่อยๆ กับฉายา หนุ่มแสนดี ที่คอยตามมาหลอกหลอนเค้า แต่เมื่อมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารของเรา เยิ่นเสียนฉีที่อยากจะ ไม่ดี ก็ปฎิเสธว่า การเป็นคนเลวก็ไม่ใช่สิ่งที่ปราถนา
ความประทับใจที่มีต่อริชชี่คงเป็นเพราะเค้าชอบพูดว่าตัวเองไม่ใช่ดาราใหญ่โตมาจากไหน ถึงแม้เค้าจะดังไปทั่วก็ตาม เค้าก็ยังว่า ตัวเองก็เหมือนปลาตัวเล็กๆ ที่แหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทร เค้ายังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงนักร้องที่เป็นที่รัก เหมือนกับเด็กในหมู่บ้านที่รักการร้องเพลงเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ริชชี่ไม่ได้เป็นแค่นักร้องใสๆ เหมือนในอดีต เค้าเติบโตขึ้นเป็นราชาของวงการจากการร้องเพลง เล่นหนัง และตอนนี้เค้าก็ยังเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความรัก ครอบครัว และหน้าที่ของชีวิต

[ถาม] : ได้ยินมาว่าคุณเคยถูกขึ้นบัญชีดำด้วยใช่มั๊ย?
ใช่แล้ว ในปี 1990 ผมเปิดตัวเข้าวงการ แต่ทุกคนรู้จัก Heart too soft เมื่อปี 1997 แล้วก็เพิ่งจะรู้จักผม ทุกคนต่างพูดว่าก่อนหน้านั้นผมหายไปไหนมา ในปี 1996 ผมเคยคิดจะเลิกร้องเพลง ผมคิดว่า หรือบางทีชาตินี้คงทำงานร้องเพลงไม่ได้ ในช่วงนั้นบริษัทก็เลิกสัญญากับนักร้องไปหลายคน ผมเองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่โชคยังเข้าข้างผม Heart too soft ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีอย่างไม่คาดฝัน
[ถาม] : คุณดังเป็นพลุแตกเลยนะเนี่ย ไม่ใช่แบบฝนดาวตกที่มาแล้วร่วงเลย
ผมไม่รู้ว่าจะเผชิญมันได้ยังไงเหมือนกัน แต่พี่ฉง (นักแต่งเพลง) ให้กำลังใจผม โชคดีที่หลังจากนั้น Girl Over there, Look this way Sad Pacific ต่างก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีหนังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากเริ่มดังขึ้นมา ผมก็เริ่มก้าวย่างอย่างระมัดระวัง พยายามในทุกเรื่อง แต่ไม่รีบร้อน แต่นี่มันก็เป็นทิฐิส่วนตัว หลายคนบอกว่าผมโง่ที่ไม่คว้าเงินเอาไว้เยอะๆ บางทีผมอาจจะมานั่งเสียใจตอนแก่ แต่ตอนนี้ผมยังขอยืนกรานตามหลักการของตัวเอง คนอื่นจะมองว่าผมหยิ่งก็คงต้องปล่อยไป
[ถาม] : เวลามีหน้าใหม่ผุดขึ้นมาในวงการ เคยรู้สึกว่ากดดันบ้างมั๊ย?
ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีความกดดันอะไรนัก พออายุแตกต่าง ตำแหน่งและบทบาทที่ได้รับมันก็ย่อมแตกต่างกันไป แต่ผมต้องรักษาหัวใจที่บริสุทธิ์ไว้ และต้องค่อยๆ เติบโตไป โดยที่ยังคงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ไปตามกระแส คนเราต่างก็มีบุคลิกเป็นของตัวเอง วงการเพลงก็เป็นเรื่องที่ดี มีการแข่งขันกันเพื่อไปสู่จุดสูงสุด ผมไม่ห่วงเรื่องอายุของตัวเองเลย อีกทั้งผู้ชายต้องเก็บสะสมประสบการณ์เพื่อที่จะได้ (ทำอะไรซักอย่างที่ตุ้งแปลไม่ออก
วะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ
ฮ่า )

[ถาม] : เล่าให้เราฟังหน่อยถึงความรู้สึกที่คุณได้กำกับ MV เอง
การกำกับเองถือเป็นงานที่หนักหนาทีเดียว ผมเองก็ศึกษาจากงานของอั้งลี่ จำได้ว่าเค้าทำหนังอยู่เรื่องนึง (ตุ้งอ่านไม่ออกว่าเรื่องอาราย ) ใช้ทุนน้อยมาก เหมือนกับผมที่เพิ่งกำกับใหม่ๆ ทุนก็น้อย จะถ่ายโดดไปโดดมามากก็ไม่ได้ ต้องมานั่งกำหนดความยาวของฟิล์มก่อน ถ้ามีแค่ 100 แล้วจะไปถ่าย 200 ก็ไม่ได้ อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงต้นทุนด้วย บริษัทคิดว่าผมเป็นผู้กำกับที่ประหยัด ผมจำคำพูดของผู้กำกับหม่าบอกผมได้แม่น : ใช้แนวทางใหม่ๆ เก็บต้นทุน 1 ล้านเพื่อไปเพิ่มยอดขาย 1 ล้านที่ box office จะง่ายกว่า (ประมาณเนี้ย อ่านเองก็งงเองเหมือนกัน )
[ถาม] : เพราะ Heart too soft คุณเลยถูกมองว่าเป็น หนุ่มแสนดี คุณเคยคิดจะเปลี่ยนสไตล์บ้างรึเปล่า?
จริงๆ เพลงของผมก็มีหลายแนวนะ อย่าง Heart too soft กับ Hurt badly ถึงจะเป็นเพลงรัก แต่หลังจากนั้นก็มีแนวสนุกสนานอย่าง Girl Over there, Look this way แล้วก็ยังมี Sad Pacific อีก ริชชี่คุยไปเรื่อยว่า มันเป็นเพลงแนวลูกผู้ชาย ผมคิดว่าสไตล์ของตัวเองก็พัฒนาไปเรื่อยๆ นะ จาก ขอเพียง 5 วันให้ฉันรู้หัวใจเธอ , หัวใจรักไม่พักร้อน ไปเป็นเรื่อง ปล้นถึงลูกถึงคน , โหดกระหน่ำมังกร ผมคิดว่าแสดงออกมาได้ดี แล้วตัวผมเองก็โชคดีมากที่มีเพลงดีๆ ทำให้ผมมีชื่อเสียง ผมเพียงแค่พัฒนาตัวเองเพื่อรอโอกาสเท่านั้น

[ถาม] : นานแล้วที่คุณได้ฉายาว่า หนุ่มแสนดี ที่จริงแล้วคุณเป็นอย่างนั้นรึเปล่า?
ผมเองก็ไม่ใช่ หนุ่มแสนดี อะไรนัก ผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาทั่วไปนี่แหล่ะ เพราะคำว่า แสนดี มันดูหนักเกินไป ถึงแม้ว่าต่อหน้าสาธารณะผมจะต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ก็ตาม ผมเคยถูกมองว่าเป็น นักเรียนเกเร มาก่อน วันนึงก็ขึ้นรถไปโรงเรียนตามปกติ แล้วผมก็ลุกขึ้นให้คนแก่นั่ง แต่บังเอิญอาจารย์เห็นผมในตอนนั้น เลยชมผมใหญ่ บอกว่าผมยังช่วยให้ดีขึ้นได้ แต่เพื่อนผมที่เป็นเด็กเรียน ขยันมาตลอด แต่ถูกครูจับได้ว่าลอกข้อสอบแต่ครั้งเดียว ภาพพจน์เด็กดีที่เคยมีมาก็หายไปทันที ดังนั้นผมเลยคิดว่าเป็นเด็กเกดูจะสบายๆ กว่า หลังจากนั้นมาทำงาน ผมก็จะเงียบๆ ไม่ค่อยยิ้ม บริษัทเลยบอกให้ผมยิ้มให้มากขึ้น ผมก็คิดว่าในเมื่อเลือกเดินมาทางนี่แล้วก็ต้องทำให้ดี พอยิ้ม ก็มีคนยิ้มตอบมา มันก็ไม่เลวนะ เพียงแต่ตอนแรกผมเลือกที่จะไม่ทำเองตะหาก บางครั้งการทำงานก็ต้องสวมหน้ากากกันบ้าง แต่ท้ายสุดแล้วจะเสียความเป็นตัวของตัวเองหรือยังเป็นตัวของตัวเองนั่นก็อีกเรื่อง โชคดีที่ผมได้เลือกทางของผมแล้ว
[ถาม] : ในสถานการณ์ไหนบ้างที่สามารถทำให้คุณโมโห
ถ้าผมคิดว่าอีกฝ่ายไม่ตั้งใจทำงาน ก็ทำให้ผมโมโหได้แล้ว แต่ถ้าตั้งใจทำงานกัน ผมก็จะให้กำลังใจทุกๆ คนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

[ถาม] : ดูเหมือนว่า เป็นคนไม่ดี จะทำให้ผู้หญิงสนใจนะ
ถ้าผู้ชายไม่ร้าย ผู้หญิงก็ไม่รัก จริงๆ แล้วผู้หญิงก็ไม่ได้จะเลือกผู้ชายที่ร้ายจริงๆ หรอก เพราะควบคุมยาก แต่ตัวผมเองจริงๆ ก็ไม่ค่อยดี ผมไม่ค่อยฟังความต้องการของผู้หญิงซักเท่าไหร่ ผู้หญิงหลายคนเลยคิดว่าผมดูน่าท้าทาย [ถาม] : นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงยังไม่แต่งงานกับแฟนที่คบกันมาหลายปีใช่รึเปล่า?
ผมก็เหมือนกันคนอื่นๆ พวกเราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ต้องทำงานแยกกันบ่อยๆ สองคนที่รักกันแต่อยู่ด้วยกันลำบาก ดังนั้นเลยต้องมีความเข้าใจ การให้อภัยกัน ผมมีความสุขที่แฟนผมให้อภัยในหลายเรื่อง
[ถาม] : ตอนนี้คุณมีลูกสาวแล้ว ยังไม่ได้วางแผนแต่งงานอีกงั้นเหรอ?
คำถามเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานกลายเป็นความลำบาก เพราะสื่อต่างเร่งเร้าจนผมรู้สึกว่าแรงกดดันมันเยอะ ตัวผมเองเป็นคนง่ายๆ ไม่ชอบงานใหญ่โต เชิญแขกเยอะๆ ชุดแต่งงาน แหวนเพชร ผมไม่ชอบความรู้สึกพวกนี้ ผมยังไม่มีเวลาที่จะทำอะไรมาก ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางเถอะ แฟนผมเองก็ยังไม่ได้บังคับให้แต่งเลย (หัวเราะ)
ที่เหลืองงๆ ข้ามไปละกัน ใครมีปัญหามั๊ย 
ปล. ที่จริงคำถามช่วงสุดท้าย เฮียเค้าตอบยาวนะ แต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเลยตัดมาเท่าที่ตัวเองพออ่านได้ เกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน ให้ตายเหอะ ไม่ว่าสัมภาษณ์กี่รอบ เฮียก็หนีเรื่องนี้ไม่พ้นซักทีสิน่า ถึงตอนนี้จะแต่งรึไม่แต่ง คิดว่า Tina คงไม่คิดอะไรมากแล้วหล่ะ ลูกก็มีแล้ว แถมน่ารักด้วย
การแต่งงานมันก็แค่พิธีการเท่านั้นเอง 


เพลง Ta Yao Wo, Ta Bu Ai Wo ร้องโดย ริชชี่

|
Create Date : 10 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 10 มิถุนายน 2550 23:58:39 น. |
|
29 comments
|
Counter : 640 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: fonrin วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:22:33:02 น. |
|
|
|
โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:22:57:34 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:8:35:16 น. |
|
|
|
โดย: Petit Patty วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:8:55:47 น. |
|
|
|
โดย: หลานยายจุล วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:9:12:49 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:9:36:23 น. |
|
|
|
โดย: โจเซฟิน วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:12:06:05 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:17:41:58 น. |
|
|
|
โดย: fonrin วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:17:57:37 น. |
|
|
|
โดย: ป่ามป๊าม วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:20:00:46 น. |
|
|
|
โดย: mungkood วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:20:24:51 น. |
|
|
|
โดย: กวางตุ้งหวาน IP: 58.10.87.42 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:20:28:30 น. |
|
|
|
โดย: ตุ้งเอง IP: 58.10.87.42 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:20:48:19 น. |
|
|
|
โดย: Anson วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:21:55:37 น. |
|
|
|
โดย: angy_11 วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:11:51:34 น. |
|
|
|
โดย: yadegari วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:13:18:25 น. |
|
|
|
โดย: angy_11 วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:16:46:37 น. |
|
|
|
โดย: Pa IP: 222.123.49.93 วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:17:51:48 น. |
|
|
|
โดย: Pat_lm IP: 222.123.49.93 วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:17:53:05 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:19:41:31 น. |
|
|
|
โดย: erina วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:23:05:29 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:23:32:43 น. |
|
|
|
โดย: VA_Dolphin วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:0:22:46 น. |
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากที่ห่างหายหน้าไปนานเลย
แหม...มาทีไรก็ยังหล่อเหมือนเดิมน๊าอาเฮีย..