Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
East Week Magazine

38: RICHIE JEN



Magazine photos จาก Anita
แปลภาษาอังกฤษโดย Paige จาก One Richie Forum


Carina Lau ครั้งนึงเคยพูดว่า : ผู้หญิงที่อายุ 26 จะอยากกลับไปตอนที่ตัวเองอายุ 16 และผู้หญิงที่อายุ 36 อยากกลับไปตอนที่พวกเธออายุ 26

แล้วผู้ชายอายุ 38 หล่ะ พวกเค้าจะคิดอะไรกันบ้าง? เรื่องที่พวกเค้าจะสนใจจะเป็นผู้หญิง, ของเล่น, รถสปอร์ต หรือหน้าที่การงาน มีชายอายุ 38 อยู่ดาษดื่นในวงการ บางส่วนสะเพร่าและเกียจคร้าน ขณะที่บางส่วนเต็มไปด้วยพลังและกระตือรือร้น ริชชี่ในช่วงอายุ 38 ตัดสินใจว่าจะไปช้าๆ และทำสิ่งที่เค้าชอบ

แต่มันไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้แต่แรก ชื่อเสียงเข้ามาเพียงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนนี้ริชชี่สามารถโชคดีและพูดได้อย่างชัดเจนว่า “ผมหามาพอแล้ว! ผมสามารถปลดระวางได้ทุกเมื่อ” เค้ามีแฟนที่คอยให้กำลังใจ ซึ่งคบมา 18 ปี Tina ; และอยู่ในฐานะราชาของเอเชีย ; เค้ามีทั้งรถและบ้านพักตากอากาศ และเป็นผู้ชายแสนดีในใจของผู้หญิงนับพัน ยังจะมีอะไรอีกหล่ะ?

ในวันที่อากาศ 8 องศาที่ไต้หวัน ริชชี่ไปถ่ายรูปหลังกินมื้อที่แสนอุ่นไปแล้ว เค้าเดินไปตามทางรถไฟอย่างช้าๆ เพื่อถ่ายรูป แม้ว่าจะมีเวลาไม่มากนัก แต่เพื่อให้ได้ผลที่น่าพอใจ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน เหมือนอย่างอาชีพการงานของเค้าที่ค่อยๆ สร้างขึ้นจากการทำงานอย่างหนักในช่วง 8 ปี เมื่อมันเลือกไปทางที่ผิดก็ปล่อยให้มันพังไป แล้วเก็บไว้คอยเตือนตัวเองเป็นบทเรียน แน่หล่ะว่ามันอาจพาให้ไม่มีลม ฝน หรือฟ้าที่สดใส แต่สำหรับผู้ชายอายุ 38 มันเป็นสิ่งปลอดภัยที่สุด



สามารถเผชิญหน้ากับตัวเอง

ผมมีความสุขมากที่ได้ใช้เวลาช่วงตรุษจีนกับพ่อแม่และครอบครัว บุคลิกของผมและวิธีที่ผมมีความสุขกับชีวิตได้ง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะได้มาจากพ่อของผม

พ่อของผมมาจากไต้หวันเพราะสงคราม เพื่ออนาคตที่ดี เค้าเลยเรียนเพื่อเป็นครู ทุกเดือน,จะได้เงินเดือนเพียง 300 เหรียญไต้หวัน (80 เหรียญฮ่องกง) ครอบครัวยากจน แต่เราก็อบอุ่นมากในที่ของเรา แม้ว่าผมจะไม่สามารถแม้แต่จะซื้อเสื้อผ้าลำลอง และต้องไปออกไปเล่นในชุดนักเรียน ผมก็ไม่เคยไม่มีความสุขเพราะไม่มีเงิน ผมรู้ว่าพ่อทำงานหนักมากจริงๆ และให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพวกเรา ถ้าพ่อรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรจะได้ เค้าก็จะให้สิ่งนั้นกับเรา อย่างเช่น เมื่อโตขึ้น ผมไม่เคยมีนาฬิกา พ่อเห็นว่าผมโตขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นก็เลยเอานาฬิกาของตัวเองที่มีอยู่เรือนเดียวให้ผม ตอนนี้ แม้ว่าผมจะมีนาฬิการาคาแพงมากมาย แต่เรือนที่สวยที่สุดและล้ำค่าที่สุดจะยังเป็นเรือนของพ่อผมอยู่ดี

แม่ของผม ตอนนี้ยังคงน่ารักและเก็บเงินเพื่อครอบครัว บางครั้งผมเห็นแม่....โอ ตายหล่ะ แม่เก็บของที่ไม่อยากจะทิ้งไว้บานตะเกียง ผมไม่ค่อยจะเชื่อและบอกเธอเรื่องนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องดี ตอนนี้ผมกลายเป็นพวกค่อนข้างจะขี้ขลาด ผมไม่บอกแม่ว่าเสื้อผ้าพวกนี้ราคาเท่าไหร่หรือกระดานโต้คลื่นอันนี้ราคาขนาดไหนหรือเรื่องอื่น ถ้าเธอรู้เข้าภายหลังหล่ะก็....

ผมเป็นลูกชายที่ดีมั๊ย? ก็ Ok นะ เมื่อผมยังเด็ก ผมค่อนข้างจะดื้อเลยแหล่ะ ผมไม่พูดกับพ่อ และไม่ว่าเค้าจะพูดอะไร ผมก็ไม่เคยฟัง

ผมเป็นพวกมองโลกในแง่ดี เข้าสู่วงการบันเทิงหลังจากเรียนจบ หลายคนบอกว่าผมจะหาเงินได้มาก ใช่, ผมยอมรับว่ามีชื่อเสียงนิดหน่อย แต่มันก็ยังแค่นักร้องที่ยังไม่ค่อยดัง งานที่เข้ามาก็ไม่บ่อยและไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด และแน่นอนว่าเรื่องเงินยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในตอนนั้น แค่หาให้พอส่วนของตัวเองยังยาก ผมต้องทำงานเป็นนักร้องในบาร์และเป็นแขกรับเชิญตามรายการวิทยุเพื่อหากินใส่ท้องและจ่ายค่าที่พัก ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดนั้น ผมรอดมาได้ด้วยข้าวกล่อง

ครั้งนึงผมขอโทษพ่อ ที่ไม่สามารถหาเงินมากๆ เข้าบ้านได้ ในตอนนั้น ผมเก็บเงินได้แค่นิดหน่อย และต้องการลงทุนทำร้านอาหารเมื่อผมต้องไปรับการฝึกทหาร ผมคิดว่าอยากจะให้มีรายได้เข้ามาในช่วง 2 ปีที่อยู่ที่แคมป์ทหาร แต่ไม่มีคนคอยดูแลร้าน หลัวจากนั้นมันก็ขาดทุนและเป็นหนี้คนอื่น แล้วไม่นานก็ต้องปิดตัวลง ในเวลานั้น ผมไม่มีความกล้าที่จะบอกพ่อ และไม่มีเพื่อนที่จะไว้ใจได้

หลังจากนั้นพ่อก็รู้เข้า แต่พ่อไม่ได้ตำหนิผม พ่อเพียงแต่ตบบ่าผมแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือลูกได้พยายามดีที่สุดแล้ว ตราบเท่าที่ลูกสามารถเผชิญหน้ากับตัวเอง” ในตอนนั้น ใจของผมมันเจ็บจริงๆ ผมคิดว่า ผมมีสมบัติอะไรบ้าง? มันก็คือครอบครัวนั่นเอง เป็นเรื่องนึงที่เป็นจริงสำหรับผม



ไม่ถูกหลอกง่ายๆ

ไม่ว่าผมจะไปทำงานที่ไหน ที่นั่นก็มักจะมีคนติดตามไปกับผม ครั้งนึงมีคนล้อผมเล่นว่า ผมเหมือนเฉินหลง ที่จริงการมีลูกทีมเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่หนัก

ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำตัวแปลกๆ เพราะเรื่องเล็กน้อย แต่ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้า เป็นเจ้านาย ดังนั้นผมต้องมีความอดทนมากขึ้นเพื่อนำและดูแลทีมงาน บางครั้งเมื่อทีมงานทำผิดพลาด ผมจะไตร่ตรองดูก่อนว่ามันเป็นความผิดของเค้าจริงๆ รึเปล่า มันเป็นงาน ผมคิดว่ามันยากที่จะเป็นเจ้านาย คุณต้องโน้มน้าวลูกจ้าง และทำให้เค้าคิดพร้อมทั้งหาเงินมาจ่ายเข้ากระเป๋า มันเป็นเรื่องยาก โชคดีที่ทีมงานของผมตอนนี้เหมือนครอบครัว และผมก็มีความสุขและพอใจแล้ว บางทีคนอื่นคิดว่าผมถูกหลอกง่าย แต่จริงๆ แล้วผมค่อนข้างระมัดระวังตัว ผมประเมินคนอื่นอย่างรอบคอบ แล้วดูว่าเค้าจะสามารถทำงานของเค้าได้รึเปล่า ถ้าคนคนนั้นทำผิดมาก ผมจะไม่เพียงแค่ยอมรับแล้วก็ปล่อยมันผ่านไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเคยไล่คนออกมาก่อน นอกจากจะไม่ทำงานของเค้าแล้ว คนงานยังเอาชื่อผมไปหลอกลวงคนอื่น; นายคนนั้นโชคดีแล้วที่ไม่ถูกผมต่อย

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเจ้านายที่ดีรึเปล่า แต่แน่ใจว่าผมไม่ถูกหลอกง่ายๆ ผมปฏิบัติกับเพื่อนๆ ด้วยวิธีเดียวกัน ถ้าคุณบอกว่าต้องการใช้เงิน แม้ผมจะรู้ว่าคุณโกหก ; คุณไม่ทำงาน คุณใช้จ่ายอย่างสะเพร่า ฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะเงินหรือบัตรเครดิต ผมก็ยังจะคงช่วยคุณซักครั้งนึง แล้วผมก็จะรอดูว่าคุณจะคืนผมมั๊ย ที่จริงการขอเงินคืนมันยากกว่าการยืมเงินซะอีก ถ้าคุณแค่พูดแต่ไม่ทำตามที่ตกลง ไม่คืนเงินเลยแม้แต่นิด งั้นมันก็จบความเป็นเพื่อน ผมใช้เงินเพื่อดูว่าคุณเป็นคนประเภทไหนและดูว่าความสัมพันธ์ของเราควรจะเป็นยังไง ผมมีประสบการณ์มาก่อน แม้ว่าเงินจะไม่มากนัก แต่ผมก็ผิดหวังมากๆ เพราะว่าผมต้องเสียเพื่อนไป



ตอนนี้ผมหามาพอแล้ว!

การทำงานของศิลปินในวงการบันเทิงสามารถทำให้ชีวิตของพวกเค้าขึ้นๆ ลงๆ การเบลอระหว่างกลางวันกับกลางคืน ผมเคยชินกับการนอนและตื่นเร็ว และการมีการทำงานแบบสั่งการ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือการไม่ต้องโปรโมตกับการไม่ต้องทำงาน ให้ผมได้สนุกกับชีวิต แม้ว่าผู้จักการจะรบเร้าอยู่ตลอดไม่ให้ผมไปแข่งรถ แต่ผมรู้สึกว่าการแข่งทำให้ผมค้นพบตัวเอง โดยเฉพาะตอนนี้ ผมไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการหาเลี้ยงปากท้อง ทำไมไม่ไปทำสิ่งที่ผมชอบให้มากขึ้นหล่ะ? (ริชชี่ชอบขับรถและมอเตอร์ไซด์) เค้าเคยชนะการแข่งของเอเชียและได้รางวัลชนะเลิศ เค้ายังชอบรถราคาแพง และหนึ่งในนั้นก็คือยี่ห้อ มาเซราติ

ผมคิดว่าตอนนี้ผมโชคดีมากๆ ผมไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน และชีวิตก็เรียบง่าย พ่อแม่ผมไม่ต้องเสี่ยงกับเจ้าหนี้ และรายได้ของผมก็ไม่เลวนัก ทุกวันนี้มีคนเสนอเงินจำนวนมากเพื่อให้ผมไปแสดงหรือโชว์ตัว ผมสามารถบอกพวกเค้าว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่ทำหรอก” ผมไม่ต้องการยุ่งขนาดนั้น การสามารถเลือกงานได้เป็นสิ่งที่วิเศษสุด

ถ้าต้องปลดระวางตัวเองตอนนี้ ผมก็ทำได้ทุกเมื่อ

ก่อนนี้ ผมเคยคิดว่า ถ้าต้องปลดระวาง ผมก็อยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่งตรงภูเขาที่ไต้หวัน ผู้คนที่นั่นดีมากๆ และรอบๆ ก็วิเศษและเงียบ แต่ดูตอนนี้สิ มีทั้งแผ่นดินไหวและน้ำท่วม ; มันน่ากลัวจริงๆ! ในอดีต ผมเคยดูแลเด็กๆ ที่ไต้หวัน แต่เมื่อเกิดน้ำท่วม และพัดพวกเค้าไป มันเป็นเรื่องเศร้าอย่างแท้จริง ผมยังเคยคิดถึงการใช้ชีวิตอย่าง “Momocha” บนเกาะๆ หนึ่ง ตอนนี้? ซึนามิก็เป็นความคิดที่น่ากลัวขึ้นมา ว่าว, ทำไมทุกอย่างถึงเป็นอย่างนี้ได้นะ? กระทั่งสงครามที่อีรักก็ไม่ได้มีคนตายเยอะขนาดนี้ ชีวิตนี่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย

ทำไมไม่ทำงานให้หนักแล้วก็เล่นให้หนักหล่ะ นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด “เล่น” ก็เป็นการเรียนรู้อย่างนึง การแข่งรถและเล่นเซิร์ฟก็เป็นวิธีการปลดปล่อยอีกวิธีนึง มันทำให้ผมลืมว่าตัวเองเป็นนักร้อง ครั้งแรกที่ผมเริ่มเข้าไปแข่ง มีบางคนพูดว่า “มีดารามาแข่งที่นี่ด้วย!” ผมจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี คนจะเห็นว่าคุณมีความสามารถและทำได้ไม่เลว แล้วเค้าก็จะปฏิบัติต่อคุณในฐานะที่เป็นคู่แข่งที่แท้จริง การสามารถได้รับการยกย่องจากพวกเค้าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าคุณได้ประสบความสำเร็จแล้ว

การแต่งงานเป็นเรื่องที่ต้องทำ!

พอถึงวันที่ 14 มีนาปีนี้ ผมก็จะรู้จัก Tina ครบ 18 ปีแล้ว “เมื่อไหร่พวกเราจะแต่งงาน?” เป็นคำถามที่ถูกถามเป็นพันครั้งแล้ว จริงๆ การแต่งงานมันเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต ถ้าโชคดี ก็แต่งแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าโชคไม่ดี บางคนก็อาจจะแต่งหลายครั้ง แต่การเดทกับการแต่งงานเป็นสองเรื่องที่ต่างกัน

Tina รู้ว่าผมซีเรียสในการพิจารณาการแต่งงาน พวกเราทั้งคู่เพิ่งจะอยู่ในช่วงอายุ 30 พวกเรายังสามารถจะแต่งกันได้เมื่อพวกเรา 80 แม้ว่าพ่อแม่จะรบเร้าให้ผมรีบแต่งงาน แต่ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิต ถ้าคุณพลาดคุณก็ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ผมจะต้องคิดว่าจะสอนลูกๆ ยังไง ครั้งนึงตอนที่ถ่ายหนังชุด นักแสดงในกองอวดรูปลูกๆ ของเค้าและพูดด้วยน้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ว่า มันเป็นเรื่องน่าอายที่เค้าไม่ได้อยู่ดูพัฒนาการในการเติบโตของลูกๆ เหมือนผู้จัดการของผม เวลาเค้ากลับบ้าน เด็กๆ ไม่ยอมให้เค้ากอด ในอนาคตของผม ผมไม่ต้องการให้เวลาลูกเห็นผมแล้วเรียกผมว่า “คุณลุง”

Eric Wu Qi-Xian

ตอนบ่ายของช่วงตรุษจีน พวกเราไปหาภัตตาคารเล็กๆ ทางถนนตอนใต้ของไต้หวันเพื่อหาข้าวกลางวันกิน เมื่อเถ้าแก่เนี๊ยะเห็นพวกเรา เธอรีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนและจับมือริชชี่อย่างตื่นเต้น เธอพูดอะไรซักอย่างเป็นภาษาฮกเกี้ยน ริชชี่ยิ้มและไปเซ็นต์ชื่อบนผนัง แม้ว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกตินัก ทุกคนก็เริ่มขบขันกัน ดูเหมือนว่าเถ้าแก่จะเข้าใจว่าริชชี่คือ Eric Wu (Wu Qi Xian) แม้ว่าผู้ช่วยจะพยายามอธิบายให้เข้าใจอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็เหมือนจะไม่เข้าใจ

อย่างไรก็ตาม ริชชี่ไม่ได้ดูรู้สึกอึดอัดเลย เค้านั่งลงและสนุกกับการทานอาหาร

หลังเที่ยง ริชชี่ผ่านไปที่ร้านพลัมตรงข้ามถนน ที่สุดมีคนจำเค้าได้ นั่นเป็นเรื่องดี น้ำขึ้นแล้วก็ลง ถูกจำได้เป็นความสบายใจ, การปลอบใจอย่างหนึ่ง ใช่มั๊ย Eric Wu ?









Create Date : 22 กรกฎาคม 2548
Last Update : 6 เมษายน 2549 12:48:26 น. 1 comments
Counter : 367 Pageviews.

 
เดี๋ยวต้องไปหารูป Eric Wu Qi-Xian มาดูหน่อย


โดย: wmvcore วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:43:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กวางตุ้งหวาน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]













ริชชี่ออกงาน BMW
ริชชี่บนเส้นทางสายไหม
ริชชี่โปรโมตหนังเรื่อง《龙凤店》
MV เพลง 《龙凤店》
Happy Birthday to Richie Jen
อัลบั้มใหม่ : Music Traveller
ข่าวคราวหนังเรื่องใหม่
ข่าวคราวเดือนมกรา
ประมวลข่าวช่วงปลายปี (2)
ประมวลข่าวช่วงปลายปี















Friends' blogs
[Add กวางตุ้งหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.