|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Cherish Richie Jen
MING PAO 18-04-2008
แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Paige จาก One Richie Forum
Cherish Richie Jen
กรี๊ดดดด....เฮียลืมรีทัช เหี่ยวเลยเฮียเรา  


ผ่านมา 4 ปีแล้วตั้งแต่ริชชี่มี concert ที่ฮ่องกงโคลีเซียม แต่ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ วันที่ 4 กับ 5 เขาจะได้กลับมาเล่นนี่ที่อีกครั้งเพื่อกองทุนการกุศลของ Ren Chai เมื่อพูดถึงเรื่อง concert ริชชี่ตื่นเต้นมาก เขาสามารถที่จะแสดงพัฒนาการให้คนดูได้เห็นไอเดียมากมายที่เขาเก็บไว้มานาน เพื่อความสนุกและมันก็ดีด้วย- ทำไมจะไม่ดีหล่ะ? เขาว่า: สิ่งที่ผมมีอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่ได้รับมาจากทุกคน ตอนนี้ผมมีความสามารถ ผมควรช่วยเหลือคนที่เขาต้องการให้ช่วย เมื่อเราได้รับมาจากสังคม เราก็ควรจะให้กลับคืนสังคมด้วย นี่เป็นสิ่งที่ผมจะสอนต่อคนรุ่นหลัง
นักร้องไต้หวัน เฉินเซิงครั้งนึงกล่าวไว้ว่า คนดูตั้งใจมาดูคุณใน concert เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยซักแค่ไหน คุณก็ยังต้องร้องเพลงต่อไป คุณต้องแสดงให้คนดูเห็นส่วนที่ดีที่สุดของคุณ เพราะหลังจากนี้ เราอาจไม่มีโอกาสได้ร้องอีก คำพูดเหล่านี้เป็นเหตุผลว่าทำไมริชชี่ถึงเอาใจใส่และระวังในการการแสดงแต่ละครั้ง เขาจะทำให้ดีที่สุด และไม่เพียงแต่ทำให้ดีที่สุด เขายังพยายามหาไอเดียใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นคนดูด้วย อย่าง concert คราวนี้ คนที่ไม่ค่อยจะเต้นอย่างเขา ก็ลุกขึ้นมาหัดเต้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเต้นมาก่อนอย่าง ราชานักเต้น กัวฟู่เฉิง แต่เขาก็จะเต้นประกอบเพลงถึง 4 เพลง ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกฝนอย่างหนักในหลายเดือนที่ผ่านมานี้ก่อนขึ้นแสดง เขาต้องการเตรียมตัวให้พร้อมเต็มที่ และในการฝึกซ้อม เค้าต้องซ้อมเปลี่ยนชุด เปลี่ยนชุดแล้วก็ซ้อม (พูดง่ายๆ ชายแก่ของเราต้องซ้อมแล้วซ้อมเล่า.. ) เขาว่า สิ่งสำคัญคือต้องแสดงให้คนดูเห็นถึงความตั้งใจ แม้ว่าเราจะยังไม่เก่งพอ พวกเขาก็จะให้อภัย

Concert At The Coliseum For A Good Cause
ริชชี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้จัด concert ที่ฮ่องกงโคลีเซียมในปีนี้ เขาว่า ปีที่แล้ว ผมอยากจะจัด concert ที่โคลีเซียมแต่เพราะรับเล่นหนังของผู้กำกับตู้ฉีฟง เรื่อง Assassins ผมต้องเตรียมพร้อมไว้ เลยไม่กล้าคิดเรื่อง concert พอมาปีนี้ผมต้องการเล่น concert แต่เวทีก็ไม่ว่างเลย โชคดีที่ผมเป็นตัวแทนให้ Ren Chai แล้ว Ren Chai ก็จองเวทีไว้แล้วอยากให้ผมไปช่วย แน่นอนว่าผมยินดีช่วยเต็มที่
ริชชี่ ตัวแทนของ Ren Chai ได้เข้าร่วมกิจกรรมการกุศลของมูลนิธิมากมายและมักจะไปเยี่ยมตามชนบทของจีนและสร้างโรงเรียนให้ เขาว่า เมื่อเราได้รับมาจากสังคม เราก็ต้องคืนให้สังคมบ้าง ทุกสิ่งที่ผมมีอยู่ทุกวันนี้มาจากความรักและแรงสนับสนุนจากทุกคน ผมโชคดีมากๆ และผมก็ต้องคืนสิ่งนั้นกลับไปด้วย นี่เป็นสิ่งที่ผมจะสอนลูกๆ เราต้องเข้าใจว่าจะขอบคุณและชื่นชมสิ่งที่มีอยู่อย่างไร ความต้องการในชีวิตของผมมันเรียบง่าย และนั่นเป็นเหตุว่าทำไมผมจะไม่ให้ลูกมากจนเกินไป และไม่ทำให้พวกเขากดดันมากไป ผมแค่อยากให้ลูกๆ โตขึ้นมาอย่างแข็งแรงและเป็นคนดี
เนื่องจากงานของเขา ริชชี่มักจะต้องเดินทางไปหลายที่ ดังนั้นถ้ามีโอกาสที่จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เขาจะรีบคว้าไว้ ตอนนี้ เขาอยู่ในฮ่องกง และได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ด้วย เมื่อถามว่าเขาจะมาอยู่ที่ฮ่องกงเพื่องานไปเลยรึเปล่า? ริชชี่ตอบว่า ก่อนหน้านี้ผมคิดถึงเรื่องนั้น แต่โอกาสมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้บ้านก็แพงมากด้วย ผมซื้อไม่ไหวหรอก (ตอนนี้เฮียเช่าอยู่เอาหน่ะ.. )
ลูกสาวเฮียที่โขกพิมพ์เดียวจากเฮียเดี๊ยะ.... แต่รูปนานแล้วหน้าเปลี่ยนไปเยอะแล้วหล่ะ.. จากที่เห็นล่าสุด นู๋ราติน่ารักมั่กๆ เลย


Releasing A Cantonese Album This Year
บริษัท East Asia Record ก็โตขึ้นทุกวัน จาก หลิวเต๋อหัว สี่จืออัน เจิ้งซิ่วเหวิน หยางเชี่ยนหัว หวังว่านจือ และ เหอหวั่นซือ มาตอนนี้สมาชิกใหม่คือ เยิ่นเสียนฉี (ริชชี่) เป็นการเข้าร่วมครอบครัวที่ใหญ่จริงๆ แล้วเค้าไม่กังวลว่าจะถูกมองข้ามมั่งเหรอ? ริชชี่ไม่กังวลเรื่องนั้นเลย เขาว่าทุกคนต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง การมุ่งมั่นในส่วนของตัวเองจะฉลาดกว่า งั้น จะกังวลเรื่องข่าวลือหรือเรื่องอื้อฉาวบ้างมั๊ย? เขาว่า สุขภาพจิตผมดีนะ การที่มีคู่แข่งก็เป็นเรื่องที่ดีออก ริชชี่ที่จริงแล้วตื่นเต้นเมื่อพูดว่า เมื่อมาอยู่กับทุกคนในบริษัทเดียวกันแล้ว ก็จะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์น้อยลง ถ้ามีโอกาส ก็จะได้แสดงร่วมกันด้วย และนั่นจะเป็นการสร้างงานเพลงที่ดีขึ้น และสนุกมากขึ้น ริชชี่มีแผนที่จะออกอัลบั้มกวางตุ้งในปีนี้ (อ่า...ไม่ได้ว่านะ แต่ชอบฟังเฮียร้องจีนกลางมากกกว่าน๊า.. )
ธุรกิจค่ายเพลงพากันถดถอยและยอดขายลดลง ตามรายงาน ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ย 3000 แผ่นต่อศิลปิน 1 คน แม้ว่าจะเป็นท๊อปสตาร์อย่าง หลงจู่เอ๋อ ก็ยังพูดว่าธุรกิจเพลงตอนนี้ถึงจุดตกต่ำ ริชชี่กล่าวว่า แม้ว่ามันจะดำเนินธุรกิจได้ยาก เราก็ยังคงจะทำต่อไป เราจะทำให้ดีที่สุด! ยอดขายอัลบั้มอาจจะไม่เหมือนก่อน แต่มันก็ยังมีหนทางอื่นให้ฝ่าไป จากการที่เคยติดอันดับ 1 ของ top seller มาก่อนครั้งนึง (ริชชี่ไม่รู้สึกหดหู่กับตอนนี้เหรอ?) เขาว่า เมื่อธุรกิจเพลงมีการเปลี่ยนแปลง คุณก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ และหาวิธีใหม่ๆ จากที่ผมเห็นมาก่อน ผมโชคดีกว่าคนอื่นๆ นะ ยอดขายของอัลบั้มในอดีต อย่างอัลบั้ม Girl Over there, Look this way ขายได้ 1.3 ล้านแผ่น มันเป็นยอดขายที่สูงที่สุดสำหรับศิลปินเอเชีย และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้ (คุณหวนคิดถึงวันวานเหล่านั้นบ้างรึเปล่า?) คิดถึงอดีตมันไม่มีประโยชน์หรอก สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมได้ประสบการณ์ทั้งช่วงที่สูงสุดและต่ำสุด การขายอัลบั้มได้เป็นล้านแผ่น และคิดว่าตัวผมเองเคยอยู่ในอันดับท๊อปมาก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยให้มันเข้ามาครอบงำนัก และผมเองก็เคยได้ประสบการณ์หลายครั้งที่ยอดขายขายได้ในระดับธรรมดา
Lord Have Treated Me Kind
อาชีพของริชชี่เองก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เขาว่า ผมเริ่มเข้าวงการตอนปี 1990 กว่าจะมีชื่อเสียงก็ปี 1997 แต่พระเจ้าก็เมตตาผม มีหลายคนที่ร้องดีกว่าผม และหลายคนที่หล่อกว่าผม แต่ทำไมผมยังรักษาบทนำไว้ได้หล่ะ? ทำไมผมยังสามารถเล่น concert ในโคลีเซียมใหญ่ๆ ได้? ทั้งหมดนั่นเป็นโชคของผม ผมต้องชื่นชมและขอบคุณ ผ่านมา 10 ปีแล้วนับจากที่ริชชี่จัด concert ที่ไต้หวัน และที่นั่นจะเป็นจุดหมายต่อไปของเค้า (แล้วตุ้งจาถ่อตามไปดู concert ที่ไต้หวันไหวมั๊ยเนี่ย)

Don't Want To Accept Just Any Old Film
ริชชี่ร้องเพลงได้ เล่นหนังก็ได้ หนังเรื่องล่าสุดของเขาเป็นของตู้ฉีฟงเรื่อง Assassins เล่นกับกู่เทียนเล่อ ริชชี่รู้สึกว่าเขายังต้องพัฒนาอีกเยอะในด้านการแสดง และต้องรวบรวมประสบการณ์ให้ได้มากๆ จะได้สามารถแสดงในบทที่หลากหลายได้มากขึ้น เขาว่า อย่างบทของพ่อ ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความมั่นใจที่จะเล่นออกมาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมเป็นพ่อคนแล้ว ผมก็มีประสบการณ์ที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง และรู้ว่าจะต้องแสดงออกมาอย่างไรและจัดการแต่ละบทยังไง
คุณจะรับเล่นหนังมากขึ้นมั๊ย? เขาว่า ผมชอบการแสดงนะ และผมก็ชื่นชมในแต่ละโอกาสที่ได้รับเล่นด้วย ดังนั้น ผมเลยไม่อยากจะรับเฉพาะหนังเก่า (พวกหนังย้อนยุคหน่ะ) ผมต้องการเล่นหนังทั่วไปด้วย แม้ว่าหนังอาจจะออกมาไม่ได้อย่างที่หวัง แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลอง และพยายามให้ดีที่สุดหล่ะ แล้วผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ เขาว่าตัวเองโชคดีที่แม้ว่าจะไม่ได้เล่นหนังเยอะนัก แต่หนังที่เค้าเล่นอย่าง Fly Me To Polaris Summer Holiday แล้วก็ Breaking News เป็นงานที่น่าจดจำ เขาหวังว่าจะได้ทำงานที่คลาสสิคอย่าง A better tomorrow (โหด เลว ดี) ริชชี่ว่า ผมอยากเป็นเหมือนอย่างโจวเหวินฟะในบทของมาร์ค


|
Create Date : 22 เมษายน 2551 |
Last Update : 22 เมษายน 2551 17:29:41 น. |
|
17 comments
|
Counter : 771 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: แมวจรจัด วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:15:48:41 น. |
|
|
|
โดย: ณ มน วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:15:50:24 น. |
|
|
|
โดย: minnie IP: 202.91.19.204 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:17:39:29 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:17:51:37 น. |
|
|
|
โดย: mungkood วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:23:24:45 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:1:06:15 น. |
|
|
|
โดย: โจเซฟิน วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:10:09:01 น. |
|
|
|
โดย: angy_11 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:12:13:00 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:14:36:40 น. |
|
|
|
โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:18:46:16 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:21:46:08 น. |
|
|
|
โดย: อ้อค่ะ IP: 58.9.125.44 วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:17:25 น. |
|
|
|
|
|
|
|