ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
19 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

อุ่นเครื่อง .... Skyman In Bangalore

เอามาลงก่อนครับ ถือเป็นออร์เดิร์ฟ กระทู้ Air Show จะโพสภายในสุดสัปดาห์นี้แน่นอนครับ

ทริปนี้ขอขอบคุณนิตยสาร Aerospace ที่ให้ผมแอบอ้างชื่อในฐานะที่เป็นนักเขียน part time ให้เขาเข้าไปในแอร์โชว์ตั้งแต่วัน Business Day ครับ นอกจากกระทู้ที่นี้และใน thaiarmedforce.com หรือ TAF แล้ว สามารถติดตามเรื่องราวได้ใน Aerospace อีกสองฉบับข้างหน้าเช่นกันครับ ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกันครับ

ที่เขียนนี่คือ ตั้งแต่ 10 - 15 ก.พ. ครับผม




อินเดีย - วันแรก

ถึงอินเดียแล้วครับ เครื่องบินสบาย ๆ อาหารอร่อยดี
คนไทยแทบไม่มีมีแต่อินเดียทั้งนั้น กับข้าวอร่อยดี มาลงที่สนามบินบังกาลอร์
มันเป็นสนามบินสร้างใหม่ดังนั้นมันจึงยังหรูเหมือนสุวรรณภูมิ

ไปถึงลืมเอารายละเอียดโรงแรมไปต้องไปให้ประชาสัมพันธ์ช่วยหาข้อมูลให้ นั่ง Airport Bus เข้าเมืองมาราคา 125 รูปี แล้วไปโดนสามล้อหลอกอีก 80 รูปี เพราะโรงแรมมันนิดเดียว

ตอนนี้เพิ่งถึงโรงแรม โรงแรมใช้ได้ ห้องสะอาดดีฮะ

พรุ่งนี้ต้องไปลุ้นเรื่องเข้างานอีกที

Smooth as silk .... with คุณป้า AB6


อาหารไฮโซมื้อสุดท้ายก่อนลุยอาหารอินเดีย


โรงแรม Hotel Bangalore Gate นอนห้องเดียวสามคนคืนละ 80 เหรียญสหรัฐ สภาพห้องคุ้มราคามากทีเดียวครับ


ห้องน้ำใช้ได้ทีเดียว





อินเดีย - วันที่สอง

วันนี้เหนื่อยมากฮะ แทบสลบ

อาหารอินเดียกินยากมาก ตอนเช้ากินอาหารฟรีของโรงแรม สั่งเป็นแป้งคล้าย ๆ แป้งทอดกรอบไส้คล้าย ๆ กะหรี่พัฟ เขาเรียกว่า Doza แต่โอ้โห เครื่องเทศฉุนมาก กินไปได้ไม่มากก็เลียน

ที่นี่มัน It's all in the air จริง ๆ ตรงไหนก็มีกลิ่นอินเดีย
แม้แต่น้ำประปายังมีกลิ่นอินเดียหน่อย ๆ เลย
มีที่เดียวที่ไม่มีกลิ่นอินเดียคือกลางถนนเพราะมันมีแต่ควันกับฝุ่น

นั่งรถตุ๊กตุ๊กไปงาน เหมาทั้งวัน 600 รูปี คนขับใจดีดูแล้วดี
ราคานี่สำหรับเมืองไทยถือว่าโอเค เราพอใจ
แต่สำหรับที่นี่น่าจะถือว่าแพงเพราะคนเขายากจน แต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าเราพอใจ
แล้วเขาก็ take care ดี เป็นตุ๊กตุ๊กของเราทั้งวัน

เข้างานก็ตามคาด เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีชื่อเราลงทะเบียนอยู่ ว่าแล้ว
เลยบอกไปว่า deal กับยัยสุชาดา คนที่เคยติดต่อด้วยที่สภาอุตสาหกรรมอินเดีย
หมอนี่ก็ร้องอ๋อ แล้วก็ขอดู passport ว่าเป็น Journalist visa หรือเปล่า แล้วก็ขอนามบัตร เขาให้เราโทรหาสุชาดา
แต่ยังไม่ทันโทรติดเลยดันทำบัตรเข้างานให้เราเรียบร้อยแล้ว โครตมั่วมาก ๆ
สรุปเข้างานด้วยความงง

สงสัยถ้ารู้จักคนที่ชื่อสุชาดาแล้วก็คงหมายความว่าติดต่อเรียบร้อยแล้วล่ะมั้ง
หรือไม่อีกทีสุชาดาก็ไม่ใช่คน แต่เป็น password เข้างาน

งานกว้าง ๆ แต่ไม่ค่อยดีเพราะมันกั้นรั้วไม่ให้เข้าไปถึงเครื่องบินเลยครับเนื่องจากกลัวการก่อการร้าย
อย่างว่าล่ะอินเดียเพิ่งเจอผู้ก่อการร้ายเล่นงานไปนี่เอง
แต่งานนี้มีเครื่องบินบินเยอะมาก คือดูจนเบื่อ เบื่อจริง ๆ
เพราะบินต่อเนื่องสัก 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ ข้าวกลางวันไม่ได้กินเหมือนตอนไป air show ทุกครั้ง ข้าวเย็นยังลุ้นอยู่ ให้เพื่อนไปซื้อมาฝากน่ะ ขอแบบกินง่าย ๆ

แต่ก็ถือว่ามางานนี้คุ้มมาก ๆ เพราะเครื่องบินบินเยอะมาก ๆ ครับ
แล้วก็เป็นเครื่องที่เรานั้นยากที่จะได้เห็น วันแรกกดรูปไปพันรูปแหนะ
พรุ่งนี้กับวันศุกร์คงจะเดินงานต่อ เสร็จแล้ววันเสาร์อาทิตย์คงเที่ยวในเมืองน่ะครับ

แต่จะขอบอกว่าการจราจรอินเดียสุดยอดมาก ให้เอารถร่วม แท๊กซี่ มอร์ไซต์มาจากเมืองไทยมาขับที่นี่
รับรองมันขับไม่เป็นหมดทุกคน เพราะแพ้โชว์เฟอร์อินเดียหมด

ที่นี่ไฟแดงมีไว้ฝ่า (มันฝ่าแทบทุกแยก) ขับรถไม่มีเลนส์ บาดกันตลอด
แถมขับสวนเลนส์อีกเนี้ย แบบว่าเห็นรถพุ่งเข้ามาหาต่อหน้าต่อตาแล้วหักลบวินาทีสุดท้าย
ไม่รู้รอดมาได้ยังไง รู้สึกเหมือน The Fast and The Furious; บังกาลอร์ดริฟ มาก ๆ

ข้าวเช้าวันแรกที่ผมกิน แดง ๆ คือ butter doza ขาว ๆ คือ onion doza


คน จักรยาน สามล้อ รถยนต์ ใช้ถนนเดียวกัน


การจราจร ที่นี่จะได้ยินเสียงแตรตลอด วันแรก ๆ รำคาญ แต่วันหลัง ๆ ไม่ได้ฟังแล้วเหงา


ฝูงบินผาดแผลงสุริยะคีรานของกองทัพอากาศอินเดีย


Flight line ครับ เครื่องเยอะมาก ๆ


สามล้อที่เราเช่าไป ที่นี่เขาเรียกสามล้อว่าริชชอว์





อินเดีย - วันที่สาม

รวม ๆ แล้วคนอินเดียอัธยาศัยดีครับ ทุกคนยิ้มแย้มและยิ้มง่าย
ถ้าไม่เกี่ยงว่าพวกเรามักจะตกเป็นเป้าสายตาเนื่องจากไม่ใช่คนอินเดียแล้วล่ะก็มันจะสุดยอดมากๆ เลย
บริการในร้านอาหารก็ดีครับ ไม่แปลกใจว่าทำไมงาน call center ทั่วโลกถึงมาตั้งฐานที่อินเดีย
เพราะคนอินเดียก็มี service mind ที่ดีเหมือนกัน


แต่ผมเริ่มแย่แล้ว เพราะกินอาหารแทบไม่ได้เลย
กินไม่ลง พวกเครื่องเทศนี่ลืมไปได้ กินไม่ได้ วันนี้เลยสั่งบัตเตอร์พาราตะมากิน
มันเป็นโรตีทอดเค็ม ๆ แล้วกินกับซอสมะเขือเทศก็พออยู่ได้
แต่ถ้าราดน้ำเกรวี่รุ่นอินเดียนี่ตายแน่ พี่ข้าง ๆ สั่งข้าวผัดผักมากิน
พบว่ามันเป็นข้าวผิดพริกไทยเค็ม ๆ อารมณ์แบบบ้านเรา
พรุ่งนี้จะสั่งแบบไม่ใส่พริกมากินชีวิตคงแฮบปี้มากกว่านี้เยอะมาก ๆ


มาที่นี่แบบเป็นสื่อแล้วไม่สงสัยเลยว่าทำไมสื่อมันถือเป็นป๋าแบบนี้ ที่ press center ที่ข้าวเลี้ยงฟรี มีคอมพ์กับเน็ตให้ใช้ฟรี (แม้วันจะช้าไปก็ตาม)
มีสไปร์กับแป๊ปซี่กินไม่อั้น น้ำเปล่ากินได้ตลอด แค่นี้สบายแล้ว
ที่นี่เป็นแอร์โชว์ที่แรกที่ผมได้กินข้าวกลางวันนะเนี๊ย

ได้ไปฟัง press conference แล้วยกมือถามด้วย ได้อารมณ์นักข่าวมาก ๆ เลยเรา

คาดว่าน่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกวันนึงนะ พอดีไปเจอขนมคล้าย ๆ ถั่วกวนกับนม
อร่อยมาก มันจะหวานจนแสบคอแต่มันจะหอมนมมาก ๆ
เป็นอาหารอินเดียไม่กี่อย่างที่กินแล้วอร่อยดี

ปล. เพื่อน ๆ สองคนเริ่มมีกลิ่นเครื่องเทศออกจากตัวแล้ว
เราแทบไม่ได้กินเครื่องเทศเลยไม่มี
คาดว่ากลับไปทั้งสองคนนั้นคงไม่มีใครคบไปอาทิตย์นึง

บรรยากาศยามเช้า บังกาลอร์อยู่แนวเดียวกับประจวบแต่สูงจากระดับน้ำทะเล 3 พันฟุต ตอนเช้าอากาศดีอย่างกับปาย แต่ตอนเย็นอากาศเน่ายิ่งกว่ากรุงเทพ


นักบิน Eurofighter ของ Luftwaffe ซึ่งสาว ๆ นิยมกรี๊ด


เครื่องทำน้ำอ้อยอัตโนมัติ เวลาทำเขาจะเอาอ้อยที่แช่ตู้เย็นข้าง ๆ ใส่เข้าไป มันจะคั่นออกมาเป็นน้ำอ้อย .... น้ำอ้อยไม่ใช่น้องอ้อยนะ อิอิ


ถั่วคั่วกับทรายแท้ ๆ กินประทังชีวิต มันจะเค็ม ๆ อร่อยดี สะอาดไม่สะอาดไม่สนใจแล้ว


Butter parata กินเปล่า ๆ เค็ม ๆ อร่อยดี





อินเดีย - วันที่สี่

จะแย่อยู่แล้ว อาหารที่นี้กินค่อนข้างยาก เมื่อเช้ากินแป้งโรตีเปล่าไป 1 แผ่น มันอร่อยดีแต่แทบไม่ได้พลังงาน
ตอนกลางวันกัดข้าวเกรียบไป 2 แผ่น
ตอนกลางคืนกินข้าวผัดผักรสชาติไม่ค่อยดีเท่าเมื่อวานไปห่อนึง
แทบหมดแรงเลย
สิ่งที่ทำให้ยังจำรถชาติอาหารที่กินที่เมืองไทยได้คือสไปรส์ที่ Media Center ซึ่งกลายเป็นอาหารและแหล่งพลังงานหลักไปแล้วเพราะอย่างอื่นกินแทบไม่ได้
อีกทั้งทั้งหมดที่กินเป็นมังสวิรัติ ที่นี่ไม่มีร้านที่มีเนื้อขาย
KFCก็มีสาขาเดียวทั้งเมืองซึ่งอยู่ไหนก็ไม่รู้
ตอนนี้เนื้อรถชาติเป็นยังไงลืมไปแล้วล่ะ คิดในแง่นึงก็ถือว่าทำบุญ
แต่คิดอีกแง่ ไม่ไหวเพราะเครื่องเทศเยอะมาก

วันนี้ไปถ่ายรูป-ถ่าย VDO แค่ช่วงเช้าเพราะถ่ายกันจนเบื่อแล้ว
ช่วงบ่ายไปสัมภาษณ์กับไปคุยกับบูทต่าง ๆ ได้ไปสัมภาษณ์รองประธานบริษัท Saab ซึ่งขายเครื่องบินรบให้เมืองไทยด้วย คนนี้ไม่ค่อยได้เจอตัวเพราะใหญ่จริง
เมื่อวานไปนั่งฟังเขาแถลงข่าวเลยเข้าไปทำความรู้จัก
พอเราแนะนำตัวว่าชื่ออะไร มาจากสื่อชื่ออะไร แล้วก็มาจากเมื่อไทย เขาก็ยิ้มแก้มปริ
บอกว่าปลายปีนี้ในงาน Defense & Security ที่กรุงเทพจะเอา simulator แบบที่มี cockpit ที่ทอ.ไทยจะใช้มาโชว์
ผมเลยยิงไปว่าที่มางานนี้เพราะสองอย่าง ... Because of the show here and this is the unique opportunity to meet you
แล้วก็ขอนัดสัมภาษณ์ เราเตรียมคำถามไปแล้ว แล้วเขาก็ตอบ คำถามเราที่เตรียมไป ยอมรับว่าแรงในบางคำถาม แต่เขาก็ตอบได้ดี
คน ๆ นี้เฮฮาปาร์ตีดีครับ สงสัยคงมีความสุขที่กระเป๋าตุงเพราะได้ค่าคอมเยอะจากการขายเครื่องบินให้เมืองไทย
เหอ ๆ

นอกนั้นผมในนามนิตยสาร Aerospace ก็ไปสร้างความสัมพันธ์กับบริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะรัสเซียที่เราแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงเลยจากเมืองไทย
คงเพราะเราแทบไม่ค่อยได้ซื้ออาวุธรัสเซียเลย เพิ่งมาเริ่มซื้อเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่เขาก็ต้อนรับเราค่อนข้างดี
เจ้าหน้าที่สาว ๆ รัสเซียหน้าตาดีมาก ส่วนเจ้าหน้าที่ชายหน้าตาอย่างกะ KGB
แต่บูตอิสราเอล มอสสาดเดินกันว่อนเลยครับ อยากถ่ายรูปมอตสาดกลับมาก็ไม่กล้า กลัวโดนมันเก็บเอา
เข้าไปบูตโบอิ้ง มันทำมองเราหัวจรดเท้า เพราะเราไม่ได้ใส่สูทแต่เป็นเสื้อยืดกางเกงยืนเพื่อความสะดวกในการถ่ายรูป
ความสะดวกจากโบอิ้งเลยแทบไม่ได้รับเลย เราเลยไม่ได้คุยกับใคร
กลับกันบูทแอร์บัสต้อนรับเราดีมาก เราอยากคุยกับคนที่สามารถให้ความเห็นเรื่องเครื่องบินโดยสารได้ด้วย
เขาบอกว่าที่งานนี้ยังไม่มี แต่เขาให้ข้อมูลติดต่อมาเพื่อที่ว่าเราจะติดต่อไปภายหลังได้
เห็นอย่างงี้แล้วก็รู้สึกสะใจที่ปีหลัง ๆ การบินไทยซื้อแต่เครื่องบินแอร์บัสไม่ซื้อโบอิ้งเลย

หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อ TAF เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ผมคงมีโอกาสไปสร้างความสัมพันธ์ในนาม TAF บ้างน่ะครับ

วันนี้ก็เหนื่อยน้อยกว่าทุกวันเพราะตอนบ่ายนั่งอย่างเดียว พรุ่งนี้ไม่ได้ไป Air Show แล้วเพราะเก็บมาหมดแล้วละไม่อยากไปผจญอินเดียเป็นแสนในวัน Public Day
(ขนาด Business Day ยังมีอินเดียมั่วเข้ามาตั้งเยอะเลย) พรุ่งนี้เที่ยวเมือง

กลับไปจะกิน KFC กับหมูปิ้ง สัก 10 มื้อ

ปั๊มแก๊สที่สามล้อเราไปเติม กลิ่นแก๊สหึ่งมากถ้ามีใครสูบบุหรี่คงตายกันยกปั๊ม


โปสเตอร์หนังบอลลีวู้ด เรื่องนี้คงทำมาแข่งกันปืนใหญ่จอมสลัดของอนันดาเอเวอรริ่งแฮม เพราะพระเอกหน้าตาคล้าย ๆ กันนะ


ตำรวจที่นี่ใส่หมวกคาวบอยถือไม้เรียวไม่พกปืน แต่บทจะพกปืนพี่ก็ล่อปืนไรเฟิลยาวไปเลย เหอ ๆ


สุนัขทหารที่มาดมกล้องถ่ายรูปหาระเบิดเลยกดมาหนึ่งรูป


business day ยังมีคนมั่วเข้ามาเยอะขนาดนี้ วัน public คงไม่ต้องพูดถึง ซึ่งมาอ่านข่าวทีหลังแล้วดีใจมากที่เราไม่ต้องไปวัน public เพราะอินเดียมากันเป็นแสน


แบกบันไดไปคนละอันไว้ปีนถ่ายเครื่องบินได้มุมดีกว่า วัฒนธรรมนี้ติดมาจากเพื่อนชาวญี่ปุ่น เวิร์คมาก





อินเดีย - วันที่ห้าและวันสุดท้าย

วันนี้แย่เพิ่มขึ้นไปอีก ตอนเช้าแทะโรตีเปล่าใส่ชีท 1 แผ่นกับไอติมช็อคโกแล็ต 1 ก้อน

ตอนกลางวันซื้อคุ้กกี้รถส้มขนาดเท่าโอริโอและคุ้กกี้ช็อคโกแล็ตขนาดครึ่งหนึ่งของโอริโอ้พร้อมเลย์ถุง10 บาทไป (บวกเพื่อนโยนช็อคโกแล็ตแท่งให้ 1 อัน)
ตอนกลางคืนจะเดินไปกิน KFC ดันเจอพนักงานงี่เง่า ด้วยความที่ผมไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบผมเลยเดินออกมาไม่ได้กิน
แต่มันเท่ห์แต่กินไม่ได้ เพราะโครตหิวเลย ลองคิดดูสิครับ แทบไม่ได้กินอะไรเลย เดินเข้า KFC ได้กลิ่นไก่ทอดหอม ๆ แล้วไม่ได้กินเนี๊ย
สรุปเลยไปซื้อไวไวแห้งมากินพร้อมกับเลย์และเค้กช็อคโกแล็ตอีกเหมือนเดิม
ก่อนกลับเพื่อนไปซื้อข้าวผัดไก่มาได้เลยขอแบ่งมากินหน่อย
แย่มาก อาหารอินเดียคือสิ่งที่มนุษย์คิดได้ห่วยแตกที่สุดเลยให้ตายสิ

วันนี้เที่ยว
รู้สึกตัวเบาไปเยอะเนื่องจากไม่ต้องไปผจญอินเดียเป็นล้านที่แอร์โชว์แน่นอน
ตอนเช้าไปเที่ยวที่ HAL Museum ของบริษัท HAL ที่ทำเครื่องบินให้กองทัพอินเดีย
พร้อมกับแวะถ่ายรูปอาคารว่าการรัฐสุดอลังการ ตอนบ่ายไปเที่ยวสวนพฤษาศาสตร์อินเดีย
สวยดีครับ

ส่วนนอกนั้นคนขับสามล้อขอให้เราไปเดินในร้านขายของที่ระลึกให้หน่อยเนื่องจากถ้าเราเดินเข้าร้านเขาจะได้ค่านายหน้า
พาไปสามร้านแหนะ คนขายอินเดียน่ารำคาญมาก พูดมากจะลากเราไปซื้ออย่างเดียว
โครตน่ารำคาญ ของมันก็ราคาโครตโหด เราทำท่าจะไม่ซื้อมันก็บอกลดไปเรื่อย ๆ
คือแบบน่ารำคาญมากจะลากเราซื้ออย่างเดียว
แต่ที่ไปนี่ก็ยังไงก็คิดว่าช่วยคนขับสามล้อเราหน่อย
ยังไงเขาก็ช่วยเราดีมากมาหลายวันแล้ว เดิน ๆ ไปทำหน้ามึน ๆ
ก็ไม่ลำบากอะไรมากนักนะ

ซึ่งความจริงเราอยากจะซื้อของฝากราคาไม่แพงมาก แต่ร้านพวกนั้นราคาโครตโหด
แล้วทำอย่างกะเราจะไม่รู้ซะงั้นว่ามันหลอก ปัดโธ่เอ้ย
เมืองไทยเป็นเมืองหลวงการท่องเที่ยวของโลกทำไมเราจะไม่รู้
เลยบอกคนขับสามล้อว่าหาร้านถูก ๆ ให้หน่อย เนื่องจากสัญญากันไว้ว่าหลังจากเราไปช่วยเดินทั้งสามร้านแล้วเขาจะหาร้านถูก ๆ ให้
สุดท้ายคนขับสามล้อก็พาไปร้านขายของที่ระลึกของรัฐบาล ราคาไม่แพงครับ
แถมสินค้ามีคุณภาพ รูปแกะสลักพระพิฆเนตรที่ทำจากไม้จันทร์หอม งานดีมาก ๆ สวยและงดงามมาก ๆ แต่ราคาตั้ง หมื่นกว่าบาท ซึ่งก็สมเหตุสมผล
แต่เราซื้อไม่ไหวครับ ส่วนตัวผมซื้อกล่องหินแกะสลักที่ทำจากหินสีชมพูให้แม่ ซื้อเสาอโศกไม้แกะสลักให้พ่อ ซื้อช้างไม้แกะสลักให้น้องชาย และพระพิฆเนตรแกะสลักจากไม้มะค่าดำให้น้องสาว และซื้อยานวดสมุนไพรมาให้ตา รวมทั้งหมดนี่พันบาทเอง ถือว่าคุ้ม
นอกนั้นผมซื้อขนมอินเดียไปฝาก ก็คือขนมถั่วกับนมหวาน ๆ หอม ๆ ที่เล่าให้ฟังไปน่ะครับ
ที่บ้านชอบกันมาก แต่เพื่อนที่ทำงานไม่มีใครกล้ากินเพระกลัวกลิ่นอินเดีย


ตอนค่ำไปเดินย่านไฮโซของเมือง อารมณ์ราว ๆ ราชประสงค์ แต่ความไฮโซสู้ไม่ได้เลย
เจอคนไทยที่มาเรียนที่นี่ด้วย โครตสุดยอดไม่รู้อยู่ได้ยังไง
ขากลับไม่ได้กลับกับคนขับสามล้อคนเดิมเนื่องจากให้เขาไปรับคนอื่นต่อ
เราไปเรียกสามล้อแถวนั้นเกือบฆ่ากันตายเนื่องจากพาเราไปผิดทางแล้วจะโขกค่าโดยสารเพิ่มอีก
ไม่ไหว

เข้าห้องมาตอน 4 ทุ่มนิด ๆ โจ๊ก เพื่อนคนไทยที่อินเดียโทรมาพอดี
ไขกุญแจห้องแล้วได้ยินโทรศัพท์ดังพอดีเลย มันเพิ่งลงจากเครื่องบินมา มันนั่ง Singapore Airlines ชั้น Business มาลงบังกาลอร์
เทียบกับเรานั่ง A300 เก่า ๆ มา (แอร์น็อคระหว่าง Flight อีก ) พรุ่งนี้จะเจอมันตอนเที่ยง
มันจะพาไปกินอาหารทิเบตเนื่องจากบอกมันว่ากรูไม่ไหวแล้วอาหารอินเดีย

วันรุ่งขึ้นตอนเช้าเพื่อนทั้งสองคนออกไปซื้อเครื่องแสตนเลส แต่ไม่ได้กลับมา ผมนั่งปั่นงานให้น้องสาวเพราะมันจะเอาแล้วโวยวายมาเมลล์มาว่างานชั้นอยู่ไหน
มันเป็นรายงานวิเคราะห์นโยบายการคลังและกฏหมายเศรษฐกิจ มันบอกทำไมเป็นเพราะวัน ๆ ไม่ได้ดูข่าวเลย
เลยซวยกรูอีก

ตอนบ่ายโจ๊กมาแล้ว เลยพาไปกินอาหารทิเบต
เข้าร้านไปปรากกว่าถูกสายตาจำนวนมากมอง เนื่องจากเขาคิดว่าเราเป็นคนจีน เพราะหน้าตาเจ๊ก ๆ อย่างพวกเรานี้คล้ายจริง ๆ
พอคนขายถามว่าเรามาจากไหน เลยรีบตอบไปว่ามาจาก Thailand ๆ เขาก็เลยยิ้มออก
รู้สึกโชคดีมากที่ผมเกิดในประเทศที่ไม่มีศัตรูทางการเมืองกับประเทศไหน ไปที่ไหนบอกว่าเป็นคนไทย ไม่มีใครทำอะไรเลย
อาหารทิเบตอร่อยมาก อย่างน้อยก็ไม่มีเครื่องเทศ รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
ตอนจะออกเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศและเพือให้แน่ใจว่าเราจะไม่ถูกตามไปกระทืบเพราะคิดว่าเป็นคนจีน
ผมเลยไปพูดกับพนักงานอีกคนนึงว่า
อาหารอร่อยมากเลยครับ ผมมาจากไทยแลนด์ (เน้นเสียงหนัก) มากินอาหารอินเดียแทบไมได้เลย ร้านคุณช่วยชีวิตผมไว้ โอ้ว ๆ ๆ
ที่พูดนี้จริงใจนะครับ ผมรอดตายเพราะอาหารทิเบตจริง ๆ
พวกเขาก็ยิ้มกันแก้มปริ ผมก็อวยพรในใจให้ชาวทิเบตในอินเดียโชคดีแล้วกันครับ

เสร็จแล้วเราไปเดินซื้อหนังสือ แม่ฝากซื้อแบบฝึกหัดชีวะ ไปคุ้ยตั้งหลายร้านเจออยู่เล่มเดียว เล่มหนาอย่างกะ text แต่ราคาแค่สามร้อยกว่าบาท
ถูกมาก อินเดียซื้อลิขสิทธิ์หนังสือต่างประเทศมาพิมพ์ด้วยกระดาษห่วย ๆ ในราคาถูก เพื่อคนในประเทศจะได้ซื้ออ่านกันได้ง่าย ๆ
อีกทั้งหนังสือคล้าย ๆ มติชนสุดสัปดาห์ของบ้านเรา แต่รูปลักษณ์และคุณภาพเหมือนหนังสือ Time ก็ขายกันเล่มละ 10 รูปีหรือ 7.50 บาทเอง
บทวิเคราะห์ก็เขียนดีมากครับ เช่น เขียนวิเคราะห์ฉากต่อไปของศรีลังกาหลังจากกลุ่มกบฎแพ้สงคราม หรือวิเคราะห์ว่าจีนจะเกิดกรณีเทียนอันเมินภาคสองหรือไม่ถ้าเศรษฐกิจยังพุ่งไม่หยุดแบบนี้
ไม่แปลกใจว่าทำไมอินเดียพัฒนาขึ้นทุกวันครับ

กลุ่มเราแยกกับโจ๊กไปที่สนามบิน โดยไปถ่ายรูปเพื่อทำคอลลัมน์ด้วย
สนามบินนี้เขาห้ามถ่ายรูปมาก ๆ แถมในสนามบินยังมีบังเกอร์กระสอบทรายตั้งเป็นจุด ๆ และมีตำรวจถือไรเฟิลนั่งเฝ้าอยู่
เราเลยไม่อยากเสี่ยงถ่ายรูปอย่างโจ่งแจ้ง ใช้วิธีแอบ ๆ เอา
ถ่ายไปรู้สึกว่าตัวเองเป็นสายลับ เพราะต้องแอบกดชัตเตอร์ และรายงานกันว่าตอนนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่ตรงไหนมองมาหาเรา

ขึ้นเครื่องการบินไทยตอนเที่ยงคืนครึ่ง คิดถึงบ้านมาก
นางฟ้าการบินไทยใจดี ช่วยกั๊กอาหารที่มีเนื้อไว้ให้เราคนไทย และเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติให้คนอินเดีย
มันผิดนะ แต่ผมขอบคุณเขาตั้งหลายครั้ง เพราะถ้าให้กิน vetgeterian อีกมื้อล่ะก็ตายแน่
พี่เขาก็บอกว่าก็เพราะรู้ว่าคนไทยกินแทบไม่ได้เลยแอบกั๊กเอาไว้
บิน TG รอบนี้ประทับใจมากครับ

แต่แทบไม่ได้นอนเลย เครื่องลงตี 5 ก็ต้องเผ่นไปที่ทำงาน
แถมผมลืม passport ไว้ในเครื่องอีก เพราะเดินจะถึงตม.แล้วดันหาไม่เจอ
เลยให้เพื่อนช่วยติดต่อการบินไทยให้ เค้าก็เลยไปคุ้ยหาในเครื่องมาให้
ไอ้เรางี้ใจหายแว๊บ เพราะถ้าเครื่องออกไปแล้วล่ะก็ กว่าลำนี้จะลับมาไม่รุ้นานเท่าไหร่ รอดตัวครับ

สรุปก็ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ตอนนั่งอยู่ที่ terminal ของสนามบินบังกาลอร์
ความรู้สึกมันดีมาก ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเราจริง ๆ

...
...
...

ทริปหน้ายังไม่รู้เลยครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเก็บเงินได้แค่ไหน ตอนนี้ก็ตั้งใจทำงานไปก่อนเขาจะได้ไม่ไล่ออก

แป้งโรตีเปล่าใส่ชีส อร่อยครับ แต่ถ้าใส่น้ำจิ้มหรือไส้นะ รสชาติจะแย่มาก


รถไฟฟ้าอินเดียไม่รู้อีกกี่ปีจะเสร็จ


สวนพฤษศาสตร์ที่อังกฤษเลยมาสร้างไว้ แล้วอินเดียดูแลต่อ


ป้อมปราการเก่าที่สวนพฤษาศาสตร์ สมัยก่อนเอาไว้สังเกตุการณ์เพราะมองแล้วเห็นได้รอบจริง ๆ


ส่วนไฮโซของเมืองเมื่อมองจากป้อมปราการเก่า


ทำเนียบว่าการรัฐสุดไฮโซ


HAL Museum


ย่านไฮโซของเมือง




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552
33 comments
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2552 13:01:08 น.
Counter : 3786 Pageviews.

 

งดงอนชั่วคราวมาเจิมอีกแล้ว emo

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 19 กุมภาพันธ์ 2552 12:57:01 น.  

 

แอบเข้ามาอ่านกันเต็มอิ่มเลยค่ะกับการไป
ท่องเที่ยวเมืองอินเดีย แล้วก็เจออะไรหลากหลาย
มากมายเลยอ่ะคะ ..

ปัญหากับเรื่องของอาหารการกิน จะว่าใหญ่
ก็ใหญ่นะเพราะมันสำคัญอ่ะ แต่ว่าเราก็ต้องจัดการ
กับมันให้ได้เน๊าะ ไม่อย่างนั้นไม่มีแรงแน่ เพราะว่า
อยู่นานๆ ถ้าไม่ได้อะไรรองท้องเต็มๆ ที่ก็คง
หมดแรงไปเลยอ่ะคะ ..

 

โดย: JewNid 19 กุมภาพันธ์ 2552 13:51:52 น.  

 

ตามไปเที่ยวด้วยคนพี่ ^^

ตุ๊ก ตุ๊ก เทห์ดีอะ

1รูปีเท่ากับกี่บาทเอ่ย

ดูจากรูปก็ดูน่าเที่ยวนะ แต่ฟังพี่โยบรรยายแล้วไม่เอาดีกว่า

สนามบินนี้เขาห้ามถ่ายรูปมาก ๆ แถมในสนามบินยังมีบังเกอร์กระสอบทรายตั้งเป็นจุด ๆ และมีตำรวจถือไรเฟิลนั่งเฝ้าอย
^
ู^
สนามบินหรือสนามรบนะนั่น

 

โดย: น้องผิง 19 กุมภาพันธ์ 2552 14:53:09 น.  

 

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 20 กุมภาพันธ์ 2552 0:03:39 น.  

 

--- ทริปนี้สุดยอกครับเสี่ย แต่น่าสงสารเรื่องอาหารจริงๆ

แล้วสาวอินเดียเป็นไงบ้างครับ

 

โดย: myth 20 กุมภาพันธ์ 2552 2:27:26 น.  

 

น้าโย เข้าใจเรื่องอาหารมากๆค่ะ เรื่องกินสำคัญเนาะ กองทัพเดินด้วยท้องนี่นา ไม่มีที่ไหนสุขกาย สบายใจ กินอิ่ม นอนหลับ เหมือนประเทศไทยที่รักของเรา

น้าโยเล่าประสบการณ์ได้ดี อ่านจนจบเลย น่าไปเที่ยวอินเดีย แต่ต้องเอามาม่าไปเยอะๆนะ แล้วต้องบอกว่า เรามาจากประเทศไทยด้วย ภูมิใจจัง

 

โดย: แม่น้องขวัญ_ซาแมนต้า 20 กุมภาพันธ์ 2552 9:09:27 น.  

 

เป็นประเทศที่ไม่เคยคิดอยากจะไปเที่ยวเลยลุงโย

 

โดย: คนไม่เจียม.. 20 กุมภาพันธ์ 2552 9:11:47 น.  

 

ไม่เห็นมีห้างหรูๆ เดินเลย

 

โดย: จูหน่านพ 20 กุมภาพันธ์ 2552 9:55:22 น.  

 

ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน
ก็อยู่รอดไม่ได้นาน
ก็เพราะไม่มีอาหารอะไรจะอร่อยเท่าของเราแล้ว..

 

โดย: VET53 (VET53 ) 20 กุมภาพันธ์ 2552 10:07:45 น.  

 

คุณ myth

ไม่ไหวฮะสาว ๆ บ้านเรากินขาด

พี่จู

เพ่ เมืองมันมีแค่นั้นน่ะครับ

คุณแม่น้องขวัญ

ใช่รับ ถ้าต้องไปครั้งหน้าผมหอบมาม่าไปเต็มเครื่องบินแน่นอน

 

โดย: Skyman (Analayo ) 20 กุมภาพันธ์ 2552 10:17:06 น.  

 

ลุงโย


emo

 

โดย: คนไม่เจียม.. 20 กุมภาพันธ์ 2552 10:47:41 น.  

 

ป้าแหม่ม


emo

 

โดย: Skyman (Analayo ) 20 กุมภาพันธ์ 2552 11:16:18 น.  

 

เหม่งสวย !!! OK

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 20 กุมภาพันธ์ 2552 12:59:35 น.  

 

^
^

เธอมาจากไหน เชื่อเค้าเลย

emo


 

โดย: คนไม่เจียม.. 20 กุมภาพันธ์ 2552 13:04:37 น.  

 

^
^
^
นั่นจิ

emo

 

โดย: Skyman (Analayo ) 20 กุมภาพันธ์ 2552 13:11:08 น.  

 

ไม่มีรูปสาวแม้แต่รูปเดียว

emoemoemo

 

โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 20 กุมภาพันธ์ 2552 14:50:09 น.  

 

ป้ารู้แต่ป้าจะได้ไปห้างพี่

อย่างอื่นป้าไม่รู้

คาดว่าจะเนียนหลงเข้าห้างไปเลย

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 20 กุมภาพันธ์ 2552 16:05:33 น.  

 

นอกจากจะเหม่งก็เนียนอ่ะพี่แหม่มพี่โย

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 20 กุมภาพันธ์ 2552 16:17:34 น.  

 

คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น emo

 

โดย: Skyman (Analayo ) 20 กุมภาพันธ์ 2552 16:40:23 น.  

 

โห้ยเซ็ง !!!!!!! นายพี่ไปด้วย emoemo

 

โดย: จูหน่านพ 20 กุมภาพันธ์ 2552 17:53:22 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่โย


emoemoemo



 

โดย: กะว่าก๋า 21 กุมภาพันธ์ 2552 7:47:17 น.  

 

ดูแล้วจ้า ค่อยๆ ทำไปน้องวันนี้เดี๋ยวป้าไปนวดไขมันกลับมาเดี๋ยวโทรหาว่าจะยังไงต่อคำโปรยก็ประมาณนั้นไปก่อนไว้เปิดเต็มๆ เราค่อยเพิ่มเพสนั้นเข้าไปจะได้เขียนเต็มที่ว่าที่ไปที่มาเป็นเยี่ยงไหน

 

โดย: จูหน่านพ 21 กุมภาพันธ์ 2552 8:43:14 น.  

 

มาม่าเป็นทางเลือกของเราจริงๆ นะค่ะ มีเอาไว้
สำหรับเบื่ออาหารหรือว่าทานอย่างอื่นไม่ได้
ยิ่งไปต่างประเทศที่แบบว่ากลิ่นเครื่องเทศฉุนๆ
อันนั้นล่ะสาหัสเลย เพราะว่านานๆ ทานพอไหวแต่ว่า
ถ้าต้องทานบ่อยๆ กลิ่นก็จุกอกแล้ว มาม่าช่วยได้จริงๆ ...

................


น้ำพริกอีกอย่างอ่ะคะ เอาติดตัวไว้
แน่นอนว่าอิ่มอร่อยๆ หมดไปเป็นมื้อๆ ได้เลยค๊า

 

โดย: JewNid 21 กุมภาพันธ์ 2552 12:35:38 น.  

 

emoemo ยังไงเหม่งก็ไม่ยอม

ป้าไปแอบชอบใครนะ emoemo

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 21 กุมภาพันธ์ 2552 22:15:22 น.  

 

"เข้าห้องมาตอน 4 ทุ่มนิด ๆ โจ๊ก เพื่อนคนไทยที่อินเดียโทรมาพอดี
ไขกุญแจห้องแล้วได้ยินโทรศัพท์ดังพอดีเลย มันเพิ่งลงจากเครื่องบินมา มันนั่ง Singapore Airlines ชั้น Business มาลงบังกาลอร์
เทียบกับเรานั่ง A300 เก่า ๆ มา (แอร์น็อคระหว่าง Flight อีก ) พรุ่งนี้จะเจอมันตอนเที่ยง"

อาจารย์โย ชั้นหนึ่งตะหากน่ะ ไม่ใช่บิซิเนส 555

ว่างๆ มาเที่ยวใหม่เน้อ


 

โดย: helldiver 22 กุมภาพันธ์ 2552 1:52:24 น.  

 




เชอะ

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 22 กุมภาพันธ์ 2552 13:09:04 น.  

 

กำลังเห่อของเล่นใหม่เฟร้ย คำถามที่บล๊อคเปลี่ยนเป็นโดนเตะแทนได้ไหม หรือจะรับเสียงกรี๊ดเจ้าเหม่งดี

 

โดย: จูหน่านพ 22 กุมภาพันธ์ 2552 14:35:03 น.  

 

emoemoemo

emoemoemoemo

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 22 กุมภาพันธ์ 2552 15:45:08 น.  

 

อาจารย์โย รบกวนเช็คหลังไมค์ด้วยครับ

 

โดย: helldiver 23 กุมภาพันธ์ 2552 2:24:46 น.  

 

ยอม login แล้ว เลยได้เห็นรูป และตอบได้แล้ว ....


อ่านตั้งกะต้นจนจบมี comment เดียวในใจ

นักบิน Eurofighter ของ Luftwaffe ซึ่งสาว ๆ นิยมกรี๊ด
^
^
^
^
ตูไม่สาวแล้ว ตูก็กรี๊ด ... คนไร หล่ออิ๊บเลย emo

 

โดย: picmee 23 กุมภาพันธ์ 2552 17:49:46 น.  

 

นึกว่า อนาลาโย่ อิน บังกาโล 5555+


ไปไม่ชวนๆๆๆ

ชวนก้อไม่ไปหรอก อิอิ

อาหารอินเดียนี่อร่อยดี พี่ซ่าส์ชอบ
แต่กินมากไม่ได้....อิอิ

 

โดย: unsa 25 กุมภาพันธ์ 2552 21:34:06 น.  

 

เมื่อกี้ยังอ่านไม่จบ ตอนนี้อ่านจบแร้น

เยอะดี อ่านมันส์ไปเลย

ขอกรี๊ดดดดดดดดด คุณทหารด้วยคนน๊ะ

แล้ววววว....มีอะไรมาฝากพี่ซ่าส์ๆบ้างมั๊ย ??

 

โดย: unsa 25 กุมภาพันธ์ 2552 21:51:11 น.  

 

อยากไปเหมือนกันค่ะ...............................

 

โดย: jingjokDoy 28 กันยายน 2554 14:02:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.