This is my happy place.
เมื่อวานหลังมื้อเที่ยง เบื่อๆไม่รู้จะทำอะไรดี ช่วงเช้าทำงานนิดหน่อยพอบ่ายว่างก็ต้องหาอะไรทำละ ก็เลยแต่งตัวทะมัดทะแมงสวมหมวกแก๊ปเดินขึ้นเขา เข้าป่าสนไปเก็บเห็ดดีกว่า เดินได้แค่ครึ่งทางครึ่งชั่วโมง ฝนก็โปรยปรายลงมาเม็ดเล็กๆ ลังเลสองจิตสองใจว่าจะเดินต่อหรือหันหลังกลับดี แต่แหงนหน้ามองฟ้าแล้ว เห็นเป็นแค่เมฆดำกลุ่มก้อนเดียว คงจะตกแป๊บเดียวแหละ และถนนที่เดินไปนั้นก็มีร่มใบสนอยู่บ้าง ไม่เปียกแน่นอน เลยตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ และเจอชาวบ้านเดินลงเขาหนีฝนกัน แต่อิชั้นกลับเดินสวนทางชาวบ้านเค้า เออเนอะคนเรา อยู่แบบไม่กลัวฟ้ากลัวฝนกันเลยทีเดียว
เดินไปถึงจุดหมายใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงพอดี ฝนหยุดตกไปสักพักนึงแล้ว ใช้ไวเวลาเดินเยอะไปหน่อยเพราะเป็นการเดินขึ้นเนินตลอด บางช่วงก็ชันบางช่วงก็เหมือนจะเป็นที่ราบ แต่ก็ไม่ราบเรียบซะทีเดียว สเต็บการเดินช้าด้วยแหละ นาฬิกาข้อมือที่นับจำนวนก้าวมักจะสั่นบอกความเร็วของการก้าวขาไว้ที่เลข 9-10 นี่คือระดับเบบี๋หรือเปล่าคะ
เอารูปลงเพจของตัวเองด้วย Life in Italy by PK แต่คราวนี้ลองปรับแสงในกล้องมือถือ เว่อร์วังมาก ไม่สมจริงเลย คราวหน้าไม่เอาละ ไม่ปรับอะไรแบบนี้อีกแล้ว ดูกันแบบเป็นธรรมชาติๆดีที่สุดเนอะ เอาละ ดูรูปป่าสนแถวนี้กันไปเรื่อยๆนะคะ
เจอเห็ดที่เดิมๆแหละค่ะ เห็ดสีเหลืองนี้อิตาเลียนเรียกว่า Finferli ความจริงก็มีหลายชื่อเรียก แตกต่างกันไปตามท้องถิ่นนั้นๆ บ้านเรานิยมกินชนิดนี้มากที่สุด แต่ก็กินแค่อาทิตย์ละครั้งนะคะ กินมากไปก็ไม่ดี ตับจะทำงานมากเลยไป ที่เก็บๆมานั้นฟรีซไว้กินหน้าหนาว เห็ดที่อิตาลีจะออกดอกแค่ช่วงเดือนกรกฏาถึงกันยาเท่านั้นนะคะ (บางชนิดเดือนตุลาก็อาจพบบ้างแต่เริ่มน้อยลงละ) คือช่วงหน้าร้อนนี่แหละที่บานสะพรั่ง เราเลยต้องไปเก็บตุนไว้สำหรับฤดูอื่นๆด้วย เดินเก็บไปได้แป๊บนึงได้มากิโลนึงแน่ะ เลยเดินกลับอีกทาง ระหว่างทางก็เจอเห็ดงอกแอบๆอยู่แบบนี้ ไม่มีใครเห็นรึ??? รูปนี้เป็นเห็ดปอร์ชินี่ หลานชายไปเก็บมาค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเห็ดราชินีแห่งป่าเขา เป็นเห็ดที่มีกลิ่นหอมนำ ยิ่งตากแห้งยิ่งหอมเข้าไปใหญ่ ดอกใหญ่ๆเอามาหั่นบางๆตากแห้งใส่ขวดโหลไว้กินได้ตลอดปี ดอกสวยๆเล็กๆหั่นเป็นชิ้นหนาๆหน่อย ฟรีซไว้ได้เช่นกัน บ้านเรามักเอามาใส่ในพาสต้าหรือทำเป็นน้ำซอสราดบนเนื้อสเต๊ก ราคาที่เค้าขายก็แพงใช้ได้ ไม่กี่วันที่ผ่านมาเห็นขายกันที่กิโลละ 27 euro เห็ดจากภูเขาแถวบ้านเราเองนะคะ จากประเทศใกล้เคียงราคาก็จะถูกลงมา
นี่แหละค่ะ ชีวิตของคุณป้าวัยสี่สิบเอ็ด หาอะไรๆทำไปเรื่อย หลานชายที่นี่มักบ่นเสมอว่า ป้าอยู่นิ่งๆบ้างไม่ได้เหรอ ออกนอกบ้านตลอด 555 ก็ป้าเบื่อไง ป้าอยู่เฉยๆป้าจะพาลฟาดงวงฟาดงาใส่คนอื่น ป้าขอไปที่ๆป้าอยากไปก็แค่นั้นเอง ทีแกให้ชั้นตบปิงปองด้วย ไม่บ่นอะไร แต่พอออกนอกบ้านและไม่เอาฮีไปด้วย ฮีบ่นตลอด เมื่อคืนป้าก็ไปดูละครเวทีกับลุงมา ดูฟรีด้วย แค่ช่วยหยอดเงินสนับสนุนนักแสดงสมัครเล่น แต่เค้าเล่นกันจริงๆจังๆนะคะ ดูเพลินๆดี ละครเลิกตอนห้าทุ่ม ป้ารู้สึกอยากไปจิบไวน์ขาวสักแก้ว ลุงเลยพาไปที่ร้านอาหารที่ไปกินกันประจำ กิน toast ขนมปังไส้ชีสและแฮมไปหนึ่งชิ้น แกล้มไวน์ขาว ส่วนลุงสั่งมันฝรั่งทอดมากินแกล้มเบียร์ ซึ่งพนักงานร้านถึงกับงงตอนเจอเราสองคนตอนห้าทุ่มกว่าๆและสั่งเฟรนฟรายมากิน (ป้ากลัวโคเลสเตอรอลป้าไม่กินค่ะ 555) เพราะปกติไม่ค่อยออกนอกบ้านยามวิกาล ถ้าไปกินข้าวก็สองทุ่ม ห้าทุ่มกลับถึงบ้านนอนคลุมโปงกันแล้ว บางทีชีวิตก็ดูเหมือนจะราบเรียบจนไม่มีสีสันอะไรเลย แต่ๆๆ มันเป็นจุดที่เราสองคนสบายใจ จุดร่วมที่ทำให้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมาร่วม 13 ปีแล้ว ณ ตอนนี้อิชั้นมีความสุขดีค่ะ ได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่เรารักและรักเรา ได้ทำโน่นนี่นั่นในสถานที่ๆชอบ จะเอาอะไรอีกล่ะ และขอฝากข้อความเหล่านี้ไว้หน่อยนึง ก๊อปมาจากกูเกิ้ลค่ะ นำไปใช้ได้ในชีวิตจริงๆ
Create Date : 25 สิงหาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 25 สิงหาคม 2562 17:32:09 น. |
Counter : 1525 Pageviews. |
|
|