sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
12 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๓๐ สายฝนชโลมบนภูผา



พระจันทร์สีนวลเพียงครึ่งเสี้ยวส่องแสงเรืองรองอยู่ไกลลิบ...เสียงเครื่องดนตรีดังแว่วอยู่ไกลๆ บอกกลายๆ ว่าทั่วทั้งบริเวณกำลังเป็นโลกของเขาและเธอ

ร่างสองร่างที่แนบสนิทค่อยๆ รูดลงสู่ผืนทราย...เตชินทร์ใช้มือข้างหนึ่งรัดเอวบางไว้แน่น...อีกข้างประคองศีรษะดันเข้าหาตัว...และจูบเธออย่างเอาเป็นเอาตาย...

“ผมจะขาดใจตายเสียให้ได้เมื่อคิดว่าคุณอยู่กับนายวิน”

ชายหนุ่มบอกเมื่อถอนริมฝีปากออกแต่ยังเกลี่ยปลายจมูกไปตามแก้มเนียนใสแล้วลากไล้ไปเรื่อยๆ ก่อนวกกลับมาที่ริมฝีปากนุ่มอีกครั้งแล้วจูบหนักๆ ไปตามแรงปรารถนา

“ทำไมถึงคิดว่าฉันอยู่กับเขาล่ะคะ”

เธอถามเมื่อเตชินทร์ถอนริมฝีปากออก...ชายหนุ่มยกนิ้วเชยคางเธอขึ้น...จ้องลึกเข้าไปในดวงตาฉ่ำหวานก่อนจะเลื่อนไปตามวงหน้าและหยุดนิ่งที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มหวานละไม

“ครั้งสุดท้ายผมเห็นคุณคุยอยู่กับเขา แต่พอหันไปอีกทีพวกคุณก็หายไปแล้ว”

ดวงตาคมกริบจ้องนิ่งที่กลีบปากงามแล้วโน้มใบหน้าลงช้าๆ อย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะแนบลงเคล้าเคลียริมฝีปากนุ่มอย่างดูดดื่ม...เวลาผ่านไปช้าๆ ลมหายใจของทั้งคู่เต้นแรงเร็วรับกับห้วงหฤหรรษ์ที่กำลังดำเนินอยู่

นารีรายณ์หยัดกายขึ้นเมื่อใบหน้าของชายหนุ่มลากไล้ไปตามลำคอระหง จนอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นเปลี่ยนเป็นแรงราคะจนโหมกระพือขึ้นทุกขณะ

“คุณ...เต้...อย่า...”

ร่างเปรียวขยับจะพลิกตัวเมื่อใบหน้าคมคายเลื่อนตำลงมาหยุดอยู่ตรงทรวงนุ่ม...แต่ถูกอีกฝ่ายกักเอาไว้แน่นหนา

“ผมรักคุณเหลือเกิน...”

“ระหว่างคุณกับเงาคนไหนรักป่านมากกว่ากันคะ”

เธอยิ้มหวานเมื่อเขาถอนริมฝีปากที่ลากไล้อยู่บนทรวงอกขึ้นมอง ท่ามกลางความสลัวของแสงจันทร์ใบหน้าคมสันส่องประกายเจิดจ้า...เต็มไปด้วยอารมณ์รักและปรารถนาอันแรงกล้าเท่าที่บุรุษผู้หนึ่งจะมีได้

“ถ้าถามว่าผมกับเงาใครรักคุณมากว่ากัน...คุณลืมไปแล้วหรือว่าทั้งสองนั่นคือตัวผม หากถามว่ารักมากแค่ไหน...ลองเอาความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งที่รักคุณจนประมาณไม่ได้คูณสองดูสิครับ...แล้วจะได้คำตอบนั้น”

นารีรายณ์มองเขาอยู่นานด้วยความตื้นตันใจ...ขณะใบหน้าคมสันก้มลงมาใกล้แล้วกระซิบชิดริมฝีปากนุ่มนิ่มอีกครั้งและอีกครั้ง...ก่อนจะถอนออกช้าๆ

“แล้วคุณล่ะ...รักผมบ้างไหม...หากต้องเลือกระหว่างผมกับเงาหัวใจของคุณสิ้นสุดอยู่ที่ใคร...บอกให้ชื่นใจหน่อยได้ไหมคนดี”

หญิงสาวไม่ตอบ ดวงตาฉ่ำหวานมองเขานิ่งแล้วยิ้มอายๆ ก่อนจะแทรกปลายนิ้วเข้าไปในเส้นผมนุ่มดกหนารั้งศีรษะเขาลงมาช้าๆ หยัดร่างกายขึ้นแนบทรวงอกอิ่มเต็มกับแผงอกกว้าง แล้วทุกอย่างก็พร่าเลือนเมื่อ แนบริมฝีปากนุ่มเบียดคลึงดูดดื่มริมฝีปากของเขาด้วยจังหวะเร่าและอ่อนหวาน

ชายหนุ่มถึงกับครางลึกเมื่อความรู้สึกของเขากำลังโบยบินอยู่ในห้วงหรรษา...มันสุขล้ำจนมิอาจพรรณนาได้

“นี่เป็นคำตอบของคุณเงาค่ะ...และนี่เป็นคำตอบของคุณเตชินทร์...”

เธอถอนริมฝีปากออกบอกเขาเสียงพร่า...แล้วแนบริมฝีปากทาบทับลงไปใหม่ด้วยจูบแบบเดียวกับเมื่อครู่อีกครั้ง...ด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานและเร่าร้อนพอกัน

เตชินทร์ตอบรับจูบนั้นอย่างชื่นบาน...คำตอบของหญิงสาวทำให้หัวใจของเขาพองขยาย..สิ่งที่กำลังส่งผ่านมากับความเร่าร้อนนั้น...บอกชัดว่าเธอรักตัวตนของเขาที่มีเงาผสานอยู่จนมิอาจแบ่งแยกออกไปได้

‘...โอ...นารีรายณ์...เธอช่างลึกซึ้ง...’

เสียงลมหายใจหอบกระเส่าฟังเร้าอารมณ์นัก...เสียงพร่ำคำรักดังขึ้นผะแผ่วให้ความรู้สึกเร้าใจไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน...สัมผัสจากปลายลิ้นที่ตวัดรัดเกี่ยววาบหวามอย่างออกรสกำลังบอกเขาและเธอว่ามันไม่เพียงพอ...ทั้งสองเบียดร่างเข้าหากันเพื่อดื่มด่ำกับทุกอย่างให้สมกับความลึกซึ้งในอารมณ์

ชายหนุ่มเบียดริมฝีปากดูดดื่มรสหอมหวานจากเรียวปากงามมิรู้เบื่อ มืออุ่นๆ สอดเข้าใต้เสื้อตัวสวย ก่อนจะเคลื่อนสัมผัสไปยังเนื้อเนียนนุ่มด้านใน หญิงสาวยกมือขึ้นรัดศีรษะได้รูปเข้ามากอดไว้แน่นขณะแอ่นร่างรับปลายมือผะผ่าว...ที่นาบไปตามเนื้อผิวเนื้อจนรู้สึกซาบซ่านไหวระริกไปกับแรงปรารถนาที่โหมกระพือ

ทั้งสองกำลังลืมตัวลืมใจพากันล่องลอยไปตามแรงปรารถนาอย่างเป็นสุข...มือแข็งแรงลูบไปทั่วทรวงอกนุ่มหยุ่นก่อนจะเลิกเสื้อตัวสวยขึ้นและปลดปราการออกอย่างใจเย็น...ดวงตาคมกริบจ้องเนินอกอวบอิ่มอย่างตื่นตะลึง...ก่อนแนบริมฝีปากคลอเคลียกับยอดอกสีหวานที่กำลังระริกไหวราวยอดไม้ที่กวัดไกวด้วยแรงลม

สายลมที่โบกพัดหลอมรวมกับเสียงสาดซัดของเกลียวคลื่น...ผสมกลมกลืนเข้ากับจังหวะดูดดึงลิ้มลองความหวานชื่นจากยอดอกอิ่มตึงยิ่งสร้างความสุขสราญให้กับร่างกายที่เรียกร้องรอการผสาน...เสียงครวญของทั้งสองดังขึ้นแผ่วเบา...ความซาบซ่านอุ่นวาบที่วิ่งปราดไปทั่วร่างยิ่งกระตุ้นไฟปรารถนาให้ร้อนแรง

“ดะ...เดี๋ยวค่ะคุณเต้”

นารีรายณ์รวบรวมสติกระเจิดกระเจิงให้กลับมาอยู่ในที่ในทาง เธอร้องห้ามเสียงหลงเมื่อผ่ามือหนากำลังป้วนเปี้ยนอยู่กับขอบกางเกง และอะไรบางอย่างที่เสียดสีอยู่ตรงจุดวาบหวามกำลังแสดงศักยภาพจนปลุกสัมปชัญญะของเธอให้ตื่นฟื้น...

“หืม...”

ชายหนุ่มที่อารมณ์เตลิดไปไกลครางรับอย่างไม่เต็มใจ

“เอ่อ...หยุดก่อนค่ะ...เราเดินหน้าไกลไปแล้ว”

คำห้ามของเธอเป็นยิ่งกว่าอุกกาบาตลูกใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่โลก

“โธ่...ทูนหัวเราเดินหน้ายังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ...อีกนิดนะคนดี”

“ไม่ได้ค่ะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเอาไปนินทาได้”

เตชินทร์เงยหน้าขึ้นจ้องใบหน้าตื่นตระหนกด้วยอารมณ์รักที่ยังกรุ่นไม่หาย ก่อนจะมองไปรอบๆ เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าเธอกับเขากำลังพลอดรักกันท่ามกลางแสงจันทร์อยู่ในที่โล่งแจ้ง

“ไม่มีใครเข้ามาที่นี่โดยพละการหรอกจ๊ะ.....เชื่อผมเถอะ”

แม้เกรงว่าอาจจะมีใครโผล่เข้ามา...แต่พอมองไปรอบๆ แล้วเห็นว่า ตรงที่เขาอยู่เป็นอาณาเขตส่วนตัว...ด้านหลังมีต้นลีลาวดีปลูกเป็นแถวยาวซ้ายขวามีพุ่มไม้ขวางกั้นชายหนุ่มจึงคลายใจ

“ผมสัญญาว่าจะไม่พาคุณไปไกลเกินกว่านี้...ขอแค่นี้เท่านั้นคนดี”

เขาบอกพร้อมกับซุกหน้าลงซอกคอของเธอใหม่...และเลื่อนต่ำไปเรื่อยๆ...ฝ่ามือยังเคลื่อนเข้าโอบอุ้มทรวงอกของเธออย่างอ่อนโยน...จนเจ้าของเรือนร่างชักระทวย...เมื่อถูกรุกหนักเข้าเสียงประท้วงจึงเปลี่ยนเป็นเสียงคราง...อย่างเร้าอารมณ์จนยากหยุดยั้ง...ยามเรียวปากร้อนระอุเลื่อนลงจูบและดูดดื่มทรวงงามด้วยจังหวะถี่ระรัวหญิงสาวก็ยิ่งลืมตัวลืมใจ

เตชินทร์ลากลิ้นฉกไล้ไปมาอย่างเชิญชวน...จนร่างเปรียวบางเผลอขยับไปตามจังหวะชักจูงนั้น เสียงลมหายใจของทั้งคู่ดังกระเส่าจนใกล้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเข้าไปทุกที...ริมฝีปากที่จูบไซ้อยู่บนทรวงอกค่อยๆ ไล้ต่ำลงไปเบื้องล่าง...ใบหน้าเรียวละมุนเงยขึ้นบิดเร่าร่างกายอย่างรัญจวน ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายลิ้นชุ่มชื้นลากวนอยู่บนหน้าท้อง...

“ไม่ค่ะ...พะ...พอ...คุณ...เต้...พอ”

เธอห้ามเสียงสั่นเมื่อปลายนิ้วของชายหนุ่มกำลังรุกรานปราการด้านล่าง

“ขออีกนิด...นิดเดียวคนดี”

ชายหนุ่มขอร้องเสียงอ้อน

“ไม่ได้ค่ะ”

แม้ร่างกายจะเตลิดเกินกว่าครึ่งทาง...ส่วนหัวใจเทไปให้เขาจนหมด...พอนึกถึงความไม่เหมาะสมเธอจึงเริ่มขัดขืน แต่ทุกอย่างก็พร่าเลือนเมื่อริมฝีปากได้รูปแนบสนิทลงมาอีกครั้ง จนทำให้เสียงห้ามที่ผุดออกมาจางหาย

นารีรายณ์บิดร่างกายเรียกร้องอย่างเพลิดเพลิน เมื่อชายหนุ่มเดินหน้ารุกหนักอีกครั้ง จนไม่แน่ใจว่า

สิ่งที่ทำให้เธอเคลิ้มเคลิ้มไปกับสัมผัสอันซาบซ่านนั่น มันเกิดจากความมึนเมาของกลิ่นแอลกอฮอล์หรือเพราะความเร่าร้อนของอารมณ์ที่โหมขึ้นกันแน่

หญิงสาวยังคงหลงใหลไปกับรสชาติของจูบอันเร่าร้อน...และดื่มลิ้มชิมรสริมความหวานจากฝีปากร้อนระอุอย่างไม่รู้เบื่อ ความรู้สึกหวามไหวพุ่งขึ้นสูงแผ่ซ่านไปทั่วทุกขุมขน เบียดร่างขึ้นหาอกอุ่นอย่างไม่อาจระงับจนยินยอมปล่อยกายให้เขาเล้าโลมตามแรงปรารถนา

ขณะทุกอย่างกำลังดำเนินไป อยู่ๆ มือที่กำลังรุกรานปราการด้านล่างก็หยุดชะงัก เมื่อนึกถึงความเหมาะสม...ให้ตายเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงทำอะไรแบบนี้....เตชินทร์นิ่งอึ้งเขาปล่อยตัวปล่อยใจให้หลงระเริงไปกับไฟพิศวาสจนไม่คำนึงถึงสถานที่เชียวหรือ...

เมื่อสำนึกได้ชายหนุ่มจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อดับอารมณ์บ้าคลั่งให้อยู่อย่างสงบ...แม้ใจอยากบุกตะลุยแค่ไหน...แต่เมื่อนึกถึงหญิงสาวและญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเธอความรู้สึกถูกผิดจึงมีมากกว่าอารมณ์ใคร่...

พอคิดได้จึงตัดสินใจยุติทุกอย่างแล้ววางเฉยกับอารมณ์ดิบของตัวเอง...โดยไม่สนใจสักนิดกับความทุกข์ทรมานที่ร่างกายใกล้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะแรงอัดจากอารมณ์ที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย

นารีรายณ์จ้องใบหน้าคมสันประกายตาเหม่อลอยอย่างไม่เข้าใจเมื่อเดือนดาวนับร้อยที่วับวาวอยู่ๆ ก็เลือนหาย จนเหมือนความสุขที่เธอไขว่คว้าไว้เมื่อครู่ได้หลุดลอยจนไม่อาจเอื้อมไปถึง

“ทูนหัว...ผมขอโทษที่ต้องหยุดทุกอย่างไว้ก่อน...แต่สัญญาว่าหากทุกอย่างเรียบร้อยผมจะพาคุณท่องไปให้ไกลจนสุดปลายฟ้าเลย...ขอโทษนะคนดี”

ชายหนุ่มมองดวงตาเวิ้งว้างอย่างเห็นใจ...กัดฟันข่มอารมณ์บอกออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วรั้งร่างเปรียวบางเข้ามากอดไว้ในอกเพราะสงสารเธอจับใจ

“ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ...คุณป่านอย่าโกรธผมเลยนะ”

แม้ทุกอย่างไม่ได้ล่องลอยไปตามแรงปรารถนา แต่นารีรายณ์ก็พอใจและถอนใจอย่างโล่งอกขณะจ้องใบหน้ามคมสันอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่เธอโลดแล่นจนหลงลืมทุกอย่างแต่เขากลับสกัดกลั้นตันหาของตัวเองและคงทุกอย่างไว้ได้อย่างน่านับถือ...

เตชินทร์จัดการแต่งตัวหญิงสาวให้เหมือนเดิม เพราะเกรงว่าหากเธอยังอยู่ในสภาพล่อแหลมเขาอาจจะห้ามตบะไว้ไม่ไหว...จนทำให้ทุกอย่างหวนกลับมาใหม่อีกครั้ง

“คืนนี้ดาวสวยจัง...ขอผมนอนกอดคุณดูดาวสักคืนนะคนดี...”

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางชายหนุ่มจึงชี้ชวนนวลน้องให้จ้องดาวเดือนเพื่อดับอารมณ์ที่พุ่งขึ้นให้อยู่ในระดับปกติ

“ดาวมันก็สวยอย่างนี้ทุกวันอยู่แล้วนี่คะ”

“แต่คืนนี้สวยเป็นพิเศษ...เพราะผมได้นอนดูอยู่กับคนที่ผมรัก...คุณป่านเห็นไหมนั่นดาวตก”

เตชินทร์บอกอย่างตื่นเต้น...เมื่อเห็นดาวดวงหนึ่งพุ่งลงมาชั่วแวบ

“ดาวตกจริงๆ ด้วย”

หญิงสาวบอกน้ำเสียงตื่นเต้นไม่ต่างกัน

“คุณป่านเราแต่งงานกันนะ...แต่งงานกับผมนะคนดี...”

เขาช้อนคางเธอขึ้น...ไล้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มเนียนนุ่มไปมา...ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง...

“ทำไมไม่ตอบ...เมื่อกี้ตอนดาวตกผมอธิฐานขอให้คุณตอบว่าตกลง...ทูนหัวอย่าทำให้คำร้องขอของผมไร้ความหมายสิ...หืม...ว่าไง”

“ป่านกำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะเรียกสินสอดสักเท่าไรดี”

เธอตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคักเมื่อเตชินทร์ร้องไชโยเสียงลั่นหาด ก่อนจะก้มลงจูบเธออีกครั้งอย่างดูดดื่มด้วยความยินดี

“ต่อไปผมจะบอกลูกของเราว่าเรื่องขอพรดวงดาวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อ้อ...เมื่อกี้ผมขอพรไปสองข้อพอได้ข้อที่หนึ่งแล้วมันก็ต้องตามด้วยข้อต่อไปใช่ไหมคนดี...”

“คุณขออะไรคะ”

“ผมขอให้คืนนี้ได้จูบคุณทั้งคืนครับ...”

และพรข้อต่อไปของชายหนุ่มก็ถูกเรียกร้องขึ้นอีกครั้ง...และอีกครั้ง...ทุกครั้งยามริมฝีปากรุมร้อนแนบลงหาเรียวปากเรียวงาม...เสียงครางก็ดังประสานกันเบาๆ หัวใจสองดวงเอิบอิ่มไปกับความซ่านสุขแสนหวาน ล่องลอยอยู่ในโลกของกันและกันด้วยความชุ่มฉ่ำราวกับสายฝนที่ชโลมลงบนภูผา...เมื่อความเปียกชื้นแผ่ซ่านทุกอย่างจึงแตกยอดพลิใบ...เฉกเช่นความรักของเธอและเขาที่จะเบ่งบานไปตราบชั่วชีวิต

ทั้งสองนอนดูดาวอีกชั่วครู่ ชายหนุ่มก้มดูนาฬิกาพอเห็นว่าล่วงเข้า 3 ทุ่มเศษจึงหันกลับไปมองคนในอ้อมกอดด้วยความรักอันสุดซึ้ง เมื่อเห็นว่าออกมานานและอารมณ์ใคร่ถูกความรักควบคุมจนทุกอย่างสงบนิ่ง เขาจึงตัดสินใจชวนเธอกลับเข้าไปในงานเพราะเกรงว่าขืนยังอยู่ด้วยกันต่อทุกอย่างอาจเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง

นารีรายณ์เงยหน้ารับจุมพิตที่แนบสนิทลงมาอีกครั้งด้วยความรักและศรัทธามากขึ้น...เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกทั้งสองจึงลุกขึ้นเดินเกี่ยวก้อยกลับไปที่งาน


ปิ่นนารีเดินรีบๆ ไปยังบ้านพักพอถึงจึงไขกุญแจเข้าไปทันที โดยมีภูมิรพีเดินตามไปติดๆ หญิงสาววางกุญแจบ้านลงบนโต๊ะกวาดตามองไปรอบๆ

“อ้าว...ป่านไม่อยู่นี่”

เธอหันไปทางประตู ภูมิรพีกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะผุดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ดวงตาเจิดจ้าจ้องใบหน้าสวยหวานของหญิงงามเบื้องหน้าด้วยประกายตาวาววับ...หึ...หึ...ส้มหล่นแล้วสิเรา…

เมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา...ดวงตาเจ้าเล่ห์จ้องโอกาสงามๆ ยืนนิ่วหน้าห่างออกไปอย่างมีความหมาย....แล้วกระซิบบอกตัวเองว่าอย่าได้ทิ้งโอกาสงามๆ เด็ดขาด...ก่อนจะยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปกดล็อกประตู

แกร็ก!

พอได้ยินเสียงกดล็อกประตูหญิงสาวจึงหันไปขวับไปมองหน้าคนรัก พอเห็นรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจปลาย่างผู้โชคร้ายจึงจ้องแมวตัวใหญ่ตาเขม็ง

“คุณจะทำอะไร!”

ปิ่นนารีถามพร้อมขยับถอยไปด้านหลัง...จนขาสะดุดเข้ากับเตียง ชายหนุ่มไม่ตอบ...เดินเข้าไปหาใช้แรงที่มีมากกว่า..ตวัดเอวคอเล็กแล้วดึงเข้าหาตัวอย่างถือสิทธิ

“ผมอยากกอดคุณใจจะขาดแล้วเมียจ๋า”

เขากระซิบ...ลูบฝ่ามือไปทั่วแผ่นหลังบอบบางอย่างอ่อนโยน...ขณะอีกมือรัดเอวคอดเอาไว้แน่น...ก่อนจะโลมลูบฝ่ามือไปตามเรือนร่าง...ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่คาง...ใช้ปลายนิ้วแข็งแรงเชยขึ้นช้าๆ แล้วแนบริมฝีปากลงทาบทับ

“เมียจ๋า...เรามาเที่ยวทะเลบรรยากาศดีแบบนี้...ฮันนีมูนกันนะ”

ชายหนุ่มกระซิบขอเสียงพร่า ขณะเบียดร่างเข้าหา

“ไม่ได้...กฎต้องเป็นกฎค่ะ”

“โอย...ผมจะขาดใจตายแล้ว...ทิ้งกฎไปสักวันเถอะนะ...นะจ๊ะ”

ภูมิรพีตบะกระเจิดกระเจิงจนกู่ไม่กลับยังยืนยันกับความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของตัวเอง

“ไหนคุณบอกว่าจะยอมตามใจปิ่นทุกอย่างไงคะ”

พอเห็นประกายตาของชายหนุ่มดูแวววาวจนน่าผวาหญิงสาวจึงหยิบยกข้อตกลงขึ้นมาเป็นกำแพง

“ถ้าอย่างนั้นผมไม่ขออะไรมากนอกจากจูบเดียว...นะจ๊ะ”

ภูมิรพีกระชับวงแขนแน่นขึ้น...ก่อนจะก้มหน้าลงจูบเธอด้วยจังหวะเชื่องช้าในคราแรกแล้วเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนจนเสียงหวานๆ ครางขึ้นเบาๆ เมื่อถูกกระตุ้นอารมณ์ด้วยจุมพิตตามแบบฉบับของเขา

รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดพรายออกจากมุมปากคนเจ้าเล่ห์ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนอย่างภูมิรพีไม่เคยหยุดได้ที่จูบเดียว...

แรงสัมผัสหนักหน่วงจากริมฝีปากอบอุ่นของชายหนุ่มกระตุ้นให้ร่างเพรียวบางที่กำลังขัดขืนเริ่มอ่อนแรง จนเผลอส่งเสียงครางในลำคออย่างมีความสุข ก่อนเบียดร่างเข้าหาแรงโอบกอดแผ่วเบาราวกำลังตกอยู่ในห้วงฝัน

ดวงตาคู่หวานหลับพริ้มเมื่อรสพิศวาสที่ห่างหายไป กลับมาอยู่ในความทรงจำอีกครั้ง ทำให้รู้สึกเอิบอิ่มยามอยู่ในอ้อมกอด...วงแขนแข็งแรงโอบรัดร่างเล็กราวกับงูรัดเหยื่อ ปากร้อนๆ แตะแต้มไปยังแก้มอิ่มระเรื่อ ลากต่ำเรื่อยไปยังลำคอหอมกรุ่น หญิงสาวตอบสนองอารมณ์รักชั่วครู่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร คนร่างเล็กจึงพยายามดิ้นรนหากไร้ผล...

“ขอชื่นใจอีกนิด...นะเมียจ๋า”

ภูมิรพีออดอ้อน ทั้งไม่ยอมหยุดกอดรัดและยังฝากรอยจูบไปตามลำคอระหงและซุกไซ้ไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ ขณะสอดมือเข้าไปในเสื้อลูบไล้เนื้อผิวนวลผ่องแผ่วเบาแล้วเลิกขึ้นช้าๆ ก่อนประทับริมฝีปากสัมผัสเนื้อนวลที่ถูกเผยออกทีละนิดๆ จนร่างงามเปิดเปลือยเมื่อเสื้อตัวสวยหลุดออกไป

ปิ่นนารีเบี่ยงกายหนีด้วยความขัดเขิน แต่แล้วก็ต้องระทวยระคนวาบหวามเมื่อปลายนิ้วอุ่นจัดซุกเข้าปลดตะขอเสื้อชั้นใน ขณะฝ่ามืออีกข้างเคลื่อนเกาะกุมทรวงอกข้างหนึ่งและเริ่มหยอกล้อกับปลายยอดอย่างถนอม เมื่อปราการด้านบนถูกกำจัดชายหนุ่มจึงประทับริมฝีปากลากไล้ไปตามยอดทรวงขณะดูดกลืนความนุ่มหยุ่นเข้าสู่อุ้งปาก

ยามเขากวาดปลายลิ้นวนไปรอบๆ ยอดอกสีสวยและเริ่มออกแรงดูดเบาๆ หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกสะท้าน...แอ่นอกตามด้วยความซ่านสยิว

ชายหนุ่มยังคงรุกรานจุดอ่อนไหวด้วยจังหวะไหวระรัว ภูมิรพีเล้าโลมกายสาวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนพลิกตัวหญิงสาวให้เปลี่ยนมานอนราบบนตัว ทาบฝ่ามือข้างหนึ่งกับสะโพกงามงอนก่อนจะบีบเคล้นเนื้อเต่งตึงและกดดันให้เรือนร่างเย้ายวนแนบแน่นกับแก่นกายที่เริ่มตื่นตัว

ขณะอีกมือกดศีรษะได้รูปและจูบเธออย่างเรียกร้อง...จนหญิงสาวเผลอตอบสนองเขาอย่างหมดใจ ร่างเพรียวบางเบียดลงกับอกกว้างจนกล้ามเนื้อเต้นระริกกระตุกไหวก่อนจะข่มกลั้นความต้องการและพยายามหักห้ามใจ

เธอพยายามยับยั้งห้ามปรามไม่ให้ไฟปรารถนาลุกโซน แต่เมื่อกางเกงขาสั้นถูกรูดลงพร้อมปราการตัวจิ๋วทุกอย่างก็พร่าเลือน ภูมิรพีรุกเร้าริมฝีปากอิ่มชื้นด้วยจังหวะโหมกระหน่ำราวพายุ ยามปลายลิ้นเขาเกลี่ยไล้ตวัดรัดปลายลิ้นนุ่มเธอก็ยิ่งเบียดรัดเขาแนบแน่น

เสียงครางอือออในลำคอของหญิงสาวยิ่งเพิ่มแรงโหมของห้วงอารมณ์จนผู้นำทางแทบระงับความต้องการไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มพลิกร่างเพรียวบางทาบลงบนที่นอนนุ่มผละออกชั่วครู่เพื่อถอดเสื้อออกจากตัว

“คุณภูมิ...จะทำอะไร...”

ภูมิรพีไม่ตอบแต่มองปลาย่างตรงหน้าอย่างมีเลศนัย จนหญิงสาวรีบถดกายถอยหนี...หากช้ากว่าริมฝีปากที่ทาบทับลงมาโลมเล้ากลีบปากชื้นนุ่มก่อนจะลากไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ

ชายหนุ่มเริ่มเลียไล้ยอดอกข้างหนึ่งก่อนจะดูดกลืนเข้าไปในอุ้งปากแล้วลากวนปลายลิ้น จนหญิงสาวห่อปากด้วยความซ่านทรวงขณะเคลื่อนไหวเสียดสีขาเรียวยาวกับท่อนขาแข็งแรงอย่างระงับความปรารถนาไว้ไม่อยู่

“คุณ...ภูมิ...พะ...พอ”

และเสียงห้ามเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางครวญขึ้นเบาๆ เมื่อปลายลิ้นอุ่นชื้นตวัดรัดรึงยอดทรวงงามอีกข้างด้วยจังหวะที่รัวเร็วจนเธอเผลอขยุ้มเรือนผมหยักหนาไว้แน่น

ขณะปล่อยอารมณ์ให้ลอยละล่องไปกับความหฤหรรษ์ หญิงสาวก็แทบ
ตัวลอยเมื่อฝ่ามือร้อนระอุกดคลึงเนินเนื้อสาวอย่างเว้าวอน จนหญิงสาวเริ่มชุ่มฉ่ำ เธอบิดตัวเกร็งรับนิ้วเรียวยาวของเขาที่กำลังทำหน้าที่สอดแทรกเข้าหยอกเย้า

“คุณภูมิ...ปิ่น...”

หญิงสาวเว้าวอนเสียงแหบพร่า...และเขารู้ดีว่าคำพูดที่ละไว้
หมายถึงอะไร

“เมียจ๋า...ผมไม่อยากทำผิดต่อคุณ”

“แต่ปิ่น...ทนไม่ได้แล้ว...”

“...แต่กฎต้องเป็นกฎนะจ๊ะ”

“คุณภูมิขา...ได้โปรดเดี๋ยวนี้ค่ะ...ปิ่นอนุญาต...เดี๋ยวนี้...”

ภูมิรพียิ้มกว้างจนแก้มแทบฉีก...แค่นี้ก็รอดตายแล้ว...ในเมื่อปลาวาฬเพชฌฆาตประกาศให้เดินหน้า...แมวตัวใหญ่อย่างเขามีเหรอจะชักช้าให้เสียเวลา

ชายหนุ่มลุกขึ้นแกะกระดุมด้วยความกระหยิ่มใจ...พอจะรูดซิปลง...เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ช่างก่อน...เมียจ๋าต่อเถอะ...”

แม้จะถูกสกัดแต่แมวร้ายก็ไม่คิดล้มเลิก ขณะปิ่นนารีจ้องบานประตูด้วยความตื่นตกใจ เสียงใสๆ ของก้างชิ้นใหญ่ก็ดังขึ้น

“พี่ปิ่น...อยู่หรือเปล่า...”

และเสียงที่ตามมา พร้อมกับเมียสุดที่รักลนลานควานหาเสื้อผ้าหน้าตาตื่นตระหนก ..ก็ทำเอาสวรรค์ที่เปิดโล่งก็ถึงกับล่มลงโดยไม่คาดคิด

“พี่ปิ่น...คุณแม่ให้มาตามค่ะ”

...นั่นเสียงแม่ปลาฉลาม...โอย...ใครมันปล่อยปลาฉลามขึ้นมาบนบกจนเป็นก้างชิ้นใหญ่วะ...โธ่หมดกัน...

ชายหนุ่มจ้องชิ้นปลามันที่พร้อมเสิร์ฟด้วยความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากจนแทบเดินไปเปิดประตูแล้วว้ากแม่ก้างชิ้นโตให้หายเคือง

แต่ก่อนจะอ้อนหรือเว้าวอนปิ่นนารีก็ขานรับและจัดการแต่งตัวเรียบร้อย...โดยมีสายตาแมวผู้โชคร้ายมองตามตาละห้อยอย่างเสียดาย....




Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2554 22:40:54 น. 9 comments
Counter : 1400 Pageviews.

 
วันนีอัพดึกเลยค่ะเพราะเพิ่งเขียนเสร็จ.....วันจันทร์งดอัพนะคะ เพราะติดแข่งกีฬา...ใครลุ้นคู่หนูปอ....เจอกันวันอังคารค่ะ....

ฝันดีนะคะทุกคน


ฮี่ๆ....ภาพยังหวิวอย่างต่อเนื่อง......


โดย: sansook วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:43:12 น.  

 
happy valentine 's day


โดย: nangjai1 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:54:07 น.  

 
สงสารคุณเต้กับคุณภูมิจัง


โดย: raimee IP: 118.173.83.73 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:47:34 น.  

 
หึ ๆ ไม่ว่าจะแมวหรือกระรอก อดกันทั่วหน้า ...

นู๋เอ๋ สู้ ๆ


โดย: jee IP: 223.207.130.206 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:43:41 น.  

 
เฮ้ออออออออออคุณภูมิเอ้ยยยยยย ทั้งขำ ทั้งสงสาร


โดย: เอิงเอย IP: 118.172.8.107 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:04:10 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณเอิงเอย ทั้งขำ ทั้งสงสาร
แต่หนูเชียร์พี่เต สุดใจ
นายภูมิกินไปหลายรอบแล้ว สมน้ำหน้า
สวรรค์ล่ม 55++


โดย: googie IP: 203.146.71.70 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:28:14 น.  

 
อดอีกแล้วพี่ภูมิ อิอิ


โดย: บ่าบี๋ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:00:42 น.  

 


มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: แมวเหมียวก้อย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:46:08 น.  

 
555 ขำอ่ะ ก้างปลาฉลามติดคอ อย่างแรง


โดย: bijin วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:38:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.