sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๑๐ มิตรภาพ



ภูมิรพีทั้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวอย่างปลงไม่ตก ดวงตาวับวาวเบิกโพลงอยู่ในแสงสลัว ก่อนจะเหลือบไปทางเตียงแล้วถอนใจยาว...เขาจะทนได้สักกี่น้ำกับปลาย่างหอมฉุยที่ถูกปิดล็อกอย่างแน่นหนาอยู่ในกระป๋องนั่น

ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อนึกถึงของต้องห้ามที่นอนหลับไปพักใหญ่หลังจากนอนร่วมห้องกับปิ่นนารีมาสามคืนสิ่งที่กำลังทำให้เขาเป็นบ้าเป็นหลังก็คือกลิ่นหอมละมุน ของกายสาวที่กรุ่นกำจายอยู่ในความรู้สึก...โอย...แค่คืนที่สามเขาก็จะคลั่งเสียให้ได้...

“คุณปิ่นนอนหรือยัง?...คุณปิ่นครับ...”

หลังจากหญิงสาวเงียบเสียงไปพักใหญ่ภูมิรพีจึงลองเรียกดู...เมื่อไม่มีเสียงหวานๆ ขานรับรอยยิ้มบางๆ จึงผุดออกจากมุมปากคนเจ้าเล่ห์ ร่างสูงเด้งตัวลุกขึ้นเรียกเธออีกสองสามครั้ง...จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ตื่นจึงเดินลงเท้าเบาๆ ไปหยุดอยู่หน้าเตียง

ชายหนุ่มพาตัวเองไปยืนนิ่ง มองหญิงสาวที่หลับใหลไม่รู้เรื่องอย่างเสน่หา...ดวงตาคู่คมกวาดมองไปทั่วดวงหน้าหวานแล้วบอกตัวเองว่า...เธอเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว...จนนึกแปลกใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงยังไม่มีใคร เพราะความสวยของเธอสามารถทำให้ผู้ชายตกลงไปในหลุมรักหลุมใหญ่ได้ไม่ยาก

และเขาก็กำลังเป็นหนึ่งในนั้น นับตั้งแต่เลิกกับคู่ควงคนล่าสุดไปเมื่อสามปีก่อน...เขาไม่เคยมีความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนอีก...

เพราะใช้ชีวิตในวัยหนุ่มมาอย่างโลดโผนจึงทำให้เกิดความอิ่มตัวและเบื่อหน่ายกับเรื่องหยุมหยิมของผู้หญิงที่อยู่รอบกาย...จนไม่คิดมองผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากตั้งใจทำงาน...บ่อยครั้งยามออกงานสังคมสิ่งที่พบเห็นจนน่าเบื่อก็คือบรรดาพ่อแม่มักจะพาลูกๆ ของตนมาแนะนำเพื่อผูกไมตรี...แต่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาใจเต้นเท่ากับเธอคนนี้...

“สวยแต่ขี้เซาชะมัด...พ่อแม่เธอคิดยังไงนะถึงได้ปล่อยให้มานอนอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายแบบนี้”

ภูมิรพีพึมพำกับตัวเองพร้อมกับโน้มตัวลงไปหาริมฝีปากอิ่มอย่างลืมตัว...แต่ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบสนิทร่างสูงก็สะดุ้งสุดตัว...แล้วเงยหน้าขึ้นผละออกจากเตียงแทบไม่ทัน

“เกือบไปแล้วไอ้ภูมิ...เกิดแม่คุณตื่นขึ้นมาหัวแตกแน่ๆ....”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าสะเอวชะโงกมองคนที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงอย่างหวาดๆ...ทางบ้านให้เวลาแค่หนึ่งอาทิตย์กับภารกิจนี้...แต่ผ่านมาสามคืนเขายังหาวิธีพาตัวเองขึ้นไปนอนอยู่ข้างๆ เธออย่างสงบไม่ได้เลย...

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพ่อกับแม่คิดอะไรกันอยู่...ให้อยู่ด้วยกันหนึ่งอาทิตย์แล้วรักกันให้ได้เนี่ยนะ...มันบ้าชัดๆ

ภูมิรพีถอนใจลึกอย่างปลงไม่ตก...เธอสวยถูกใจ...ถามว่าชอบไหม...ไม่ชอบก็บ้า...แต่จะให้ปล้ำเธอคนอย่างเขาก็ไม่ถนัดข่มเหงผู้หญิงด้วยวิธีนี้...เพราะมันไม่สมศักดิ์ศรีเลยสักนิดหากได้เมียมากอดด้วยวิธีป่าเถื่อนนั่น...แล้วเวลาแค่ 7 วันมันจะมีวิธีไหนอีกล่ะนั่น...โอย...กลุ้มชะมัด

‘วันนี้ฉันโทรมาเอาคำตอบว่าแกอยากแต่งงานกับน้องเขาไหม?’

คำถามของบิดาดังก้องอยู่ในโสตประสาท...และคำตอบของเขาก็ได้รับเสียงหัวเราะพร้อมกับเสียงตบเข่าดังฉาดตามมาอย่างถูกอกถูกใจ...ก่อนคนที่อยู่อีกฟากจะถามย้ำกลับมา

‘แน่ใจนะเจ้าภูมิว่าต้องการแบบนั้นจริงๆ เพราะพ่อต้องการให้แกแต่งงานแค่ครั้งเดียว...และอยากให้แกมีความสุขกับคู่ชีวิตที่เลือกด้วย’

‘เวลาแค่เจ็ดวันมันคงให้คำตอบไม่ได้หรอกฮะพ่อว่าเธอจะเป็นคู่ชีวิตที่เข้ากับผมได้ไหม...แม้ผมจะชอบเธอจนสามารถพัฒนาเป็นความรักได้ไม่ยาก...แต่ข้อจำกัดเวลานี้อยู่ที่คุณปิ่น...เพราะถ้าเธอไม่ได้รัก แล้วผมบังคับเธอด้วยความพึงพอใจเพียงฝ่ายเดียว...มันก็ไม่แฟร์’

นภดลนิ่งไปชั่วอึดใจ...และตอบกลับมาใหม่ด้วยน้ำเสียงภูมิใจอกภูมิใจ

‘พ่อเชื่อว่าถ้าหนูปิ่นได้แต่งงานกับแกน้องจะไม่เสียใจ...และมีความสุขอย่างแน่นอน...เพราะถ้าแกรู้จักใส่ใจกับความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าคิดเอาแต่ได้พ่อมั่นใจว่าคนอย่างแกจะทำให้เธอรักได้ไม่ยาก...เวลาเจ็ดวันมันอาจจะน้อยไป...แต่ถ้ามุ่งมั่นว่าอยากได้หัวใจเขา...ใช้เจ็ดวันที่มีเปิดประตูให้ตัวเองได้เข้าไปแสดงความจริงใจของเรา...อยากได้ก็หาทางเปิดเอาเองเพราะพ่อแม่ก็ทำได้เพียงเท่านี้...’

ภูมิรพียืนนิ่งปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อย มันก็จริงอย่างที่บิดาบอกไว้...เขามีเวลา 7 วันที่จะทำให้ปิ่นนารีเปิดประตูให้เข้าไป เวลานี้เขามีลูกกุญแจอยู่ 7 ดอก แม้สามดอกที่ใช้ไปจะยังไม่ให้ผลอะไร แต่มันยังเหลืออีกตั้ง 4 ดอกไม่ใช่เหรอ...

ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วถอยหลังกลับไปทรุดตัวลงบนโซฟา และนั่งมองเธอผ่านแสงสีส้มสว่างนวลๆ จากโคมไฟบนหัวเตียง ดวงตาคู่คมเริ่มเหม่อลอยเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝัน...

ภาพสาวงามผมหยิกสลวยในชุดนอนแขนยาวตัวใหญ่สีขาวสะอาดตา เธอเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ ...เขาจำแววตาราวนางกวางสาวยามจ้องมองมาอย่างหวาดหวั่นได้...โอย...อยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั่นชะมัด...ชายหนุ่มเริ่มโอดโอย...พร้อมกับยกมือขึ้นลูบริมฝีปากไปมา...

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อความอบอุ่นบางอย่างแผ่ซ่านไปตามร่างกาย...ราวกับเม็ดเลือดที่อยู่ภายในกำลังเดือดพล่าน แรงปรารถนาเฉกเช่นบุรุษผุดขึ้นอย่างปุบปับจนทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้...เฮ้อ...กลายเป็นไอ้หื่นไปตั้งแต่เมื่อไรกันเรา...

‘เอาเถอะเหลือลูกกุญแจอีกตั้ง 4 ดอก...หึ...หึ...ดอกสุดท้ายถ้าเปิดไม่ได้...งัดก็งัดวะ...คอยดูถ้าเปิดได้เมื่อไรพ่อจะยำปลากระป๋องกินสักสามเดือนให้หายหิวเลยล่ะ...’

ภูมิรพีตั้งปฏิญาณพร้อมกับข่มใจ...ข่มความรู้สึกด้วยการเอนตัวลงนอนปิดเปลือกตาหายใจลึกๆ และกระตุ้นความคิดที่กำลังเตลิดเปิดเปิงให้กลับมาอยู่ในกรอบ แล้วบอกตัวเองว่าในยามนี้เขากำลังนอนอยู่ตามลำพัง...


ค่อนรุ่ง...ปิ่นนารีพลิกตัวเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสวยหวานเบิกกว้างผุดลุกขึ้นอย่างตื่นตกใจ...ก่อนกวาดสายตาสำรวจตัวเองเมื่อเห็นว่าทุกอย่างบนตัวยังอยู่ครบจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เธอจ้องผู้ร่วมชะตากรรมอยู่ในร่างแหเดียวกันที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วถอนใจเบาๆ...เมื่อไรเธอจะชินสักทีว่าไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพัง...

หญิงสาวจ้องมองร่างที่นอนห่างไปหลายฟุตเขม็งอย่างหวาดระแวง...หลังจากอยู่ร่วมห้องกับภูมิรพีมาสามคืนเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่แสดงว่ากำลังเป็นภัย...นอกจาก...

ปิ่นนารีถอนใจ...เมื่อนึกถึงสัมผัสอันน่าตกใจในคืนแรก...จนอดวูบวาบไม่ได้...ใบหน้าคมคายที่ก้มลงมาจนชิดดวงหน้า...ริมฝีปากอุ่นจัดที่แนบประสาน...กำลังทำให้ใจเธอร่วงไปกองอยู่ปลายเท้า...พอดึงมันกลับมาได้หัวใจที่ลอยหวิวก็กระหน่ำเต้นราวกับจะทะลุออกมาด้านนอก...

ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอด้วยวิธีนี้...แม้จะไม่พอใจกับการกระทำอันอุกอาจของอีกฝ่าย...แต่พอนึกถึงเหตุผลเธอก็ได้แต่เก็บความขัดเคืองไว้ภายใน....แล้วบอกตัวเองว่าอย่าเข้าใกล้เขาอีกหากไม่จำเป็น

หญิงสาวลุกจากเตียงย่องไปที่โซฟา...จ้องใบหน้าคมคายอย่างเอาจริงเอาจังเป็นครั้งแรก...ภูมิรพีมีผมหยักศกสีดำสนิท เวลานี้แม้จะยุ่งเหยิงแต่เมื่อรวมกับคิ้วและแพขนตางอนยาวก็ทำให้น่ามองไม่น้อย

ดวงตาสวยหวานยังจับอยู่บนเครื่องหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะไล่ต่ำไปยังริมฝีปากหยักได้รูป...ใบหน้านวลเนียนเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อเมื่อนึกถึงสัมผัสชวนให้เคลิ้มฝันในคืนนั้น...พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครปิ่นนารีถึงกับสะดุ้งแล้วถอยร่นไปข้างหลัง...ก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังดำดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ

พอเสียงประตูปิดงับ...คนที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น...รอยยิ้มชนิดหนึ่งผุดออกจากมุมปากของชายหนุ่ม...

‘เย็นไว้ภูมิเอ๋ย...ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามท่องไว้ๆ...’

ปิ่นนารีเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเหม่อลอย เพราะกำลังเครียดกับเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นจึงทำให้เธออยากผ่อนคลาย หญิงสาวเดินไปผสมน้ำลงในอ่างอาบน้ำและไม่กี่นาทีร่างเปล่าเปลือยก็ก้าวลงไปแช่ตัวอยู่ในนั้น

เวลาล่วงเลยนับชั่วโมง...เมื่อเห็นว่าได้เวลาเธอจึงลุกขึ้นเงยหน้ารับสายน้ำแล้วปล่อยให้ความชุ่มฉ่ำไหลผ่านร่างกายไปด้วยความชื่นมื่นในอารมณ์...

หญิงสาวเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวพันร่างกายดึงหมวกพลาสติกแขวนไว้ข้างกระจก...แล้วเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว...

ภูมิรพีหันขวับไปทางห้องน้ำทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู...ริมฝีปากหยักได้รูปเผยอออกจากกันอย่างตื่นตะลึง...ภาพหญิงสาวสวยหมดจดตั้งแต่ตัวจรดเท้ายืนหน้าตื่นอยู่ห่างออกไปทำเอาเขาแทบหลุดออกจากตบะ

“อุ๊ย!!”

หญิงสาวอุทานพร้อมกับผลุนผลันกลับเข้าไปใหม่

ชายหนุ่มต้องถอนใจลึกเมื่อภาพร่างเพรียวบางที่มีผ้าขนหนูพันเอาไว้หมิ่นเหม่อวดช่วงขาเรียวยาวงดงามไปจนถึงฝ่าเท้าบอบบางกำลังลอยวนอยู่ในความทรงจำ...แม้ชั่วเวลาที่เห็นจะเกิดขึ้นเพียงแวบเดียวแต่น่าแปลกที่เขากลับจำทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอได้อย่างชัดเจน

“ผมขอโทษ...เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกคุณเปลี่ยนผ้าเสร็จค่อยออกไปเรียกก็แล้วกัน”

ภูมิรพีเดินไปยืนบอกอยู่หน้าประตูหลังจากระงับความพลุ่งพล่านที่แตกกระเจิงให้กลับเข้าที่เข้าทางได้สำเร็จ พออีกฝ่ายขานรับชายหนุ่มจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องไปพร้อมกับถอนใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อความต้องการกับสถานการณ์กำลังเดินสวนทางกันอย่างหนัก...

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความระทึกใจ ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบแล้วจมอยู่ในห้วงความคิดของตัว จวบจนได้เวลาอาหารเช้า
“อีกสองชั่วโมงเราต้องเข้าเจรจากับทีมบริหารของโตเกียวกรุ๊ฟคุณพร้อมแล้วใช่ไหม?”

ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ

“พร้อมค่ะ...”

เธอทอดมองผู้ชายตรงหน้าแล้วยิ้ม และรอยยิ้มนั่นกำลังทำให้คนที่เห็นหัวใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้...ภูมิรพีจ้องริมฝีปากอิ่มสีสวยอย่างเผลอไผล...จนคนถูกมองต้องหลบตาด้วยความขวยเขิน

“ผมขอโทษ...ที่เสียมารยาทจ้องคุณนานไปนิด”

แมวตัวใหญ่รีบบอกเมื่อเห็นท่าทางของปลาย่างสาวเริ่มหวาดระแวง

“แต่รู้ตัวไหมว่าคุณเป็นคนที่ยิ้มสวยมาก...”

ภูมิรพีบอกไปตามความรู้สึก

“งั้นเหรอคะ”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นและยุติบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับขึ้นห้องไป

เวลา 10 นาฬิกาทั้งสองจึงกลับออกมาใหม่และเรียกลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรมเพื่อเข้าร่วมประชุมกับทีมเจรจาจากโตเกียวกรุ๊ฟ เมื่อก้าวเข้าห้องประชุมปิ่นนารีถึงกับเบิกตาขึ้นอย่างยินดีเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังลุกขึ้นต้อนรับ...

“อ้าวคุณยูริ...สวัสดีค่ะ”

เธอทักทายอย่างยินดี

“สวัสดีค่ะคุณปิ่นคุณภูมิ...เชิญนั่งก่อนสิคะ”

ยูริทักทายตอบพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญ

ภูมิรพีก้มศีรษะเล็กน้อยเชิงทักทายแล้วเดินไปขยับเก้าอี้ให้กับปิ่นนารีพอหญิงสาวนั่งเรียบร้อยเขาจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ

พอทุกคนนั่งประจำที่ยูริจึงแนะนำตัวแทนที่เข้าร่วมเจรจาซึ่งเป็นชายอายุราวห้าสิบต้นๆ สามคนและชายหนุ่มอายุราวสามสิบห้าอีกหนึ่งคน พอทุกคนทำความรู้จักและรู้ว่าใครเป็นใครการเจรจาก็เริ่มขึ้นทันทีเมื่อยูริแจกแฟ้มงานแล้วกลับไปนั่งที่ของเธอ

หลังจากนั่งอ่านเอกสารได้สักพักปิ่นนารีจึงเหลือบตามองผู้ชายในชุดสูทเต็มยศด้านข้างอย่างไม่สบายใจเมื่อพบว่าปัญหาที่อัดแน่นในมือไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ อย่างที่เธอคิด

“ทางคุณคงมองว่าเวลาที่ช้าล่าแค่วันสองวันมันอาจจะไม่ได้ก่อความเสียหายให้กับทางเรา”

ชายวัยกลางคนเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเมื่อเห็นว่าคู่เจรจารุ่นลูกทั้งสองวางแฟ้มเอกสารลง

“ทางเราทราบดีครับว่าอย่างไรก็ต้องเกิดความเสียหายกับทางนี้เมื่อสินค้าเดินทางมาไม่ทันกำหนด”

ภูมิรพีตอบน้ำเสียงฉะฉาน

“แล้วคุณจะทำยังไงกับความเสียหายเหล่านี้”

“ผมกำลังพยายามเจรจาเพื่อหาทางออกกับท่านอยู่นี่ยังไงล่ะครับ...จากรายงานในเอกสารผมมองว่าทางคุณระบุความเสียหายเกินกว่าความเป็นจริงมากไปสักหน่อย”

“ไม่เกินไปหรอกครับ เพราะความเสียหายนั่นเป็นแค่ประมาณการเฉพาะสินค้าของเราที่ส่งไปยังยุโรปและอเมริกาเท่านั้น...เรายังไม่รวมความเสียหายในเอเชียด้วยซ้ำ”

ทีมเจรจาทั้งหมดจ้องหน้าภูมิรพีเขม็งพร้อมกับรอฟังว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรต่อ
“จากรายงานในเอกสารดิฉันพบว่ามูลค่าความเสียหายที่ทางคุณกล่าวอ้างยังไม่ชัดเจนพอ เพราะจากข้อมูลด้านการผลิตของคุณมันขัดแย้งกับข้อมูลที่ทางเราทำการบ้านมา...เกือบสองเท่าตัวนะคะ”

ปิ่นนารีพูดขึ้นบ้าง

“คุณจะมารู้ดีเท่าเราได้ยังไง...และข้อมูลนั่นคุณไปเอามาจากไหน? ”

ชายหนุ่มที่ชื่อทามาดะพูดขึ้น และคำถามของเขาก็ได้รับคำตอบเป็นเอกสารปึกเล็กที่ปิ่นนารีกำลังยื่นให้กับยูริเพื่อนำไปแจกให้คู่เจรจา

ภูมิรพีหยิบเอกสารที่เขาไมเคยรู้ว่าอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมมาอย่างดีด้วยความทึ่ง เพราะจากฐานข้อมูลในมือเห็นชัดว่าสามารถอัดกลับอีกฝ่ายได้อย่างไม่ต้องสงสัย...และหากเอาสิ่งที่มีเข้ามารวมกับเอกสารที่เขาเตรียมมามันก็จะพลิกให้พวกเขาชนะการเจรจาในครั้งนี้ได้โดยไม่ยาก

หลังจากตอบโต้กันด้วยเอกสารที่ต่างฝ่ายต่างงัดขึ้นมาแสดงอยู่พักใหญ่ ทำให้ภูมิรพีอยากยกนิ้วให้กับคนคิดแผนนี้ ชายหนุ่มหันไปมองใบหน้าสวยหวานภายใต้เครื่องสำอางสีสันสดใสอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นความเฉลียวฉลาดและรู้เท่าทันเกมธุรกิจของฝ่ายตรงข้าม เพราะหญิงสาวสามารถปิดช่องโหว่ทุกจุดของตัวเองด้วยทักษะด้านการเจรจาอันน่าทึ่งก่อนจะบุกทะลวงคู่เจรจาด้วยเอกสารที่เตรียมมาเป็นอย่างดี

ภูมิรพีและปิ่นนารีใช้เวลาเจรจากับตัวแทนของโตเกียวกรุ๊ฟอยู่ร่วมสองชั่วโมง...ในที่สุดการประชุมอันเคร่งเครียดก็ได้ข้อยุติเมื่อเอกสารชุดสุดท้ายที่ภูมิรพีนำขึ้นมาแสดงกำลังปิดทางออกทุกทางของคู่เจรจา และแน่นอนชัยชนะย่อมตกเป็นของพวกเขาทั้งสอง...

ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้กับคนข้างๆ เมื่อตัวแทนระดับสูงของโตเกียวกรุ๊ฟยอมรับว่ามีคลังที่ใช้เก็บน้ำมันสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉินจริง...จนหมดข้อโต้แย้ง

ปิ่นนารีหันไปยิ้มและเผลอตัวกระชับมือของชายหนุ่มอย่างยินดีแต่ก็ต้องหุบรอยยิ้มลงแทบไม่ทันเมื่อได้ยินสิ่งที่หนึ่งในทีมเจรจาเอ่ยขึ้น

“คุณเป็นคู่สามีภรรยาที่น่าทึ่งมาก...เพราะผมไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่าพวกคุณเลยจริงๆ”

ชายวัยกลางคนนามเซโต้...เอ่ยขึ้น

“นั่นสิครับเท่าที่อ่านจากข้อมูลของพวกคุณผมรู้สึกทึ่งมากๆ กับความรอบรู้และรายละเอียดในเชิงลึกที่พวกคุณทำการบ้านมาเป็นอย่างดี”

มิสเตอร์ทามาดะช่วยเสริม

“ทางเรารับทราบถึงปัญหาของทางนี้ดีและยินดีรับผิดชอบในส่วนที่เสียหายซึ่งระบุไว้ตามข้อสัญญา แต่ที่ต้องการเจรจากับท่านกระผมเพียงต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้โตเกียวกรุ๊ฟและหวังว่าท่านจะไว้วางใจและให้โอกาส...พวกเราได้มีโอกาสร่วมงานด้วยกันอีก”

ภูมิรพีบอกไปตามจุดประสงค์

“ความจริงทางเราไม่ได้ติดใจกับค่าปรับจำนวนเล็กน้อยนั่นสักเท่าไร...เพราะเพิ่งมีโอกาสร่วมงานกัน พวกเราจึงอยากทราบแค่ว่าทางคุณใส่ใจกับความผิดพลาดในครั้งนี้มากแค่ไหน...ในเมื่อความเสียหายมันเกิดจากเหตุสุดวิสัยและทางเราก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร...โตเกียวกรุ๊ฟขอยืนยันว่าเรามีความยินดีเป็นอย่างมากหากในอนาคตจะได้ร่วมงานกับพวกคุณอีก”

มิสเตอร์ยาชิมูระที่เป็นหัวหน้าทีมเอ่ยขึ้น ทั้งหมดใช้เวลาพูดคุยเรื่องข้อตกลงเกี่ยวกับธุรกิจกันจนถึงบ่ายโมงการประชุมจึงจบลงด้วยความสำเร็จของทั้งคู่ หลังจากทีมเจรจาของโตเกียวกรุ๊ฟกลับไปมิตรภาพดีๆ ของหนุ่มสาวคู่หนึ่งก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น...อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว





Create Date : 10 มกราคม 2554
Last Update : 10 มกราคม 2554 20:29:18 น. 8 comments
Counter : 483 Pageviews.

 
มาแว้วค่าๆๆๆๆ ช้าไปนิสก็อย่าว่ากันนะคะ.....อ่านให้สนุกค่ะ....รีบไปอัพที่อื่นต่อ...ฮี่ๆ รักษาสุขภาพนะคะ

ฟิ้ว..........................


โดย: sansook วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:20:32:19 น.  

 
หวัดดีจ้านู๋เอ๋...เริ่มมีอะไร อะไร เกิดขี้นในใจของทั้งสองแล้วสินะ ตอนหน้าคงมีอะไร อะไร หวานๆ ให้ได้อ่านนะจ๊ะ


โดย: เอิงเอย IP: 118.172.99.207 วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:0:14:39 น.  

 
อย่าหายกันไปนานน่ะจ้าา เหลือเวลาไม่มากแล้วน่ะคุณภูมิรีบๆหน่อยน่ะ


โดย: raimee IP: 118.173.87.82 วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:6:57:50 น.  

 
สำเร็จตามประสงค์คุณแม่ ๆ เนอะ
และรออ่านคู่เต้ค่ะ


โดย: NeeNie IP: 203.113.96.5, 203.113.96.27 วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:9:51:04 น.  

 
คู่สามีภรรยา กิ๊ววววววว


โดย: บ่าบี๋ วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:14:17:34 น.  

 
ได้รับการ์ดปีใหม่แล้วนะคะพี่เอ๋ ขอบคุณค่า ^_^


โดย: แมวเหมียวก้อย วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:17:51:08 น.  

 
อ๊ะ ๆ ประตูมิตรภาพแง้มนิดนึงละ..คุ๊ภูมิ สู้ ๆ


โดย: jee IP: 223.206.211.123 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:21:55:35 น.  

 
ช่วงนี้ภาพประกอบสวยขึ้นทุกที
ท่าทางปลาจะไม่รู้ตัวนะเนี่ย
เดาว่าแมวใกล้จะกินปลาแล้วละซี่ 555++


โดย: googie IP: 203.146.71.70 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:16:01:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.