sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๑๘ เตรียมการ



ช่วงบ่ายของอีกวันนันทยศเงยหน้ามองสตรีที่คร่ำเคร่งอยู่กับงานมาทั้งวันอย่างสงสัย เมื่อเห็นนารีรายณ์ขยับต้นคอไปมาอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะยกนิ้วคลึงลงบนเปลือกตา

“เมื่อคืนนอนดึกเหรอป่าน”

“อือ...”

“เอากาแฟไหมล่ะ”

“ได้ก็ดีขอแก่ๆ เหมือนหน้าแกก็แล้วกัน”

หญิงสาวตอบแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเพื่อนเสิร์ฟมะเหงกมาให้

“ฉันจะชงให้แก่ตามหน้าตาคนกินเลยล่ะ...เพื่อนอุตส่าห์มีน้ำใจยังมีหน้ามาสะกิดต่อมหงุดหงิดให้ขากระดิกเล่นอีกนะ ว่าแต่ที่นอนดึกเพราะมัวแชทกับใครอยู่หรือเปล่าเหอะ”

“ที่ฉันนอนดึกก็เพราะมัวแต่ตามดูพฤติกรรมของคุณธาวินว่าที่น้องเขยแกยังไงล่ะ...พูดมากเดี๋ยวก็ไม่ช่วยซะหรอก”

“อ้าวๆ ไอ้ป่านฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่มีวันนับญาติกับพวกปลาไหลในคราบมนุษย์ เพราะฉะนั้นห้ามเอ่ยว่าเขาจะเข้ามาอยู่ในชายคาบ้านฉัน...แม้แต่สมมุติก็ห้าม”

นันทยศที่ไม่พิศวาสการเกี่ยวดองกับธาวินรีบกางมือขึ้นเชิงปราม

“โบราณเขาว่าไว้เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น ทำท่าเกลียดมากๆ ระวังเถอะจะได้เขาไปเป็นน้องเขยจริงๆ”

“ยังอีก...แกนี่ยังไงฮึ...ถ้าจะอวยชัยฉันแบบนี้เงียบไปเลยดีกว่า...ว่าแต่แกเถอะวันนี้ไม่แชทกับพี่เงาหรือไงถึงได้นั่งตาปรือเหมือนไก่เป็นหวัดแบบนั้น”

พออีกฝ่ายยังไม่เลิกกวนอารมณ์นันทยศจึงโยงเข้าเรื่องบ้าง

“ฉันกำลังเร่งงานแกไม่เห็นเรอะ...เพราะกะจะให้เสร็จวันนี้”

“แกจะเร่งงานฉันไม่ว่า...แต่กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องนะ...เงยหน้าดูนาฬิกาหน่อยสิตอนนี้มันจะบ่ายสองแล้วนะเพื่อน...ฉันหิว”

พอท้องร้องประท้วงดังจ๊อกๆ โปรแกรมเมอร์หนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน

“หิวก็ไปหาข้าวกินสิ...ฉันเย็บปากแกไว้หรือไง”

“อ้าว...แล้วแกล่ะไม่กินเหรอ”

“ยังของกำลังขึ้นเพื่อน”

นารีรายณ์ยักคิ้วให้เพื่อนอย่างทะเล้นก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าเบี้ยวๆ ของอีกฝ่าย

“รีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ แบบนี้จะได้มีเวลาสั่งลาพี่เงายาวๆ หรือไง ถามจริงเถอะป่านตกลงแกจะไม่เช็กจริงๆ เหรอว่าพี่เงาเขาเป็นใครกันแน่...ถ้าแกขี้เกียจนักให้ฉันเช็กก็ได้เอาไอพีมาสิ”

นันทยศที่ยังติดใจไม่เลิกรีบเสนอตัว

“จะเช็กทำไมในเมื่อเขาไม่ได้มีอะไรที่ฉันจะต้องสนใจจนทำให้อยากรู้ขนาดนั้น”

เพราะบุรุษเงาไม่ได้มีท่าทีคุกคามจนน่าอึดอัดเธอจึงไม่ใส่ใจที่จะค้นหาตัวตนของอีกคนให้ยุ่งยาก

“แกไม่สนใจก็ช่างแกแต่ฉันสนใจเห็นแก่ต่อมสอดรู้สอดเห็นฉันหน่อยเถอะขอไอพีพี่เงาหน่อยสิ”

“แกจะสนใจเขาทำไม...พี่เงาเขาไม่ได้แชทกับนาน่าสักหน่อย...เอ๊ะ...หรือแกหึงฉันฮึ...ไอ้เน่แกคิดอะไรกับฉันอยู่หรือเปล่า”

“ไอ้นี่พูดแบบนี้ฉันเสียหายนะเว้ย...อย่างฉันเนี่ยนะจะคิดอะไรกับแก...ถ้าผู้หญิงทั้งโลกเหลือแกคนเดียวฉันขอผูกคอตายหนีชีวิตอันน่าเวทนานั่น...ไม่ต้องมองฉันด้วยสายตาหวานเชื่อมแบบนั้น...เพราะยังไงก็ไม่ได้แอ้มผู้ชายอย่างฉันหรอกย่ะ”

นารีรายณ์หัวเราะร่วนออกมาเมื่อเห็นท่าทางสะบัดสะบิ้งของนันทยศ

“แกอย่าไปทำท่านี้ให้ใครเห็นนะเน่โดยเฉพาะพี่เก้งพี่กวาง...”

“แล้วตกลงแกจะให้ไอพีพี่เงาฉันไหม”

นันทยศยังตื้อไม่เลิก

“ถามจริงๆ เถอะทำไมแกถึงสนใจเขานัก”

“ฉันสงสัยว่าบางทีพี่เงาของแกอาจจะเป็นผู้หญิงของนายธาวินนั่นน่ะสิ”

“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

นารีรายณ์วางคางลงหลังมือแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

“เพราะพี่เงาเขามักเตือนแกเรื่องนายธาวิน...ฉันคิดว่าบางทีคนที่หลบอยู่ในความมืดนั่นอาจจะเป็นคู่ขาคนใดคนหนึ่งของเขา...แกก็เห็นนี่ว่าตั้งแต่เรามาทำงานอีตานั่นเทียวมาห้องนี้แทบจะสามเวลาหลังอาหาร...หนำซ้ำตกเย็นเป็นไม่ได้จะลากแกไปผับ คลับ คาเฟ่...เจตนาเด่นชัดว่าอยากเครมแกใจจะขาดมันก็ต้องมีคนไม่พอใจบ้างล่ะ”

“ตั้งแต่จะได้น้องเขยเป็นของตัวเอง...คิดมากขึ้นนะเนี่ย”

“คิดมากๆ ไว้นั่นแหละดีถ้าเกิดถูกโจมตีจะได้รับมือทัน...ว่าไงจะให้หรือไม่ให้”

นันทยศยังทู่ซี้จะเอาให้ได้

“ฉันจะให้ก็ได้แต่ขอเหตุผลงามๆ อีกสักสองสามข้อสิ”

นารีรายณ์ยังส่งลีลากวนใจเพื่อนไม่เลิก

“เออ...ฉันบอกเหตุผลแกก็ได้...ฉันแค่อยากเห็นหน้าพี่เงาก็เท่านั้น”

พอใช้วิธีอ้อมค้อมไม่ได้ผลนันทยศจึงบอกออกไปตรงๆ

“แกจะอยากเห็นหน้าเขาทำไม...แปลกคน”

“ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าคนทึ่มๆ หน้าตาเป็นยังไง แกคิดดูสิอำใครไม่อำดันมาอำงูพิษแห่งชมพูทวีปอย่างแก ขนาดโกหกยังทำได้ไม่เนียน...ฉันล่ะอยากเห็นหน้าพี่เงาจอมทึ่มของแกจริงๆ”

“เขาโกหกอะไร?”

“โอ้...ไอ้ป่านนี่แกไม่สนใจพี่เงาเขาจริงเหรอ...เอ๊ะ...หรือว่าคุยไปคุยมาเลยหน้ามืดจนไม่เห็นอะไร”

โปรแกรมเมอร์หนุ่มถึงกับโวยเสียงดังลั่นเมื่อเห็นท่าทางวางเฉยของเพื่อนจนนึกหมั่นไส้

“ก็เขามาดีทำไมฉันต้องไปนั่งเสียเวลาค้นหาตัวตนคนที่หวังดีด้วยล่ะ อีกอย่างงานเสร็จเราก็ไม่ได้มาที่นี่อยู่แล้วปล่อยๆ ไปเถอะน่า เออแล้วเขาไปโกหกอะไรแกงั้นเหรอถึงได้เดือดทะลุองศาแบบนี้”

“เขาโกหกแกต่างหาก พี่เงาเขาบอกว่าทำงานอยู่ในบริษัทที่เราเคยไปวางระบบให้ เท่าที่สังเกตจากข้อความตามที่แกเล่าฉันว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวของนายธาวินซะยังกับมีตาทิพย์แนะ แบบนี้ไม่ต้องเช็กไอพีก็รู้ว่าเป็นคนบนตึกนี้ชัวร์ แต่ที่มันคิดไม่ตกก็คือทำไมเขาถึงได้กันท่าอีตานั่นกับแกนัก...”

“อ้อแกก็เลยคิดว่าพี่เงาอาจจะเป็นคู่ขาของว่าที่น้องเขยไปโน่น”

หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“มันก็น่าคิดนะป่าน...ถ้าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายนั่นจริง...พิษรักแรงหึงของผู้หญิงมันรุนแรงฉันไม่อยากให้แกเสียเปรียบใคร...แล้วยิ่งมาโดนลูกหลงเพราะคนอย่างนายธาวินนั่นฉันว่ามันไม่คุ้มเลยสักนิด”

นันทยศบอกอย่างกังวล

“ขอบใจที่แกเป็นห่วง...เอาเถอะยังไงจะลองแฮกดูก็แล้วกัน...อ้าวบ่ายสองจะครึ่งแล้วนี่ไหนแกว่าหิวไง”

พอสายตาปะทะเข้ากับเข็มสั้นเข็มยาวบนหน้าปัดนาฬิกาเธอจึงเตือน

“ตกลงแกจะไม่ไปด้วยกันเหรอ”

“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไร...อ้อขากลับช่วยแวะซื้อกาแฟเย็นหน้าบริษัทให้สักแก้วสิถ้าไม่หนักหนาหิ้วข้าวมาฝากสักกล่องก็ดี...วันนี้ขี้เกียจเดิน”

พอได้โอกาสหญิงสาวจึงรีบฝากท้อง

“อือ...งั้นเดี๋ยวฉันมา”

นันทยศพยักหน้าแล้วเดินออกไป

นารีรายณ์มองบานประตูที่ปิดงับอย่างเหม่อลอย ก่อนจะถอนสายตากลับมาจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือเรียวคลิกเม้าท์เปิดโปรแกรมแชทสุดฮิตขึ้นมาไล่รายชื่อคนในลิสต์ไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ที่ชื่อ...Mr.shadow...วันนี้มิสเตอร์เงาหายเงียบอย่างไร้ร่องรอย...จนเธอชักหงุดหงิดกับความเงียบงันนั่น

ดวงตาคมกล้ามองหน้าต่างสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่าอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะก้มหน้าหลับตาลงเมื่อความรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

“คุณไม่สบายหรือเปล่า”

เสียงทุ้มของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาแม้จะฟังเหมือนถามไปตามมารยาทแต่ในกระแสเสียงกลับเต็มล้นไปด้วยความห่วงใยจนทำให้คนถูกถามรู้สึกอุ่นวาบอยู่ในหัวใจอย่างประหลาด

นารีรายณ์ลืมตาเงยหน้าขึ้น พอเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นใครเธอจึงส่ายหน้า

“เอ่อ...เปล่าค่ะ”

“สีหน้าคุณดูเซียวๆ เหมือนคนไม่สบายเลย”

“ฉันสบายดีค่ะ”

“หน้าตาคุณดูไม่ค่อยสดชื่นเลยเมื่อคืนนอนดึกเหรอ?”

น้ำเสียงของเตชินทร์ไม่ได้ตำหนิ แต่เจือไปด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่ง...จนรับรู้ได้ถึงความใส่ใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้หญิงสาวอดหลับอดนอน

“ก็ดึกนิดหน่อยค่ะ”

เธอตอบไปตามความเป็นจริง แล้วจ้องร่างสูงใหญ่ท่าทางมั่นคงดุจภูผาแต่เย็นชาจนน่าขนลุก ก่อนจะไล่ไปตามใบหน้าคมสัน...ที่ฉายความกระด้างราวกับรูปปั้นหินจนมองเหมือนแข็งทื่อไร้ชีวิตชีวา ด้วยความเผลอไผลจนคนถูกจ้องชักใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่ครู่ใหญ่ จนคนที่มีชนักติดหลังชักสู้สายตาคมกล้าของแม่สาวไซเบอร์ไม่ไหวจึงเสมองไปอีกทาง

“วันคุณเน่ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”

พอได้ยินคำถามคนที่กำลังจ้องอีกฝ่ายจนลืมตัวถึงกับสะดุ้งอีกรอบ

“ไปทานข้าวค่ะ...คุณเตชินทร์มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

เธอตอบพร้อมกับตั้งคำถามเพราะนึกแปลกใจที่อยู่ๆ ชายหนุ่มหน้าดุก็โผล่เข้ามา

“อ้าว...นี่มันจะบ่ายสามแล้วนะครับทำไมถึงพึ่งไปทานข้าว...แล้วคุณล่ะทานอะไรหรือยัง”

เตชินทร์ที่ไม่คิดตอบคำถาม...เพราะไม่รู้จะบอกว่ายังไงรีบโยนคำถามกลับไปเพื่อหลบเลี่ยงและท่าทางอ้ำอึ้งของหญิงสาวก็ช่วยให้คำตอบอยู่ในที

“คุณยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันใช่ไหมคุณป่าน”

“ยังค่ะแต่ฝากเน่ซื้อใส่กล่องมาให้แล้ว”

เธอรีบบอก

“ไม่ต้องรอแล้วล่ะผมเพิ่งกลับมาจากข้างนอกยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน...คุณติดงานอะไรอยู่หรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ”

เตชินทร์พยายามระงับความตื่นเต้นไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยได้อย่างแนบเนียน ชายหนุ่มเกือบยิ้มเพราะความดีใจที่อยู่ๆ โอกาสก็ลอยมาเข้าทางแต่ก็ต้องนิ่งเฉยเข้าไว้

“พอดีผมสั่งให้แม่บ้านจัดอาหารไว้ที่ห้อง...ถ้าไม่รังเกียจไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

เขาชวนโดยพยายามทำสุ้มเสียงให้ราบเรียบสุดชีวิต

“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ แต่ไม่รบกวนล่ะค่ะ”

เพราะท่าทางเย็นชาของอีกฝ่ายจึงทำให้นารีรายณ์ไม่อยากนั่งแทะน้ำแข็งระหว่างทานอาหาร

“อย่าเกรงใจเลยครับ ถ้าคุณไม่สะดวกเดี๋ยวผมสั่งเลขาฯ บอกแม่บ้านให้ย้ายโต๊ะอาหารมาที่นี่ก็ได้...”

ชายหนุ่มไม่เหลือช่องว่างให้อีกฝ่ายปฏิเสธ เพราะพูดยังไม่ทันจบโทรศัพท์เครื่องเล็กในมือก็ถูกใช้งานทันที และหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีโต๊ะทำงานที่ว่างตัวหนึ่งก็ถูกนิรมิตเป็นโต๊ะอาหาร และอาหารดีราคาแพงก็ถูกจัดมาในจานชามเข้าชุดอย่างประณีต

“คุณโทรไปบอกคุณเน่หรือยังว่าไม่ต้องซื้อข้าวกล่องมาแล้ว ถ้าคุณเน่ยังไม่ได้ทานข้าวคุณเชิญมาร่วมโต๊ะกับเราก็ได้นะครับ”

เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสงสัยเตชินทร์จึงแสดงความห่วงใยเผื่อแผ่ไปยังคนใกล้ตัวของหญิงสาว

“ค่ะ...”

พอหลบเลี่ยงไม่ได้นารีรายณ์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก หญิงสาวใช้เวลาพูดคุยกับคนในสายอยู่ไม่กี่คำแล้วจึงกดวาง

“เน่กำลังทานข้าวอยู่ค่ะ”

“อ้อ...ทานแล้วเหรอ...งั้นเชิญคุณป่านที่โต๊ะเลยครับ”

ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็กระตือรือร้นแต่ท่าทางกลับนิ่งสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ขอบคุณค่ะ”

ทั้งสองนั่งทานอาหารไปเงียบๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน เตชินทร์รู้สึกคล่องคอกับอาหารจนกลืนอะไรก็อร่อยไปหมดในขณะนารีรายณ์กลับรู้สึกฝืดคอและประหม่าพิกล

“อาหารไม่อร่อยเหรอครับ”

ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นข้าวในจานของเธอพร่องไปไม่มาก

“อร่อยค่ะ”

“อร่อยก็ทานเยอะๆ สิครับ”

“มันคงเลยเวลาอาหารน่ะค่ะจึงทำให้รู้สึกตื้อๆ”

คำตอบพร้อมกับท่าทางเพลียๆ ของนารีรายณ์ทำเอาชายหนุ่มแทบจะถลาเข้าไปใช้มือแตะหน้าผากกลมกลึงนั่นเพื่อวัดไข้แต่ก็ต้องตั้งนะโมเพื่อข่มใจให้อยู่ในความสงบ

“ท่าทางคุณเหมือนคนไม่สบาย...ที่บริษัทมีห้องพยาบาลผมว่าคุณน่าจะนอนพักสักงีบนะครับ”

“คงไม่ได้ค่ะเพราะฉันกำลังเร่งงาน...เพราะต้องการปิดงานทั้งหมดให้แล้วเสร็จในวันนี้”

คำบอกเล่าของหญิงสาวทำเอาคนฟังใจหายวาบ...ให้ตายสิเขาลืมไปสนิทเลยว่างานของเธอใกล้เสร็จแล้ว...ทำไมมันเสร็จเร็วนักทั้งๆ ที่บริษัทมีเครื่องมากกว่าเจ็ดสิบเครื่อง...ชายหนุ่มลอบมองใบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่ายอย่างคิดไม่ตกว่าจะหยิบยกอะไรมารั้งให้เธออยู่ต่อ

“จะทำเกินไปสักวันสองวันผมก็ไม่ว่าหรอกครับอย่าโหมงานนักเลยดูแลสุขภาพบ้าง เอ่อ...ผมเห็นสีหน้าคุณดูเซียวๆ เลยเป็นห่วงน่ะ”

เพราะความห่วงใยจึงทำให้เตชินทร์เผลอแสดงความเอาใจใส่ออกไปเป็นชุด แต่พอสะดุดกับดวงตาคมกล้าที่มองสบมาเขม็ง เขาจึงรีบเบี่ยงเบนเป็นประเด็นอื่น

“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง”

นารีรายณ์ยิ้มเซียวๆ

“คุณทานนี่อีกสักนิดสิครับอิ่มแล้วจะได้ทานยา”

เตชินทร์ตักอาหารวางบนจานของอีกฝ่ายด้วยท่าทางกระตือรือร้นจนหญิงสาวไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งสองนั่งทานอาหารสลับกับพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอได้พูดคุยบรรยากาศตึงๆ คราแรกจึงเริ่มผ่อนคลาย

ชายหนุ่มยังคงชวนคุยและซักถามเรื่องทั่วๆ ไปอย่างชาญฉลาดจนนารีรายณ์เผลอเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างร่าเริง ไม่นานข้าวในจานก็ร่อยหรอ และบทสนทนาก็ยุติลงเมื่อหญิงสาวรวบช้อนแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบ

“ขอบคุณนะครับที่คุณให้เกียรติทานข้าวเป็นเพื่อน”

ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อมือเรียววางแก้วลงบนจานรอง

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณกับความกรุณาของคุณ”

“อย่าถือว่าเป็นความกรุณาเลยครับผมเต็มใจ”

“แต่ฉันเกรงใจนี่คะ”

“ถ้าเกรงใจเอาไว้คุณค่อยเลี้ยงคืนผมก็ได้...”

นารีรายณ์ไม่รู้สักนิดว่าคำพูดของตัวเองกำลังเป็นการชี้โพรง แถมกระรอกเตชินทร์ก็ฉลาดพอที่จะรีบตะครุบ

“ยินดีค่ะ...เอาไว้เสร็จงานก่อนนะคะป่านจะพาไปเลี้ยง”

เพราะเกรงว่าจะต้องติดหนี้บุญคุณโปรแกรมเมอร์สาวที่ยังไม่รู้ว่าได้เผลอทำป้ายชี้โพลงออกไปได้แต่ยิ้มกับโอกาสที่จะตอบแทน

เตชินทร์มองรอยยิ้มแจ่มใสที่ผุดพรายออกมาอย่างหลงใหล...ก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วลุกออกไปเมื่อแม่บ้านเข้ามาเก็บจานชามบนโต๊ะ เพราะไม่อยากอ้อยอิ่งจนทำให้ไก่ตื่น พอชายหนุ่มลุกเดินออกไปเธอจึงหันไปยิ้มกับแม่บ้านแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ

นารีรายณ์มองโต๊ะจานอาหารในมือของแม่บ้านอย่างครุ่นคิด แม้นึกแปลกใจกับเหตุการณ์ทานอาหารกลางวันแบบสายฟ้าแลบตามลำพังกับผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อท่าทางเย็นชา แต่พออีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการแค่เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารและชวนตามมารยาทเท่านั้นไม่ได้มีความพิเศษเป็นอย่างอื่น จึงทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น

เตชินทร์เดินกลับห้องทำงานด้วยอารมณ์เบิกบานเป็นที่สุด จนทำให้เลขาฯ หนุ่มลอบมองอย่างฉงน มีใครทำอะไรถูกใจมาหนอ...เจ้านายรูปหล่อของเขาถึงได้ดูชื่นบานจนน่าสงสัย...

ร่างสูงใหญ่เดินไปยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าต่างเมื่อความเบิกบานยังแผ่ซ่านเต็มหัวใจ ไม่เสียแรงที่วันนี้เขายอมหิ้วท้องกลับมาทานข้าวกลางวันในสำนักงาน แม้ความตั้งใจเดิมที่เขาเลือกกลับมาทานอาหารในห้องทำงานเพราะอยากรีบเคลียร์งานให้เสร็จๆ แต่ใครจะคิดว่ามันกลับทำให้เขามีโอกาสทานข้าวกับนารีรายณ์แถมได้อยู่กับตามลำพังอีกด้วย

“สงสัยคงต้องรีบหาวิธีทำให้เธอชอบเราแล้วล่ะ...ไม่งั้นคงได้นั่งคิดถึงเขาอยู่ฝ่ายเดียวจนหัวใจห่อเหี่ยวเพราะโหยหากันพอดี...”

ชายหนุ่มพึมพำพร้อมกับครุ่นคิดและเตรียมการอยู่เงียบๆ





Create Date : 26 มกราคม 2554
Last Update : 26 มกราคม 2554 21:07:13 น. 6 comments
Counter : 535 Pageviews.

 
งานนี้พี่เงาจอมทึ่มกำลังเดินเกมแล้วคร๊าบบบบบ....แต่จะเดินวิธีไหน...คงต้องตามลุ้นกันต่อปายยยยย หุหุ....วันนี้ตอนเย็นถูกเข็นให้ไปตีวอลเล่ย์ด้วย แขนบวมแงๆๆ ....จะปั่นนิยายได้ป่าวเนี่ย....แต่เพื่อผู้อ่านสู้ๆ คร่า....


โดย: sansook วันที่: 26 มกราคม 2554 เวลา:21:12:15 น.  

 
พี่เงาสู้ ๆๆ แต่อย่าให้ไก่ตื่นน่ะ


โดย: raimee IP: 180.180.77.174 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:6:17:22 น.  

 
พี่เงาสู้ๆด้วยคน จีบๆเลย เล่นตัวไรเนี่ย

เครม นี้ จริงๆ เป็น เคลม ปะค่ะ
(ความรู้ภาษาไทยไม่แข็งแรงเหมือนกัน ถ้าผิดอย่าว่ากันนน้า)


โดย: googie IP: 203.146.71.70 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:8:19:22 น.  

 
นู๋เอ๋สู้ ๆ ขอให้แขนหายระบมเร็วๆนะ

จาดูว่ากระรอกจะหาทางเข้าโพรงยังไง


โดย: jee IP: 10.249.112.88, 203.146.104.35 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:12:00:01 น.  

 
พี่เงาอย่ายอมให้เค้าว่า "ทึ่ม"นะ ...จัดการกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวไปเลย ขืนชักช้าเดี๋ยวโดนจับได้ก่อนพอดี


โดย: bijin วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:12:16:19 น.  

 
นู๋เอ๋....ต่อไปตีบอลเล่ย์ใช้หัวโม่งนะ ห้ามใช้แขนตีเดี๋ยวอัพนิยายให้พี่อ่านไม่ได้...แฮ่ๆๆๆๆๆ


โดย: tuk_ora วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:12:59:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.