sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๕ แผนเหนือเมฆ




ช่วงหัวค่ำบรรยากาศภายในห้องประชุมยังคงตึงเครียด เมื่อประมุขของคฤหาสน์ดึงรายงานตรงหน้าขึ้นอ่านและผลของรายงานในมือกำลังทำให้หลายคนที่นั่งรอคำพิพากษาเริ่มร้อนๆ หนาวๆ

“ไม่ได้เรื่อง!”

เสียงสบถของประมุขสูงวัยตวาดขึ้นพร้อมกับแฟ้มในมือถูกโยนลงกลางโต๊ะ

“ใจเย็นๆ สิคะคุณ”

พอเห็นสีหน้าถมึงทึงของสามีคุณช่อทิพย์จึงรีบออกหน้า

“ใครมันจะเย็นไหว...คุณไม่เห็นเหรอว่าไตรมาสนี้กำไรมันเพิ่มขึ้นไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หนำซ้ำยังมีเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เกิดความเสียหาย เจ้านภถึงบริษัทของแกจะทำยอดได้ดีกว่าใครแต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ฟ้องบริษัทนั่นให้มันรู้แล้วรู้รอดล่ะฮึ”

พอถูกขัดคอคนที่กำลังไม่สบอารมณ์จึงโยนระเบิดลูกแรกออกไปยังบุตรชายคนโต

“บริษัท พีเอ็นพี มารีน ทรานสปอร์ต มีคุณอริสา พิสุทธิ์ศตกุลนั่งแท่นผู้บริหารอยู่ ผมเห็นว่าเป็นคนกันเองเลยไม่อยากหักหาญน้ำใจ อีกอย่างแม้ความล่าช้าไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ...แต่รายงานจากเจ้าหน้าที่เรื่องโจรสลัดเตรียมปล้นเรือก็มีความน่าเชื่อถือไม่น้อย เพื่อความไม่ประมาททางนั้นจึงจำเป็นต้องพักสินค้าที่สิงคโปร์ก่อนแล้วรอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเคลียร์น่านน้ำให้เรียบร้อย”

นภดลอธิบายไปตามความเป็นจริง

“แล้วแกจะทำยังไงเท่าที่เห็นจากรายงานความเสียหายมันอยู่ที่ญี่ปุ่นโน่นไม่ใช่เรอะ...ทำงานชุ่ยแบบนี้ต่อไปลูกค้าจะไว้วางใจเราได้ยังไง...ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่ฉันสร้างสมมาคงหมดกันก็คราวนี้...”

“ทางบริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจครับคุณพ่อพรุ่งนี้ตาภูมิจะเดินทางไปเจรจากับทางโน้น...พร้อมกับคนของ พีเอ็นพี”

ดวงตาสีหม่นเหลือบไปทางบุคคลที่บุตรชายเอ่ยถึงก่อนจะขมวดคิ้ว

“ให้เจ้าเต้ไปไม่ดีกว่าเหรอ...ให้เจ้าภูมิจัดการเดี๋ยวมันได้อาละวาดกันพอดีเกิดทางนั้นงี่เง่าขึ้นมา”

คำพูดของประมุขใหญ่ที่เอ่ยขึ้นทำเอาเตชินทร์ที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งจนทำให้ใบหน้าของนารีงามที่ล่องลอยอยู่ในมโนสำนึกแตกกระจายหายวับไปทันตา...อะไรกันนักกันหนากับชีวิต...ใจคอแต่ละคนจะให้เขากุมมันทั้งสามบริษัทเลยหรือยังไง...ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ

“ตาเต้จะไปได้ยังไง...งานออกเต็มมือทั้งบริษัทของตัวเองแล้วไหนจะบริษัทของตาวินอีก”

ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันพูดอะไรเสียงแหบห้าวของผู้เป็นย่าก็แทรกขึ้น

“อะไรกันอย่าบอกนะว่าเจ้าเต้มันยังวิ่งรอกงานอยู่”

คำถามของประมุขใหญ่ทำเอาคนแย้งหน้าเสีย

“เจ้าวินแกมัวทำอะไรอยู่ทำไมถึงไม่ขึ้นบริหารงานเอง อยู่ใต้เงาคนอื่นเขาแบบนี้เมื่อไรมันจะได้เรื่อง เต้ปู่ให้เวลาสองอาทิตย์เคลียร์งานคืนให้เจ้าวินมันซะ...ไม่ต้องพูดแล้วคุณช่อมัวแต่โอ๋แบบนี้เมื่อไรมันจะโตสักที”

ช่อทิพย์ที่กำลังจะขยับปากถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกสามีดักคออย่างรู้ทัน

“แล้วเจ้าวิทย์ล่ะ...วันนี้ทำไมไม่เข้าประชุม”

พอเล่นงานคนที่หนึ่งไม่ทันเสียงห้วนๆ ก็ลามไปหาคนที่สองเหมือนโดมีโนที่ล้มต่อกันเป็นทอดๆ

“ตาวิทย์ไปออสเตรเลียค่ะคุณพ่อ”

ธนิดาช่วยตอบแทนเมื่อเห็นประกายตาของบิดาสามีเริ่มขุ่นเขียว

“ไปทำไมเราไม่ได้มีธุรกิจที่นั่นไม่ใช่เรอะ...อย่าบอกนะว่าเจ้าวิทย์มันคิดจะเอาจิงโจ้มาเพาะพันธุ์ขาย...ฮึไม่ได้ดังใจจริงๆ”

คำถามของประมุขสูงวัยทำให้บรรยากาศมึนตึงเริ่มผ่อนคลายเพราะเริ่มมีรอยยิ้มผุดออกจากมุมปากของแต่ละคน

“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันไปได้เชื้อสิ้นคิดแบบนี้มาจากใครถึงได้ทำอะไรผ่าเหล่าผ่ากอแบบนี้...”

“นีก็ห้ามแล้วแต่ลูกบอกว่าชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติมากกว่า อีกอย่างเท่าที่ดูจากรายงานประจำปีเงินหมุนเวียนจากธุรกิจนำเที่ยวรวมกับผลผลิตที่ฟาร์มปีๆ หนึ่งเป็นร้อยล้านส่วนผลกำไรก็นับว่าสูงไม่ใช่เล่นนะคะคุณพ่อ...”

ธนิดายังพยายามแก้ตัวแทนลูก

“ฉันยอมรับว่าเจ้าวิทย์บริหารงานใช้ได้แต่การใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลครอบครัวเกินไปมันไม่ดี...กลับมาเมื่อไรให้มันเข้ามาหาฉันด้วยก็แล้วกัน”

“ค่ะคุณพ่อ”

ธนิดาตอบรับเสียงอ่อย

“เท่าที่ดูจากรายงานปัญหาใหญ่คงมีแค่งานที่ต้องเจรจากับทางญี่ปุ่น...ตกลงแกจะให้เจ้าภูมิไปเองจริงเหรอนภ”

พอจัดการทางหนึ่งเสร็จท่านประมุขใหญ่ก็เบนเข็มไปอีกทาง

“ครับคุณพ่อ...งานเจรจาเป็นงานถนัดของเจ้าภูมิมันผมเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องประสบความสำเร็จ ส่วนทางพีเอ็นพีก็ส่งรองผู้อำนวยการไปเจรจาด้วยตัวเองทุกอย่างน่าจะลงตัว”

นภดลบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ถ้าอยากให้เต้ไปช่วยก็บอกได้นะพี่”

นพนิตเอ่ยกับพี่ชายเมื่อเห็นสีหน้าของบิดาเริ่มมีแววครุ่นคิด

“ว่าไงเฮียอยากไปลองจีบสาวญี่ปุ่นดูไหมล่ะ”

ภูมิรพีเลิกคิ้วให้กับญาติผู้พี่แล้วยิ้มกริ่ม

“ชวนผิดคนแล้วภูมิเพราะคนที่ชอบน่าจะเป็นเจ้าวินมากกว่าพี่”

คำพูดของเตชินทร์ทำเอาธาวินถึงกับพูดไม่ออกเมื่อโดนวางเพลิงกลางที่ประชุม

“ผมว่าให้เตยไปกับภูมิก็ได้นี่ฮะคุณปู่...งานประสานด้านต่างประเทศแบบนี้เตยถนัด”

เตชินทร์เสนอความคิดเห็นบ้าง

“พรุ่งนี้เตยกับพี่ภีมต้องบินไปเชียงใหม่ค่ะพี่เต้คงไปด้วยไม่ได้”

เตสินีบอกแล้วหันไปพยักหน้ากับภีรมณ

“สรุปจะไม่มีใครไปกับผมใช่ไหม?”

ภูมิรพีถามขึ้น

“หยุดเลยเจ้าวิน...ทำงานของแกให้เสร็จฉันให้เวลาแกแค่สองอาทิตย์เรียนรู้งานจากเจ้าเต้มันให้เรียบร้อย”

ธาวินที่กำลังจะอ้าปากเสนอตัวหดคอลงแทบไม่ทันเมื่อเห็นประกายตาแข็งกร้าวของผู้เป็นปู่

“ผมคงอยู่ดูเรื่องวางระบบคอมพิวเตอร์ที่บริษัทให้เสร็จสิ้นก่อนเพราะไม่มั่นใจว่าถ้าวินดูเองจะเรียบร้อยดีไหม ระหว่างรอเวลาจะถ่ายงานให้เจ้าวินมันไปเรื่อยๆ คุณปู่เห็นว่าเป็นยังไงครับ”

เตชินทร์บอกสีหน้าราบเรียบ ในกระแสเสียงฟังเหมือนใส่ใจกับงานจนไม่เป็นที่ผิดสังเกตของใครแม้แต่ธาวิน...แต่ภายในความรู้สึกของคนพูดกลับพะวงอยู่กับประกายตาคมกล้าของคนที่เขากำลังนึกอยากชิดใกล้


หลังจากพูดคุยวางแผนงานอีกนับชั่วโมงเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ประมุขใหญ่จึงปิดประชุมและชวนทุกคนออกไปนั่งสังสรรค์เหมือนทุกครั้ง จวบจนได้เวลาแต่ละครอบครัวจึงขอตัวแยกกลับบ้านใครบ้านมันซึ่งปลูกสร้างอยู่ห่างกันแค่ซอยกั้น

ช่วงเข้าของอีกวันหลังจากนั่งรอเวลามาเป็นชั่วโมง เสียงเจ้าหน้าที่สายการบินก็ประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ภูมิรพีจึงเดินไปขึ้นเครื่องด้วยท่าทางเรื่อยเฉื่อย พอเดินถึงที่นั่งก็ทรุดลงนั่งแล้วเอนหลังทันที ก่อนจะหลุบเปลือกตาอย่างเหนื่อยหน่าย แม้จะชินชากับการเดินทางไกล แต่เขาก็ไม่ใคร่ชอบใจนักกับการเดินทางที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่บนเครื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง

“ดิฉันต้องนั่งตรงนี้เหรอคะ”

ขณะกำลังนั่งไว้อาลัยให้กับความเบื่อหน่ายเสียงฉุนเฉียวของใครคนหนึ่งก็ดังเข้ามากระทบหู

“ใช่ค่ะ...”

เสียงใสๆ ของพนักงานต้อนรับตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ

“แต่ตอนจองดิฉันบอกชัดนี่คะว่าต้องการเพื่อนร่วมเดินทางที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น”

คำพูดของสาวนิรนามที่กำลังแสดงความเป็นคนเจ้าปัญหาทำให้คนที่มีความเช็งเกาะกินอยู่ในใจอดลืมตาขึ้นมองไม่ได้ แต่พอเห็นหน้าเจ้าของเสียงแจ๋วๆ เต็มตาภูมิรพีก็ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

หญิงสาวมองรอยยิ้มพร้อมกับท่าทางนอบน้อมของพนักงานสาวสวยอย่างปลงๆ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ เมื่อพนักงานต้อนรับผละออกไปเธอจึงปรายตามองเพื่อนร่วมเดินทางแล้วเอ่ยขอทางอย่างไม่สบอารมณ์

“ขยับหน่อยสิคะฉันจะเดิน”

แต่พอได้ยินคำขอร้องแบบห้วนๆ ของอีกฝ่ายคนที่นึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ ก็อดกวนอารมณ์เจ้าหล่อนไม่ได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างว่าง่ายพร้อมกับโค้งตัวผายมือเชื้อเชิญคุณหน้าสวยไปนั่งที่ด้วยท่าทางที่แสดงชัดว่าอยากแกล้ง จนได้สายตาเอาเรื่องแทนคำขอบคุณ

“ฉันจะซวยไหมเนี่ยที่มานั่งข้างกับอีตานี่”

ปิ่นนารีพึมพำแต่ก็ดังพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน

“ไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าความซวยจะมาเยือนหรือเปล่าที่ต้องมานั่งกับผู้หญิงไร้เหตุผลแบบคุณ”

ภูมิรพีหันไปเผชิญหน้ากับแม่สาวตาหวานภายใต้เครื่องสำอางสีสันสดใสอย่างไม่คิดถอยหากจะมีการปะทะคารมก่อนเครื่องทะยานขึ้นฟ้า ริมฝีปากเรียวงามฉาบสีชมพูเม้มเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทางเชี่ยวกรากเป็นสายน้ำหลากของอีกฝ่าย

...ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย...ปิ่นนารีมองอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง...เพราะไม่อยากเสวนาต่อ

พอเห็นอีกฝ่ายล่าถอยไปง่ายๆ คนที่เตรียมตั้งค่ายมวยจึงเอนหลังลงบ้าง...ชายหนุ่มเหลือบมองท่าทางร้อนแรงของคนด้านข้าง แล้วผุดรอยยิ้มออกมา...จะว่าไปนั่งๆ นอนๆ อยู่ข้างสาวงามไปจนถึงนารีตะก็ไม่เลว...คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างกระชุ่มกระชวย

ขณะเครื่องกำลังทะยานขึ้นฟ้า ที่สนามบินด้านล่างเสียงหัวเราะเริงร่าของคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างครื้นเครง

“หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เราหวังนะคะคุณพี่”

อริสาหันไปกระเซ้ากับนภดลเมื่อต่างคนต่างทำหน้าที่เป็นกามเทพให้กับบุตรของตน

“ขอบใจนะตัวที่ตัวยอมปล่อยหนูปิ่นให้มาเลือกตาภูมิของเรา”

ดวงฤดีจีบปากจีบคอบอกเพื่อนสนิทน้ำเสียงยินดี

“อย่าเพิ่งขอบอกขอบใจเราเลย...ไปกันแบบไม่ทันตั้งตัวทั้งสองคนจะมองหน้ากับติดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยายปิ่นน่ะเขาไม่ค่อยชอบคุยกับผู้ชายด้วย กลัวแต่ลูกตัวจะไม่ถูกใจเอาน่ะสิ”


เพราะรู้จักนิสัยของบุตรีดีจึงทำให้คนเป็นมารดาพอจะมองสถานการณ์ออก

“ตาภูมินิสัยห่ามๆ ท่าทางแรงๆ ด้วยห่วงแต่หนูปิ่นนั่นแหละไม่รู้จะรับนิสัยพ่อตัวดีของเราได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะคุณพี่”

ดวงฤดีหันไปเปรยกับสามีน้ำเสียงหนักใจ

“หนูปิ่นเป็นคนมีเหตุผลท่าทางภายนอกอาจจะเหมือนคนอารมณ์ร้อน แต่จริงๆ เป็นคนที่เข้มแข็งและอดทนมากหากจะเปรียบก็เหมือนกับหินผา...ส่วนตาภูมิแม้นิสัยจะเชี่ยวกรากเหมือนสายน้ำแต่เชื่อผมเถอะเชี่ยวยังไงถ้าปะทะหินผาที่เป็นเกาะแก่งเมื่อไรมันก็ต้องยอมสยบให้เมื่อนั้นนั่นแหละ”

นภดลบอกอย่างผู้มองทะลุไปถึงแก่นแท้ของบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวตนของแต่ละคน

“ว่าแต่แผนคุณพี่เนี่ยใช้ได้เลยนะคะ แม้จะเสี่ยงไปหน่อยแต่มันดีกว่าเราจับลูกมาคลุมถุงชนอย่างน้อยให้พวกเขาลองศึกษากันดูก่อน ถ้าเข้ากันได้ก็เดินหน้าไปแต่ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมารีนว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดี”


อริสาบอกพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างมากกว่าเดิม

“มันจำเป็นเจ้าภูมิอายุอานามก็ปาเข้าไปตั้งสามเอ็ดแล้ว...มันบ้างานจนผมกลัวว่าจะแก่ตายโดยไม่ทันได้เห็นหน้าหลาน ตอนแรกก็กลุ้มเหมือนกันเพราะไม่รู้จะจัดมันใส่พานไปถวายให้ใคร...ต้องขอบคุณน้องรีณที่ให้โอกาสพวกเรา”

นภดลบอกไปตามที่คิด

“ยายปิ่นอายุก็จะย่างยี่สิบเก้าอยู่รำไรตัวรีนก็กลุ้มพอกันนั่นแหละค่ะ...ผู้หญิงสาวๆ สมัยนี้เขาคิดแต่จะพึ่งตัวเอง...ให้ความสำคัญกับงานจนลืมให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัว...ตอนนี้ก็ได้แต่หวังแหละค่ะว่าทางญี่ปุ่นจะไม่เผลอทำแผนแตกเสียก่อน”

อาริสาบอกอย่างกังวล

“ไอ้เรื่องแผนแตกฤดีว่าคงไม่มีปัญหาหรอกเพราะเราเตรียมการกันไว้ตั้งหลายเดือน อีกอย่างผู้บริหารที่อยู่โน่นก็พรรคพวกเราทั้งนั้นทุกคนดูสนุกสนานกับการจับคู่ในครั้งนี้ออก เอาเป็นว่าพวกเรากลับไปนอนรอฟังข่าวดีกันที่บ้านดีกว่าตัว”

“เรากลัวยายปิ่นจะไปสร้างเรื่องให้ลูกตัวปวดหัวมากกว่า...เกิดตาภูมิยกมือถอนตัวขึ้นมารถไฟขบวนสุดท้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้...”

พออริสาพูดจบทั้งสามก็หัวเราะขึ้นเบาๆ

“ถ้าทั้งสองตกลงปลงใจกันก็ดีเนาะ...เรื่องสินสอดทองหมั้นเรียกมาได้เลยนะรีนเราเต็มที่เพราะอยากดองกับตัวใจจะขาด...”

“เอาไว้เห็นผลก่อนดีกว่าไหมแล้วค่อยมาคุยกัน...เรื่องสินสอดทองหมั้นเราไม่คิดอะไรมากหรอกถ้าเด็กรักกันจริงๆ ยกให้ฟรีก็ยังไหวเราก็ดีใจถ้าได้เกี่ยวดองกับตัว”

นภดลยิ้มจนหน้าบานกับบทสนทนาของภรรยาและเพื่อนสนิท อริสากับดวงฤดีนับว่าผูกมิตรกันมานาน เพราะเติมโตมาด้วยกันและความสัมพันธ์ก็ยิ่งแน่นแฟ้นเมื่อทั้งสองมีความคิดอยากเกี่ยวดองกัน

“ถ้าหนูปิ่นตกลงปลงใจรับรักกับตาภูมิก็ดีนะคะรีนจะได้หมดห่วงไปหนึ่ง”

อริสาพูดขึ้นอย่างมีความหวัง

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เหลืออีกสองนารีน่ะสิที่จะต้องเตรียมเสี่ยงพวงมาลัย”

สมฤดีกระเซ้าขึ้น

“ที่บ้านยังเหลือหลานชายอีกหลายคนนะน้องรีนถ้าสนใจเจ้าเงาะคนไหนก็บอกได้เลยเดี๋ยวผมจัดการให้”

นภดลที่ยังสนุกกับการทำหน้าที่เป็นกามเทพรีบเสนอตัว

“อุ้ยตาย...จริงด้วยตาเต้ก็โอเคนะตัวอายุห่างจากเจ้าภูมิแค่สองปีเอง...แต่เก่งมากคุณพ่อท่านปลื้มใจกับหลานคนนี้ยิ่งกว่าใครเพื่อน...งานสำคัญๆ ส่วนใหญ่ไม่เคยพ้นมือเขาหรอก...”

“อายุห่างกันเยอะจะดีเหรอเพราะป่านกับปออายุยังน้อยๆ กันอยู่เลย”

เพราะเกรงว่าวัยวุฒิจะกลายเป็นอุปสรรคอริสาจึงไม่อยากบังคับลูก

“ลองให้เด็กๆ เจอกันก่อนสิตัว...ถ้าเขาจูนกันไม่ติดเราค่อยว่ากันอีกที...จะว่าไปตาเต้เนี่ยเหมาะกับหนูปอดีนะคุณพี่...ท่าทางนิ่งสงบทั้งคู่”

พอได้เริ่มดวงฤดีก็ถือโอกาสจับคู่เสียเลย

“ผมว่าว่างๆ เราพาหลานๆ มาให้น้องรีนเลือกดีกว่า...เรือล่มในหนองแบบนี้เงินทองจะได้ไม่หายไปไหน...จริงไหมฤดี”

และเสียงหัวเราะของทั้งสามก็ดังประสานกันขึ้น งานนี้ไม่ใครก็ใครคงได้ตกหลุมรักกันบ้างล่ะ...อุตส่าห์เตรียมการกันมาหลายเดือน...ขนาดยอมลงทุนโดนประมุขใหญ่ตำหนิแผนเหนือเมฆขนาดนี้...ถ้าไม่รักกันก็ให้มันรู้ไป...






Create Date : 28 ธันวาคม 2553
Last Update : 28 ธันวาคม 2553 15:24:26 น. 8 comments
Counter : 530 Pageviews.

 
และคู่สองก็ตามมาติดๆ ใครคู่ใครตามกันต่อปายยค่ะ ฮี่ๆ อากาศหนาวๆ แล้วค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: sansook วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:15:27:50 น.  

 
จะคอยติดตามนะค่ะ สนุกมากๆๆเลยค่ะ


โดย: aekung IP: 203.113.119.162 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:17:29:05 น.  

 
คู่ที่สองก็น่าจะมีเรื่องสนุกๆ ให้ติดตาม ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันซะขนาดนั้น // เรื่องนี้เป็นการดองของคนมีสตางค์สองครอบครัวชิมิ // รอดูคู่ที่สามจ้า...

บุรีรัมย์หนาวมั๊ยจ๊ะหนูเอ๋ เชียงใหม่ช่วงเช้าจะหนาว ตอนกลางวันก็สบายๆ อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ อากาศหนาวแบบนี้ได้ใช้ผ้าพันคอสีชมพูบ่อยๆ ค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยเน่อเจ้า


โดย: เอิงเอย IP: 118.172.11.109 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:18:08:32 น.  

 
เรื่องนี้หนูเอ๋ก็ยังจับทิศจับทางไม่ได้เลยค่ะ ช่วงนี้บุรีรัมย์ อากาศเย็นๆ ค่ะ ไม่ถึงกับหนาวแต่ลมแรง....แถมไม่มีหมอกเลยเหมือนลมแล้งค่ะ อากาศแบบนี้ปั่นนิยายสนุกไปเลย ดีใจจังที่น้องชมพู ของหนูเอ๋ได้ทำหน้าที่บ่อยๆ ....ภูมิแทนจิงๆ ฮี่ๆ

อากาศหนาวๆ แบบนี้สงสัยต้องรีบหาคู่ให้พระนางเร็วๆ จะได้กอดกันๆ

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ห่วงใยค่ะ



โดย: เอ๋ อักษรา IP: 110.49.205.218 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:20:28:59 น.  

 
เปิดมา 5 ตอนก็เริ่มเห็นภาพรำไร ๆ แล้ว เอาใจช่วยให้นู๋เอ๋จับทิศทางได้เร็ว ๆ นะคะ

มาจับคู่ต่อธาวินนี่จัดคุณทนายให้เลย..เอาไว้จัดการรร 555

อากาศเย็นลงเยอะเลย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

นู๋เอ๋..พี่ไม่ได้ส่งที่อยู่อันเก่ายังอยู่มั๊ยน้อง ...


โดย: jee IP: 223.205.226.97 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:21:48:07 น.  

 
บริษัททางญี่ปุ่นไม่น่าจะมาเล่นเกมจับคู่แบบนี้ด้วยออกจะดูเคร่งขรึมเคร่งเครียดจริงจังกับการทำงานจริงจังกับชีวิต


โดย: mimny วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:22:26:37 น.  

 
หวัดดีค่า พี่รุ้ง สุรติญา (ลายรุ้ง) นะคะ แวะมาสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ อ้อ ลืมบอกไป ขออนุญาต add mail ไว้เพื่อส่งข่าวสารเกี่ยวกับนิยายค่า



โดย: สุรติญา-รวีจันทร์ วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:8:42:47 น.  

 
ตาเต้ คงตกหลุมรักแต่แรกพบแน่ๆเลย
คอยดูตาเต้ น่าสนุก
คู่ภูมิรพีนี้คงกวนๆเนอะ สงสัยกวนจนผู้หญิงปรี๊ดแตกแน่ๆ


โดย: googie IP: 203.146.71.70 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:14:03:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.