sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๔๑ แพ้ทุกประตู




เวลาผ่านไปเกือบ 15 นาที ไพรนารีตักข้าวต้มยื่นให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ ธนาวิทย์อ้าปากรับข้าวต้มคำสุดท้ายด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวมึนตึงจนน่าขัน

“คุณรู้ไหมว่าข้าวต้มชามนี้เป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้”

ชายหนุ่มยิ้มยียวน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อไม่ได้ยินเสียงหวานแทรกขึ้นขัดคอเหมือนทุกครั้ง จนอดเอียงหน้ามองคนหัวดื้อที่อยู่ๆ ก็เงียบเสียงด้วยความฉงนใจ

“ผมถามไม่ได้ยินเหรอ?”

เขาถามขึ้นอีกครั้งหากไม่มีเสียงขานรับ...จนคนถามเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ...

“แบตเตอรี่หมดเหรอ?”

ธนาวิทย์เอียงหน้าไปทางซ้ายทีทางขวาทีก่อนยกมือขึ้นแตะแก้มนวล...แต่ไพรนารีกลับนั่งเฉย...และอาการนิ่งสงบนั้นทำให้ชายหนุ่มเริ่มเดาไม่ถูกว่าเธอกำลังคิดอะไร

ทนายสาวลอบมองท่าทางงุนงงของอีกฝ่ายแล้วนิ่งคิดหาวิธีเอาตัวรอด หลังจากนั่งวิเคราะห์มาสักพักแล้วพบว่าคนอย่างนายช้างตกมัน เป็นบุคคลที่ใช้อารมณ์คุยด้วยไม่ได้ ทางที่ดีควรประนีประนอมหรือไม่ก็แปลงร่างเป็นภูเขาน้ำแข็งไปซะ หลังจากนั้นค่อยดึงมารยาหญิงที่มีมากกว่าร้อยเล่มเกวียนมาใช้ แม้เธอจะไม่ชอบใช้วิธีนี้เอาตัวรอดก็ตามทีแต่เมื่อจนตรอกมันจึงจำเป็น

“ท่าทางแบตเตอรี่จะหมดจริงๆ เหนื่อยเหรอ...อ้าวตกลงจะไม่พูดกับผมจริงๆ หรือนี่”

ชายหนุ่มนั่งมองความผิดปกติด้วยสีหน้างุนงง จนหญิงสาวนึกกระหยิ่มอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าตัวเองคิดไม่ผิด เพราะแน่ใจว่าธนาวิทย์กำลังร้อนใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ

“ตกลงจะไม่พูดใช่ไหม...เฮอะผู้หญิง...ใช้นิดใช้หน่อยทำเป็นโกรธ”

หลังจากชวนหญิงสาวพูดคุยอยู่ครู่ใหญ่แต่ อีกฝ่ายไม่ตอบโต้คนเจ้าอารมณ์ก็ชักหงุดหงิด ก่อนจะผุดลุกและเดินออกไปอย่างหัวเสีย

บานประตูกระแทกปิดเสียงดังสนั่นตามแรงอารมณ์ของคนปิด ไม่ได้ทำให้หญิงสาวตกใจมากนัก นอกจากจะพ่นลมหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมลุกออกไปแต่โดยดี ดวงตาสีนิลมองประตูด้วยประกายหม่นลง...

อิสระของเธอกำลังหมดไปจริงๆ หรือ?...เธอถามตัวเองอย่างทดท้อ ขณะขยับลุกเอาชามข้าวต้มไปเก็บเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หญิงสาวจ้องบานประตูเขม็งอย่างไม่วางใจ พอเห็นคนที่เดินนอบน้อมเข้ามาเป็นแม่บ้านกับลูกสาวจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

“คุณท่านให้อีฉันกับลูกมาดูแลคุณผู้หญิงเจ้าค่ะ”

แม่บ้านวัยกลางคนบอกน้ำเสียงนอบน้อมพร้อมกับเดินไปรับชามข้าวต้มวางลงบนถาดที่วางอยู่อีกด้าน

“ป้าชื่อรำเพยใช่ไหมคะ”

“เจ้าค่ะ”

ไพรนารีมองท่าทางพินอบพิเทาของแม่บ้านแล้วยิ้ม

“ป้าไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงหรอกนะ แล้วไอ้คำว่าเจ้าค่ะก็ไม่เอาฟังแล้วมันจั๊กจี้”

“เอ่อ...ไม่เหมาะกระมังคะประเดี๋ยวคุณท่านจะตำหนิเอาได้ว่าอีฉันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”

นางบอกน้ำเสียงหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด

“ป้าเรียกฉันว่าปอก็ได้ ส่วนตำแหน่งคุณผู้หญิงอะไรนั่นมันไม่เป็นความจริงเสยสักนิด เจ้านายของป้าเขาลักพาตัวฉันมา...”

ทนายสาวเล่าความจริงพร้อมประเมินท่าทีของสองแม่ลูก พอเห็นทั้งสองหันไปมองหน้ากันจึงเริ่มคลายใจและมองเห็นความหวัง

“คุณท่านลักพาตัวคุณมาจริงๆ.. เหรอคะ”

นางถามย้ำอย่างไม่เชื่อ

“จริงค่ะ...ฉันเป็นทนายเรามีปัญหาตกลงเรื่องคดีความกันไม่ได้ ป้าสังเกตดูสิว่าฉันมาแต่ตัวไม่มีของอื่นๆ ติดมาด้วยเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ฉันพยายามหนีแต่เขาให้คนไปดักไว้จนเกิดอุบัติเหตุ”

หญิงสาวดึงเหตุการณ์รอบตัวขึ้นมาประกอบจนสองแม่ลูกเริ่มเริ่มครุ่นคิด

“สงสัยจะจริงแม่เพราะคุณท่านสั่งว่าพรุ่งนี้ให้หนูกับพี่โมกเข้ากรุงเทพฯ ไปซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิง...อ้อคุณท่านยังให้มาเรียนคุณผู้หญิง...ว่าให้จดของใช้ส่วนตัวที่ต้องการรวมถึงขนาดของชุดชั้นในด้วยค่ะ”

รำแพนพูดแทรกขึ้น

“เข้าเมืองเหรอ...รำแพนช่วยพาฉันไปด้วยได้ไหม ฉันอยากกลับบ้าน”

ไพรนารีถามน้ำเสียงกระตือรือร้นอย่างมีความหวัง

“เอ่อ...”

คนถูกขอร้องทำเสียงอ้ำอึ้งพลางส่ายหน้าไปมา

“เห็นจะไม่ได้ค่ะคุณผู้หญิงเพราะถ้าคุณท่านทราบป้ากับลูกคงถูกไล่ออกจากงาน”

รำเพยรีบบอกแม้จะเห็นใจแต่นางก็ไม่กล้าเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเอง

“คุณผู้หญิงอยู่ที่นี่ไปก่อนนะคะพยายามอย่าทำอะไรให้คุณท่านโกรธ...ความจริงท่านไม่ใช่คนใจร้ายหรือไร้เหตุผลหรอกค่ะ”

แม่บ้านสูงวัยแนะนำ ไพรนารีอยากจะอ้าปากเถียงว่า...ไม่จริง...แต่พอเห็นท่าทางของสองแม่ลูกดูรักและเทิดทูนเจ้านายเหลือเกินเธอจึงเฉยแล้วพูดโน้มน้าว

“เจ้านายของป้าอาจจะดีกับคนอื่นแต่คงไม่ใช่เชลยแบบฉันแน่...ป้าลองนึกถึงคุณแม่ฉันสิว่าตอนนี้ท่านจะร้อนใจขนาดไหน และลองคิดอีกนิดว่าถ้ามีคนฉุดรำแพนไปเป็นเมียโดยไม่เต็มใจป้าจะรู้สึกยังไง ฉันไม่ได้รักเขามันคงเหมือนตายทั้งเป็นถ้าต้องถูกคนใจร้ายรังแก”

หญิงสาวตีหน้าเศร้าเล่าด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้สั่นเครือ ก่อนจะบีบน้ำตาจนสองแม่ลูกใจอ่อนยวบเพราะความเห็นใจและสงสาร

“โถ...แม่คุณอย่าเพิ่งร้องไห้นะคะเดี๋ยวป้าจะหาทางช่วย”

“ถ้าเขาไม่ให้เวลาฉันล่ะป้า”

ว่าพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา

“เออ...แม่มะรืนลุงบุญกับป้าเอียดจะแวะมาส่งอาหารสดนี่...เราให้คุณผู้หญิงแอบขึ้นไปซ่อนตัวในรถได้”

รำแพนเสนอความคิดบ้าง

“แล้วถ้าไปไม่รอดถูกคุณท่านจับได้ล่ะนังแพน เราสองแม่ลูกคงไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ๆ”

คนเป็นแม่อดแย้งขึ้นไม่ได้

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะลอบขึ้นไปเองป้ากับลูกแค่บอกจุดว่ารถจะเข้ามาทางไหนก็พอ”

ทนายสาวขยับตัวอย่างกระตือรือร้นเมื่อมองเห็นทางรอดของตัวเอง

“คืนนี้ป้ากับลูกจะอาสามานอนเป็นเพื่อนไปก่อนคุณผู้หญิงจะได้สบายใจ อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้างคะ”

นางถามขณะเดินเข้าไปสำรวจตามร่างกายคนเจ็บ

“ตอนนี้ก็มีแต่อาการเคล็ดขัดยอกและรอยฟกช้ำจากแรงกระแทก”

“คุณพระช่วย...ตรงต้นแขนมีรอยเขียวช้ำวงใหญ่เชียวค่ะ...รำแพนไปเตรียมน้ำอุ่นหน่อยลูก...โถเจ็บมากไหมคะคุณ”

รำเพยถามน้ำเสียงอาทรจนคนถูกถามรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด

“ตอนนี้ยังไม่เจ็บมากค่ะแต่ก็ปวดหนึบไปทั้งร่าง”

“คุณไปอาบน้ำแช่ตัวในน้ำอุ่นให้ร่างกายผ่อนคลายดีกว่าค่ะ เสร็จแล้วป้าจะนวดยาให้ เสื้อผ้าคงต้องใช้ของคุณท่านไปก่อนส่วนเสื้อผ้าของคุณเดี๋ยวป้าจะเอาไปซักให้”

นางบอกพร้อมช่วยพยุงพาเดินตรงไปยังห้องน้ำ

“รำแพนเตรียมชุดนอนของคุณท่านให้คุณผู้หญิงด้วยนะลูก เสร็จแล้วไปหยิบยานวดบรรเทาปวดมาให้แม่...”

“เจ้าค่ะ”

รำแพนทำท่าถอนสายบัวรับคำสั่งอย่างทะเล้น จนได้มะเหงกจากมารดาเป็นของรางวัล

“เจ้าลูกคนนี้มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อย่าถือสามันเลยนะคะคุณ”

คนเป็นแม่บอกอย่างหนักใจ ก่อนช่วยหญิงสาวแกะกระดุมเสื้อ

“เอ่อ...เดี๋ยวฉันอาบเองดีกว่าป้า”

ไพรนารีบอกเสียงแผ่ว เพราะไม่เคยชินกับการปรนนิบัติชนิดถึงเนื้อถึงตัวมาก่อน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพอช่วยเหลือตัวเองได้ แม่บ้านวัยกลางคนจึงถอยออกไปอย่างว่าง่าย

“ถ้าเสร็จแล้วคุณเรียกป้านะคะ”

รำเพยบอกแล้วหมุนตัวก้าวออกไป พอแม่บ้านวัยกลางคนเดินพ้นประตูเธอจึงเดินไปยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ พร้อมกับค่อยๆ เปลื้องผ้าออกจากร่างกาย มือเรียววางเสื้อผ้าที่พับลวกๆ บนเคาน์เตอร์ข้างอ่างล้างหน้า หยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่วางไว้ใกล้ๆ มือหย่อนตัวแช่ลงในอ่าง แล้วเอื้อมมือดึงม่านขึ้นปิด

ไพรนารีมองน้ำที่ปริ่มขอบอ่างอย่างพึงพอใจ ก้าวขาลงแช่ทั้งตัวแล้วเอนศีรษะลงพิงขอบอ่างหลับตาลงอย่างสบายอารมณ์

ดวงตาคู่งามหลับพริ้มอย่างเป็นสุข มือเรียวกวักน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลิน เธอฟังเสียงน้ำกระทบกับอ่างอาบน้ำอยู่พักใหญ่จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ธนาวิทย์ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำเกือบ 20 นาที พอเห็นว่าคนที่อยู่อีกฝั่งยังเงียบงันอารมณ์หงุดหงิดก็บังเกิด ชายหนุ่มหันไปออกคำสั่งอะไรบางอย่างกับรำเพยสีหน้าขึงขังเอาเรื่อง มือหนายกขึ้นเท้าสะเอวเมื่อนางส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนตะคอกคำสั่งสุดท้ายออกไป จนคนได้ยินคำสั่งยืนถอนใจและแต่ส่ายไปมาอย่างหมดทางเลือกแล้วยอมถอยให้แต่โดยดี

ชายหนุ่มมองตามร่างท้วมแล้วเลิกคิ้วขึ้น มาไม่ทันไรก็โกยพวกได้แล้วหรือนี่...เห็นทีจะประมาทไม่ได้เสียแล้ว...เขาบอกตัวเองก่อนผลักบานประตูเข้าไปในห้องน้ำ ร่างสูงผึ่งผายเดินไปหยุดอยู่ตรงม่าน...มองผ่านภาพรางๆ ของคนที่อยู่อีกฝั่งด้วยหัวใจไหวระทึก

...ให้ตายเถอะทำไมใจมันเต้นแรงแบบนี้...

เขาถามตัวเองอย่างกังขา แม้เคยเห็นผู้หญิงเปลือยมาบ้างแต่ไม่เคยใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อน...ชายหนุ่มยกมือขึ้นทาบกับหัวใจเพื่อลดอาการเต้นตุบให้อยู่ในระดับปกติ...ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเองที่ทำราวกับหนุ่มน้อยแอบมองสาวรุ่นดรุณี

มือใหญ่เอื้อมไปดึงม่านออกเบาๆ ร่างสูงผึ่งผายถึงกับแข็งทื่อเมื่อเห็นภาพนางนอนเนื้อตัวเปล่าเปลือยอยู่ใต้น้ำ และสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาคนเห็นถึงกับตาค้างเลยทีเดียว ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งบนขอบอ่างจ้องใบหน้านวลงามอย่างหลงใหล

แม่เจ้าเว้ย...เห็นตัวเล็กๆ บางๆ ใครจะไปคิดว่าสรีระของแม่คุณจะ..บะล่ะฮึ่มขนาดนี้...ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างตื่นตาตื่นใจกับความมโหฬารที่คาดไม่ถึง

ขณะกำลังจ้องสิ่งมหัศจรรย์ด้วยความตื่นตะลึง อยู่ๆ เปลือกตาที่ปิดสนิทก็เปิดกว้าง หญิงสาวเบิกตาขึ้นด้วยความตระหนกเมื่อเห็น นายช้างตกมันนั่งตาหวานฉ่ำอยู่ข้างๆ เพราะความตกใจจึงหวีดร้องขึ้นสุดเสียง แต่ทว่าช้ากว่าฝ่ามือใหญ่ที่ตะปบลงมา

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งต่างคนต่างความรู้สึก ไพรนารีพยายามดิ้นรนจนลืมสภาพของตัวเอง จนคนร่างใหญ่ต้องจุ๊ปากห้าม

“อย่าร้อง”

ธนาวิทย์ไม่นำพากับเสียงหวีดร้องพร้อมคำด่าทอที่ดังอื้ออึงอยู่ในลำคอของอีกฝ่ายนัก นอกจากจะใช้สายตาจ้องปรามเธอ

“อย่าดิ้นสิ”

เขาบอกเสียงแข็ง แต่หญิงสาวกลับดิ้นพล่านจนน้ำกระเซ็นเป็นวงกว้างและแผดเสียงออกมาไม่หยุดแม้มันจะเป็นเพียงเสียงอู้อี้ก็ตามที ดวงตาสีนิลจ้องอีกฝ่ายอย่างอาฆาตเพราะทั้งโกรธและอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี

“ถ้าสัญญาว่าถ้าไม่ทำเสียงวี้ดๆ เป็นนกหวีดจะปล่อย”

เขาบอกเสียงนุ่มขณะสอดแขนข้างหนึ่งกอดรัดเธอไว้ให้แน่นพร้อมกับคำขู่

หญิงสาวค่อยๆ ผ่อนความแข็งขืนให้อ่อนลง จนวงแขนแกร่งคลายออกช้าๆ แต่ยังใช้มือปิดปากเธออยู่ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อใบหน้าคมเข้มโน้มลงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ถ้าผมปล่อยมือ แต่คุณยังทำเสียงวี้ดๆ รับรองว่าอวัยวะที่ใช้ปิดปากจะไม่ใช่มือ...”

เพราะไม่มีทางเลือกหญิงสาวจึงพยักหน้าหงึกหงัก

“คนบ้า คนโรคจิต...คุณทำแบบนี้ทำไมคนบ้า”

พอปากเป็นอิสระเสียงด่าก็ตามออกมาเป็นชุด

“ถ้าด่าอีกคำผมจะปิดปากคุณด้วยปากผม”

ริมฝีปากที่กำลังจะอ้าขึ้นหุบฉับลงทันใด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทำปากขมุบขมิบจนคนถูกด่านึกเอ็นดู

“ไม่ต้องสรรเสริญผมขนาดนั้นก็ได้”

ธนาวิทย์บอกน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ออกไปนะ”

“ใครให้คุณมานอนแช่น้ำอุ่นแบบนี้เฮอะ ผมจะได้ไปตัดมือมันทิ้ง”

เขาถามน้ำเสียงขุ่นเขียวเอาความ

“ฉันต้องการอาบน้ำคุณมีปัญหาอะไรนักหนา”

“ทำไมจะไม่มีปัญหาตอนนี้เนื้อตัวคุณเขียวช้ำไปทั้งตัวมันต้องจับแช่ตู้เย็นหรือตู้น้ำแข็งโน่นถึงจะถูก เป็นทนายความยังไงถึงไม่รู้ว่าร่างกายที่ฟกช้ำต้องได้รับการประคบด้วยของเย็นหรือน้ำแข็งไม่ใช่ลงมาแช่ตัวในน้ำอุ่นแบบนี้”

“แล้วคุณมาเดือดร้อนอะไรด้วย”

“ถามจริงเถอะคุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าน้ำอุ่นพวกนี้มันจะทำให้แผลเขียวช้ำมากขึ้น เพราะเลือดที่ไหลออกจากเส้นเลือดขยายตัว ถ้าอยากประคบของร้อนควรรอให้พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมงไปก่อน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

ชายหนุ่มออกคำสั่งน้ำเสียงห้วนเอาเรื่อง

“คุณจะบ้าเรอะ”

หญิงสาวแหวขึ้นขณะใบหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นสภาพของตัวเองล่อแหลมจนอยากมุดลงน้ำ

“ไม่ลุกเองผมอุ้มก็ได้”

“ว้าย!...คุณจะบ้ารึไงปล่อยฉันนะ...ปล๊อย!!”

ไพรนารีหวีดร้องขึ้นสุดเสียงเมื่อร่างลอยหวือขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ถ้าคุณไม่หุบปากรับรองผมจะหุบปากให้คุณเอง นั่นผ้าขนหนูหยิบมาสิกำเดาจะไหลแล้วไม่เห็นเรอะ”

ใบหน้าคมเข้มพยักบอก ไพรนารีเอื้อมมือไปหยิบอย่างว่าง่ายแล้วพึมพำแช่งอีกฝ่ายเสียงฟังไม่ได้สรรพ แต่ธนาวิทย์กลับมองใบหน้านวลที่แดงก่ำเพราะความอายอย่างเอ็นดู

“ผมช่วยเช็ดตัวให้เอาไหม”

ชายหนุ่มยังไม่วายกวนอารมณ์

“ถ้าจะกรุณา ช่วยไปให้ห่างๆ ฉันได้ไหมนายช้างตกมัน”

“โอ้...นี่คุณเรียกผมว่าช้างตกมันเชียวเรอะพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็โยนออกหน้าต่างซะหรอก... เรียกพี่วิทย์สิ”

ไพรนารีเบะปากแทนคำตอบรับก่อนจะสะบัดไปอีกทาง

“บอกให้เรียกพี่วิทย์”

“ไม่”

“เรียก”

“ก็บอกว่าไม่”

“จะเรียกไม่เรียก”

“ก็บอกว่าไม่ๆๆๆ”

หญิงสาวหยัดตัวขึ้นแผดใส่หน้าอีกฝ่ายสุดเสียง

“ไม่เรียกใช่ไหม”

เขาถามเสียงต่ำพลางหรี่ตามองเรืองร่างกึ่งเปลือยอย่างมีความหมาย และสายตาวับวามที่จ้องมองมาแสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร...

“อย่านะ...อย่าทำบ้าๆ นะ”

“เรียกพี่วิทย์สิ...จะให้เพราะต้อง...พี่วิทย์ขา...ด้วย”

“จะเอาขาไหนล่ะ...”

“ยัง...ถ้าต่อปากอีกคำเดียวผม...จะเอาจริง”

ริมฝีปากสีซีดเม้มแน่น แม้จะคับแค้นใจขนาดไหนแต่เธอไม่มีทางเลือก เพราะเขากำลังแสดงอารมณ์บางอย่างออกมาทางสีหน้า ดวงตา และกริยาที่บอกชัดว่าเอาจริง...เมื่อหมดหนทางหญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นอย่างจำใจด้วยระดับเสียงที่แผ่วจนเจ้าของชื่อผุดรอยยิ้มออกมา

“พะ...พี่...วิทย์”

“แล้วขาล่ะหายไปไหน”

“นี่ไง...จะเอาข้างไหน”

ไพรนารียกขาขึ้นทีละข้างจนใบหน้าคมเข้มแทบหลุดออกจากอาการเก๊กดุ ดูเอาเถอะแม้จะจนตรอกแต่ทนายสาวก็ยังกวนใจได้น่าจับทำโทษซะไม่มี

“เดี๋ยวถึงเตียงพี่วิทย์จะจับขาแยกออกแล้วเลือกเองก็ได้...หึหึ...ว่าแต่น้องคนป่าอย่าขัดขืนล่ะเพราะพี่ยังไม่อยากตัดขาสวยๆ ทิ้ง”

ทนายสาวหลบสายตาคมกริบที่จ้องเอาเรื่อง...แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“ว่าไงจะขาหรือไม่ขา”

“พี่วิทย์...ขา”

“แค่นั้นแหละไม่ต้องต่อ”

ชายหนุ่มพูดแทรกเมื่อเห็นริมฝีปากอิ่มน่าจูบทำท่าจะขยับ ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นว่าตนมีชัยเหนือแม่คนป่าจอมดื้อ และสามารถทำให้เธอยอมอยู่ในโอวาทอย่างว่าง่ายแม้จะต้องข่มขู่ก็ตามที




Create Date : 07 มีนาคม 2554
Last Update : 7 มีนาคม 2554 21:31:43 น. 4 comments
Counter : 557 Pageviews.

 
พรุ่งนี้ช่วงเช้าออกหมู่บ้านไปแจกเงินคนชรา ช่วงบ่ายไปซ้อมฮูล่าฮู๊พ ถ้าอัพไม่ทันหนูเอ๋จะมาตอนดึกนะคะ แต่ถ้าทันจะอัพให้....เฮ้อกว่าจะเข้าเมลได้หืดขึ้นคอ ขออนุญาตไปปั่นต่อนะคะ เด๋วพรุ่งนี้ไม่มีเสิร์ฟ.....ฝันดีค่ะ


โดย: sansook วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:21:35:52 น.  

 
มีซ้อมฮูล่าฮู๊พด้วย
อยากเล่นมั้งจัง
คุณเอ๋ทำงานน่าสนุกเนอะ(แม้จะดูเหนื่อยๆก็เถอะ)
เขย 3 เริ่มหื่นๆแล้วนะค่ะ
คู่นี้น่าติดตามดีค่ะ


โดย: googie IP: 203.146.71.70 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:8:50:14 น.  

 
พี่วิทย์ขาาาาาา นู๋ช้อบบ.......ชอบ

เล่นฮูลาฮุพ เผื่อด้วยนะคะ เด๋วจะคอยเชียร์อยู่ข้างๆ


โดย: bijin วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:9:35:06 น.  

 
เป็นกำลังใจให้นู๋เอ๋นะจ๊ะ // ชอบคู่นี้จัง ปอจะรอดมั๊ยเนี่ย ไม่อยากให้รอดเล้ยยยยยยย อ้าวเป็นงั้นไป...


โดย: เอิงเอย IP: 182.53.135.149 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:11:52:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.