sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๑๖ ภูผาสั่นสะเทือน




เตชินทร์เดินไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้...มองคอมพิวเตอร์อย่างขยาดจนไม่กล้าแตะต้อง...เขากำลังจนตรอกเหรอเนี่ย...โอย...รู้ไปถึงไหนคงได้อายแทบแทรกแผ่นดินหนีที่ยอดชายนายเตชินทร์ผู้ไม่เคยคิดมีเมียโดยใช้ระบบออนไลน์เกิดตกหลุมรักสาวจนต้องใช้วิธีแชทเป็นตัวเชื่อมเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ

ในยามพูดคุยกับหญิงสาวแม้จะรู้สึกสบายใจ แต่พอนึกถึงชะตาชีวิตที่แขวนอยู่บนความไม่แน่นอนหนุ่มหัดแชทจึงเริ่มกังวล

“เมื่อกี้คุณเน่พูดถึงไอพี...แล้วไอ้ไอพีมันคืออะไรวะนั่น...”

หลังจากนั่งคิดมาหลายนาทีในที่สุดชื่อของตัวช่วยเดียวที่คิดได้ก็ผุดขึ้นมา ใบหน้าคมสันเริ่มมีสีสันของความหวัง ก่อนจะเอื้อมมือกดโทรศัพท์แล้วเรียกใช้บริการ

“ธันเข้ามาหาผมหน่อยสิ”

สิ้นคำสั่งไม่ถึงนาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับคนถูกเรียกแทรกตัวเข้ามา

“มีอะไรครับคุณเต้”

“ผมมีเรื่องสงสัยนิดหน่อยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์”

“ครับ...คุณเต้ต้องการให้ผมไปเชิญคุณนารีรายณ์เข้ามาไหมครับ”

เลขาฯ หนุ่มรีบนำเสนอผู้เชี่ยวชาญ

“ไม่ต้อง...เออ...คุณรู้จักคำว่าไอพีมั้ย...ผมเคยได้ยินว่ามันอยู่ในคอมพิวเตอร์แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร”

เพราะใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะเรื่องงานและไม่เคยสนใจกับรายละเอียดของเทคโนโลยีด้านนี้จึงทำให้มิสเตอร์เงาเริ่มมึน

“ไอพีก็คือ...หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์มีไว้เพื่อตรวจเช็กว่าคอมพิวเตอร์คือเครื่องไหน”

“แบบนี้พวกโปรแกรมเมอร์เขาก็เช็กได้น่ะสิ”

“เช็กได้สิครับ...”

“งั้นคุณช่วยดูไอพีเครื่องของผมให้หน่อยว่ามันหน้าตาเป็นยังไง”

พอตัวช่วยเดียวสามารถให้คำตอบที่ต้องการได้...เตชินทร์จึงคลายใจ
พร้อมกับคิดหาวิธีป้องกัน

“ผมรู้ว่ามันเช็กได้แต่ไม่รู้ว่าเช็กยังไง...ครับ”

“อ้าว...คุณเป็นเลขาฯ ผมนะธัน...เรื่องแค่นี้คุณต้องรู้สิ”

พอได้ยินคำพูดของเจ้านายคนเป็นเลขาฯ ถึงกับใบ้รับประทาน...จนอดค่อนขอดไม่ได้...ผมเป็นเลขาฯ นะครับเจ้านายไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ที่ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์แล้วจะสามารถตอบได้ทันที...

“ถ้าอย่างนั้นเจ้านายรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปขอให้คุณนารีรายณ์มาดูให้”

เลขาฯ หนู่มบอกพร้อมกับทำท่าจะหมุนตัว

“ไม่ได้...ห้ามเด็ดขาด...คุณจะไปถามใครดูก็ได้...ยกเว้นคุณป่านกับคุณเน่...”

เตชินทร์ถึงกับสะดุ้งเมื่อเลขาฯ ผู้หวังดีกำลังจะจุดไต้ตำตอ...และเผลอๆ ไต้ที่จุดอาจจะเผาเขาจนดำเป็นตอตะโก...

“ทำไมล่ะครับ...ในเมื่อเวลานี้เรามีผู้เชี่ยวชาญถึงสองคนอยู่ในบริษัท”

“ไม่ต้องถามว่าทำไม...ตอนนี้หน้าที่คุณคือไปหาวิธีมาและวิธีที่ได้จะต้องมาจากที่อื่น...เข้าใจไหม”

คนรับคำสั่งได้แต่ยืนอึ้ง เมื่อเจ้านายเสิร์ฟความมึนงงให้ก่อนกลับบ้าน...ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้านายรูปหล่อที่พฤติกรรมแปลกไปอย่างสงสัย...เพราะปกติเตชินทร์ไม่ใส่ใจเรื่องจุกจิกโดยเฉพาะเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ วันๆ นอกจากเปิดดูข้อมูลเรื่องงานกับตอบอีเมลลูกค้าและแฟ้มบนโต๊ะเขาไม่เคยเห็นเจ้านายสนใจกับอะไรอีก

“ขอเวลาผมสักครู่นะครับคุณเต้”

เพราะหน้าที่คือสนองความต้องการของเจ้านาย...เลขาฯ หนุ่มผู้ที่ยังอยู่ในความมึนงงจึงน้อมรับคำสั่งอย่างแข็งขัน

“จะทำอะไรก็รีบๆ เข้า”

เตชินทร์บอกแล้วมองตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างมีความหวัง

“ถ้าได้เป็นแฟนกันเมื่อไรผมจะให้คุณสอนผมทุกอย่างเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พวกนี้ตั้งแต่เปิดเครื่องยันปิดเครื่องเลยคอยดู”

ชายหนุ่มบ่นงึมงำเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่กำลังทำให้เขาแทบจนตรอก ขณะกำลังนั่งคิดหาทางออกไม่ถึง 10 นาทีเลขาฯ หนุ่มก็เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง

“ได้เรื่องแล้วเหรอ”

คนเป็นเจ้านายถามพร้อมกับผุดลุกจากเก้าอี้

“ได้แล้วครับ...”

“คุณไปถามข้อมูลมาจากไหน...ทำไมเร็วนัก”

“ผมโทรไปถามเพื่อนมารับรองว่าไม่ได้ปริปากถามบุคคลต้องห้ามทั้งสอง”

เตชินทร์พยักหน้าอย่างโล่งอกก่อนจะขยับไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเมื่อเลขาฯ วางเครื่องคอมพิวเตอร์ลง และทำตามที่เพื่อนแนะนำมาโดยมีเจ้านายยืนมองอย่างตั้งใจ

“เพื่อนผมบอกว่าอันดับแรกเราต้องเข้าไปที่ my network คิกขวาที่ local network เสร็จแล้วเลือก properties พอเห็นช่องสี่เหลี่ยมตรงกลางบรรทัดล่างสุดมีคำว่า TCP/IP เราดับเบิ้ลคลิกมันขึ้นมา ก็จะเห็นไอพีครับ”

ธนธัตดำเนินไปตามขั้นตอนพร้อมกับอธิบายไปเรื่อยๆ

“ไอพีที่ว่าคือตัวเลขพวกนี้หรอกเหรอ...เสร็จแล้วก็ไปเช็กดูเครื่องของผมสิว่าเป็นตัวเลขเดียวกันไหม”

เตชินทร์จ้องไอพีซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุดอย่างครุ่นคิด ตัวเลขตั้งเยอะตั้งแยะแค่ดูเขายังงงแต่อีกฝ่ายกลับมองเห็นเป็นเรื่องง่ายดาย...พอเห็นความน่าทึ่งของเทคโนโลยีคนที่ไม่เคยให้ความสนใจถึงก็กับอึ้งกับความเชี่ยวชาญของอีกฝ่าย

“ไอพีของคุณเต้มีตัวเลขสามชุดแรกเหมือนของผม...แต่ชุดสุดท้ายมีจำนวนมากกว่าครับ”

“แบบนี้มันหมายความว่ายังไง”

“เพื่อนผมบอกว่าถ้าเป็นกรณีนี้แสดงว่าเร้าเตอร์แจกไอพีไปยังเครื่องตามที่ถูกเช็ทไว้...เพราะเร้าเตอร์บางตัวใช้ไอพีเดียวกันหมดแต่แยกจ่ายไปตามจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์เหมือนเป็นเครื่องที่ หนึ่ง สอง สามไล่ไป บางตัวไอพีจะเปลี่ยนทุกๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยไม่สามารถระบุแน่นอนได้”

“แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวแล้วสิว่าจะมีคนเช็กได้”

“สำหรับคนที่ไม่มีความชำนาญเช็กไม่ได้หรอกครับแต่คนที่เก่งคอมพิวเตอร์เรื่องแบบนี้มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเลยล่ะ”

เตชินทร์ที่มองเห็นทางรอดถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าเส้นทางหลีกเลี่ยงของตัวเองกำลังถูกปิดตาย

“แบบนี้ถ้าหากเราต้องการใช้อินเตอร์เน็ทโดยไม่ให้ใครเห็นไอพี ล่ะ...มันทำได้ไหม ...”

“คงยากครับเพราะถ้าเราใช้อินเทอร์เน็ตยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราใช้เป็นระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเช็กได้ยากกว่าระบบแลน”

“อ้อ...อย่างนั้นเหรอ...”

เตชินทร์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

“ถ้าอย่างนั้น...คุณไปจัดการทุกอย่างนั่นมาให้ผมภายในหนึ่งชั่วโมง...และถามวิธีใช้มาให้ละเอียดด้วย ที่สำคัญอย่าให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าทุกอย่างนั่นเป็นของผม ส่วนค่าใช้จ่ายค่อยมาเบิกทีหลัง”

เลขาฯ หนุ่มยืนรับคำสั่งอย่างงุนงง...แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เจ้านายเกิดสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านนี้ แต่พอเห็นสีหน้าเข้มดุสิ่งที่ทำได้ก็คือรีบทำตามคำสั่งโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายบอกซ้ำ

พอลับร่างเลขาฯ เตชินทร์หันไปยิ้มกับคอมพิวเตอร์...หวังว่าแม่สาวแมกกายเวอร์จะไม่เจาะเจอความลับนี้ชายหนุ่มภาวนาอยู่ในใจ ก่อนทรุดลงนั่งเอนกายอย่างสบายอารมณ์เมื่อเห็นว่าปัญหาที่เผชิญสามารถคลี่คลายได้


เสียงพนักงานต้อนรับกล่าวขอบคุณผู้โดยสารเมื่อเครื่องบินเทียบงวงช้างในเวลาสองทุ่มเศษปลุกชายหนุ่มให้ออกจากภวังค์ ใบหน้าคมคายก้มมองคนที่หลับพริ้มซุกตัวอยู่ในอกอย่างรักใคร่...แล้วผุดรอยยิ้มขบขันออกมาเมื่อนึกถึงหญิงสาวอีกคน...

เมื่อภาพใบหน้าเปี่ยมสุขและรอยยิ้มภูมิใจอกภูมิใจของยูริยังลอยเข้ามาในมโนสำนึก...ถ้ายูริรู้ภายหลังว่าตัวเองเป็นหนึ่งในกามเทพช่วยให้เขาได้แต่งงงานกับปิ่นนารีหาใช่ผู้ประสานรอยร้าวอย่างที่เข้าใจมาตลอด...แม่สาวแห่งแดนอาทิตย์อุทัยจะทำหน้ายังไง จะว่าไปเธอก็น่าสงสารไม่น้อยที่ถูกใช้ให้เป็นผู้ช่วยกามเทพโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรกับใครเขา...แต่ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างสำหรับเขาการเดินทางไปญี่ปุ่นคราวนี้นับว่าคุ้มจนเกินคุ้ม...ภูมิรพีนั่งบอกกับตัวเอง

หลังจากนั่งดื่มด่ำกับความสำเร็จอยู่เงียบๆ พอเสียงพนักงานต้อนรับกล่าวขอบคุณผู้โดยสารสิ้นสุดลง ชายหนุ่มจึงสะกิดปลุกคนที่ซุกอยู่ในอกมาพักใหญ่ให้ตื่นขึ้น

ปิ่นนารีลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มหูดังอยู่ข้างหู ก่อนจะขยับไล่ความเมื่อยขบอยู่ชั่วครู่ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยามเห็นแววตาล้อเลียนของภูมิรพี แม้จะนึกอายที่เธออาศัยอกอุ่นๆ ของเขาเป็นหมอนทั้งขาไปและกลับ แต่พออีกฝ่ายทำท่าจะล้อเธอจึงเตรียมทำหน้างอเพื่อดักทาง

“มีเมียขี้เซาเนี่ยไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องน่าห่วง”

ภูมิรพีเอ่ยขึ้นหลังจากได้สัมภาระครบแล้วเดินลากกระเป๋าตามว่าที่ภรรยาออกมาจากช่องผู้โดยสาร

“ปิ่นก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วคุณมีปัญหาอะไร”

ปิ่นนารีหยุดเดินแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าแมวปากมอมทันที

“ผมก็แค่กังวลว่าถ้าคุณต้องเดินทางไกลคนเดียวแล้วบังเอิญได้นั่งใกล้ๆ ผู้ชายอื่น...”

ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบคลื่นอำมหิตก็แทรกขึ้นทันใด

“อ้อ...ก็เลยคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองงั้นสิ”

“ก็...ผม”

“ถ้าคุณยังไม่เงียบปิ่นจะถอดแหวนคืนและยกเลิกทุกอย่าง”

ขณะกำลังจะอ้าปากแก้ต่างให้ตัวเองเสียงเขียวๆ ของปลาวาฬเพชฌฆาตก็สวนกลับมาอีกครั้ง

ขู่เสร็จปิ่นนารีเหลือบมองหน้าเจื่อนๆ ของอีกฝ่ายแล้วหมุนตัวจะเดินต่อ พอเจอไม้เด็ดเข้าไปแมวตัวร้ายที่กำลังจะอ้าปากถึงกับหุบฉับแทบไม่ทัน...

“...รู้ว่าคนเขาเกรงใจขู่ได้ขู่ดีนะแม่คุณ...ไอ้ภูมินะไอ้ภูมิ...เจอผู้หญิงมาเป็นร้อยเป็นพันไม่เคยกลัว...ทำไมต้องมากลัวคนที่กำลังจะมาเป็นเมียด้วยวะเนี่ย...”

ชายหนุ่มบ่นงึมงำด้วยความสมเพชเวทนาในชะตากรรมของตัวเอง

“คุณพูดว่าอะไรนะคะ...นินทาปิ่นเหรอเอากระเป๋ามานี่”

หญิงสาวถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงงึมงำของภูมิรพีดังอยู่แว่วๆ ก่อนจะหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินหมุนตัวไปคว้ากระเป๋าจากอีกฝ่ายสีหน้าเอาเรื่อง

“โธ่ที่รักอย่าเพิ่งงอนสิ...ผมแค่พูดเตือนตัวเองว่าจงเดินไปอย่างสงบเพราะกลัวอดได้เมียจ๊ะ”

ภูมิรพีตอบอ้อมแอ้ม...พร้อมกับยิ้มเอาใจ...เมื่อเห็นประกายตาเอาเรื่องของอีกฝ่าย แล้วรั้งกระเป๋าไว้ ขณะกำลังชักกะเย่อกระเป๋ากับปิ่นนารีอยู่ๆ ใครคนหนึ่งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับปัดมือของหญิงสาวออกแล้วกระชากกระเป๋าไปถือไว้จนคนที่กำลังใจเริ่มเสียถึงกับสะดุ้งโหยง

“คุณจะทำอะไรไม่ทราบ”

เสียงเขียวๆ เอาเรื่องของผู้หญิงดังอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ทำให้ภูมิรพีเท่านั้นที่สะดุ้ง เพราะปิ่นนารีก็ตกใจพอกันเมื่ออยู่ๆ นารีรายณ์ก็โผล่เข้ามาช่วย

ภูมิรพีเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง จ้องดวงตาคมกล้าภายใต้ใบหน้าเรียวรูปไข่อย่างฉงน ก่อนจะหันไปมองปิ่นนารีแววตาเต็มไปด้วยคำถามว่าแม่ตาคมที่โผล่เข้ามาเป็นใคร...

“ถอยออกไปให้ห่างๆ พี่สาวฉันเดี๋ยวนี้...”

และคำสั่งห้วนเอาเรื่องของนารีรายณ์ก็ช่วยให้คำตอบในอีกอึดใจต่อมา

“เอ่อ...คือ...”

ภูมิรพีถึงกับเกาะขอบอ่างเมื่ออยู่ๆ ผู้หญิงแปลกหน้าก็มาว้ากใส่ แม้จะตื่นตะลึงกับความสวยแต่ถึงจะสวยยังไงชายหนุ่มก็ไม่นึกอยากประสานงาเพราะจากท่าทางเห็นชัดว่าเธอดุยิ่งกว่าปลาฉลาม...

“เอ่อ...ป่าน”

“ไม่ต้องพูดหรอกพี่ปิ่นป่านรู้น่าว่าอะไรเป็นอะไร...เดี๋ยวป่านจัดการเอง”

นารีรายณ์กางมือห้ามเพราะเข้าใจว่าภูมิรพีกำลังตามตื้อพี่สาวของตน...

“ขอกระเป๋าสะพายพี่สาวฉันด้วย...ขอบใจนะที่ช่วยลากกระเป๋ามาให้พี่สาวฉัน”

หญิงสาวบอกห้วนๆ พร้อมกับยื่นมือขอกระเป๋าที่อีกฝ่ายสะพายอยู่บนหัวไหล่ พอได้ของจึงเดินไปยืนข้างปิ่นนารีแล้วเอ่ยขอบอกขอบใจอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

ภูมิรพีถึงกับมึนจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจออุปสรรคแรกตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าประเทศ ชายหนุ่มยืนมองว่าที่ภรรยาที่กำลังกลั้นยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง...จนเสียงเขียวๆ ของแม่ปลาฉลามดังขึ้นนั่นแหละเขาถึงได้ร้อง...อ๋อ..

“เรากลับกันเถอะ...ป่านบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าให้ผู้ชายแปลกหน้ามาลากกระเป๋าให้แล้วเดินตามต้อยๆ มาเนี่ย...เขาทำท่าจีบพี่หรือเปล่า...ท่าทางกะล่อนแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลย”

นารีรายณ์ที่ได้ชื่อว่าหวงพี่สาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เริ่มกางปีกพร้อมกับยัดข้อกล่าวหาอย่างไม่คิดไว้หน้า แล้วจ้องชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยังไม่ยอมไปไหนอย่างหงุดหงิดในอารมณ์ เพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย และคบคนมาหลากหลายจึงทำให้เธอมองท่าทางของอีกฝ่ายออกได้ไม่ยากว่าน่าจะอยู่ในประเภทปลาไหล...

“ผู้ชายอะไรเขาไล่ตรงๆ ยังจะทำมึนอีกแน่ะ...พูดไม่รู้ฟังแบบนี้ต้องเครมประกัน...”

ปิ่นนารีถึงกับหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นแม่น้องสาวจอมหวงกำลังคิดประสานงากับคู่กรณี

“ใจเย็นๆ น่าป่าน...”

คนเป็นพี่รีบท้วงเมื่อเห็นสีหน้าเอาเรื่องของน้องสาว

“ป่านไม่ชอบผู้ชายขี้หลีพี่ก็รู้ อีกอย่างดูเขาสิจ้องพี่ยังกับเป็นอาหารชั้นเลิศแน่ะ...มองแล้วทำท่าหิวแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจ...พี่ปิ่นก็กระไรปล่อยให้เขาเดินตามอยู่ได้...”

นารีรายณ์สันนิษฐานไปตามสภาพที่เห็นแล้วตำหนิพี่สาวที่เธอมองว่ายังไงก็อ่อนต่อโลกอย่างห่วงใย พร้อมกับเหยียบคันเร่งเตรียมประสานงาหากอีกฝ่ายยังคิดตามไม่เลิก

“คุณภูมิไม่ต้องไปส่งก็ได้ค่ะ...เดี๋ยวปิ่นกลับพร้อมน้องดีกว่า”

เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มบานปลายปิ่นนารีจึงรีบชี้หนทางรอดให้กับอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ

“ไม่เป็นไรจ๊ะ...ยังไงผมก็ขอยืนยันว่าจะไปส่งคุณ...ตอนนี้คนขับรถของผมน่าจะรออยู่ด้านนอก อีกอย่างคุณพ่อกับคุณแม่ท่านโทรบอกก่อนเราขึ้นเครื่องว่าจะรอผมอยู่ที่นั่นด้วย”

ภูมิรพีบอกแล้วยิ้มกริ่มออกมาเมื่อเห็นแม่ปลาฉลามกำลังทำหน้างง

“พี่รู้จักเขาเหรอ”

พอเห็นความสนิทสนมของทั้งคู่นารีรายณ์จังหันไปถามพี่สาว

“ป่านนี่คุณภูมิรพี...เป็นกรรมการบริหารของเอเชียปิโตรเลียมจ๊ะ”

คำแนะนำของพี่สาวทำเอาคนที่เหยียบคันเร่งมาสักพักถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก และคำบอกเล่าอีกหลายข้อก็ยิ่งทำให้นารีรายณ์ทำหน้าไม่ถูก หญิงสาวหันไปมองพี่สาวทีชายแปลกหน้าทีแล้วยิ้มอายๆ เพราะเผลอปล่อยหมัดฮุคไปหลายหมัด

“รู้จักกันก็ไม่บอก...”

พอรู้ว่าใครเป็นใครนารีรายณ์จึงพึมพำแล้วยิ้มแหยๆ ก่อนจะเดินนำออกไปยังที่จอดรถโดยไม่คิดพูดอะไรอีก พอปลาฉลามถอนทัพภูมิรพีจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

‘...เป็นโชคแล้วภูมิเอ๋ยที่ได้เมียเป็นแค่ปลาวาฬเพชฌฆาตขืนเจอแบบแม่ปลาฉลามเห็นทีจะเหวอะหวะไปทั้งตัว...’

ชายบอกตัวเองแล้วเดินตามสองสาวไปเงียบๆ

ภาพทุกภาพในสนามบินถูกถ่ายทอดไปยังใครอีกคนที่ยังนั่งสาละวนอยู่กับงานกองใหญ่บนโต๊ะ หลังจากอีกฝ่ายรายงานจบเตชินทร์จึงกดวางสายเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้...แล้วถอนใจออกมาเบาๆ...

เพราะต้องการความแน่ใจว่านารีรายณ์จะปลอดภัยจากธาวินเขาจึงจ้างนักสืบให้คอยติดตามดูแลเธออย่างใกล้ชิด

“เฮ้อต้องเป็นเงาแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันเรา”

ชายหนุ่มถามตัวเองก่อนจะเอื้อมมือดึงลิ้นชักหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา...ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเดินไปยืนไขว้ขาพิงขอบหน้าต่าง...ก้มมองสิ่งของในมือประกายตาอ่อนแสง...

“...คุณป่าน...”

เตชินทร์พึมพำแล้วจ้องภาพของหญิงสาวในลักษณะแอบถ่ายเขม็ง...เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ถูกอกถูกใจผู้หญิงคนนี้นักหนา...และความสนใจที่มีมันก็เพิ่มปริมาณขึ้นทุกทีจนอยากมีเธออยู่ข้างกาย...ยิ่งรู้ว่าธาวินต้องการเธอความหวงก็ยิ่งปะทุ...จนภูผาอย่างเขาถึงกับสั่นสะเทือนเมื่อนึกถึงความสูญเสียหากวันหนึ่งธาวินดึงเธอไปครอบครองได้สำเร็จ

‘...เป็นตายยังไงเขาก็ต้องขัดขวางและเอาเธอมาครอบครองให้ได้...’

ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น





Create Date : 24 มกราคม 2554
Last Update : 24 มกราคม 2554 22:10:39 น. 5 comments
Counter : 692 Pageviews.

 
ขอโทษด้วยนะคะ ที่มาอัพเสียดึก พอดีตอนนี้เอ๋เขียนแล้วมันไม่ค่อยโอเคค่ะ เลยกลับมาตบใหม่เกือบทั้งตอน พอเข้าที่เข้าทางเวลาก็ลากยาวจนสี่ทุ่ม แก้เสร็จก็รีบลงให้เลยค่ะ ช่วงนี้งานก็ไหลมาเป็นระยะๆ แต่ก็อัพให้ได้ทุกวันตามปกติ จะผิดปกติก็คือเวลาอัพค่ะ เพราะถ้าอัพช่วงกลางวันไม่ทันเอ๋จะกลับมาอัพให้ที่บ้านะคะ อ่านให้สนุกค่ะ....

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: sansook วันที่: 24 มกราคม 2554 เวลา:22:15:40 น.  

 
คุณภูมิเอ่ย
เป็นพระเอกคุณเอ๋ต้องกลัวเมียเฟ้ย 555+++
ตั้งแต่อ่านมา พระเอกกลัวเมียทุกคนแหละ หุหุ
คู่ต่อไปเป็นรัก(จริง)ลวง(คอม)พราง(ไอดี)วุ้ย


โดย: googie IP: 203.146.71.70 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:8:50:25 น.  

 
เพิ่งสังเกตเหมือนกันพระเอกของนู๋เอ๋ต้องเกลียมัวทุกคน เอ.....เป็นความต้องการส่วนตัวหรือป่าวจ้ะ


โดย: tuk_ora วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:9:28:06 น.  

 
คุณเต้..คิดผิดคิดใหม่ได้นะว่าเค้าจะเจาะ IP ไม่เจอ เหอ ๆ


โดย: jee IP: 10.249.112.88, 202.44.210.31 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:9:44:14 น.  

 
สามีที่กลัวเมียเจริญทุกคน คอนเฟิม


โดย: sakeena IP: 124.121.222.43 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:11:10:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.