sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
3 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๒๒ แผนร้ายอุบายรัก



เสียงกริ่งโทรศัพท์ภายในที่ดังขึ้นเบาๆ หยุดสายตาคมกริบที่กำลังไล่อ่านเอกสารเบนไปทางต้นเสียง เอื้อมมือกดปุ่มแล้วกรอกเสียงถาม

“ว่าไงธัน”

“คุณป่านขอพบครับคุณเต้”

คำตอบของเลขาฯ หนุ่มทำเอาคนได้ยินแทบลุกพรวดจากเก้าอี้...แต่ก็ยังรักษาท่าทีไว้ให้อยู่ในความนิ่งสงบ

“เชิญเธอเข้ามาสิ”

เขาตอบด้วยระดับเสียงเรียบเฉย...แม้ความรู้สึกภายในจะดีใจจนเนื้อเต้นก็ตามที

“สวัสดีค่ะ”

นารีรายณ์ทักทายเมื่อเลขาฯ หนุ่มเปิดประตูเชื้อเชิญเธอเข้าไป

“สวัสดีครับคุณป่าน”

ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินอ้อมโต๊ะออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ฉันมาชวนคุณไปหาอะไรทานค่ะ”

คำตอบของหญิงสาวทำเอากระรอกหนุ่มถึงกับใจเต้นโครมคราม ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาแล้วนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่ามันเพิ่ง 5 โมงเย็น

“คุณมาชวนผมไปหาอะไรทานเหรอครับ”

ชายหนุ่มทวนคำน้ำเสียงกึ่งตื่นเต้นกึ่งประหลาดใจ

“ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ...ขอตัวก่อนนะคะ”

เธอบอกพร้อมกับทำท่าจะหมุนตัวเดินกลับออกไป

“เดี๋ยวสิครับคุณป่าน...”

เตชินทร์แทบถลาเข้าไปยึดแขนกลมกลึงนั่นแล้วรั้งไว้แต่ก็ต้องสะกดใจรักษาท่าทีให้นิ่งสงบ

“คะ...”

หญิงสาวหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วยิ้มหวานจนคนมองใจแทบละลายอยู่ตรงปลายเท้าของเธอ

“ผมว่างครับ...ขอเวลาแป๊บ”

เตชินทร์ตอบยิ้มๆ หมุนตัวไปที่โต๊ะจรดปลายปากกาลงไปในเอกสารอย่างเร่งรีบแล้วพับแฟ้มวางไว้มุมโต๊ะด้านหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นเอื้อมมือดึงลิ้นชักหยิบกุญแจรถแล้วผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินนำ

“พอดีวันนี้งานฉันเสร็จเร็ว...เลยตั้งใจชวนคุณไปทานอาหารเย็น”

นารีรายณ์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินถึงลานจอดรถ ชายหนุ่มมองรถปอร์เช่สีขาววาววับตรงหน้าด้วยความอึ้งชั่วแวบแล้วปรับเป็นเรียบเฉย ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ เหมือนมองหาใคร

“แล้วคุณเน่ล่ะฮะไม่ไปด้วยกันหรือ”

แม้อยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเธอตามลำพัง แต่เพราะอยากทำคะแนนเตชินทร์จึงไม่ลืมเอ่ยถึงบุคคลสำคัญอย่างนันทยศ

“วันนี้น้องสาวโทรมาตามค่ะเลยรีบกลับไปก่อน...คุณเตชินทร์คงไม่ลำบากใจใช่ไหมคะหากจะไปทานข้าวกับป่านตามลำพัง”

เตชินทร์อยากบอกเธอเหลือเกินว่าเขายินดีมากแค่ไหนที่มีโอกาสได้อยู่กับเธอตามลำพัง แต่ก็ทำได้แค่ยิ้ม

“ผมเกรงว่าคุณจะลำบากใจมากกว่า”

“ทำไมต้องลำบากใจด้วยล่ะคะในเมื่อป่านติดเลี้ยงข้าวคุณตั้งสองมื้อ”

ชายหนุ่มถึงกับร้อง...อ๋อ...อยู่ในใจเมื่อเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่สาวไซเบอร์ถึงได้เปิดโอกาสงามๆ นี้ให้เขา...แม้นึกผิดหวังอยู่ลึกๆ เมื่อสิ่งที่หญิงสาวหยิบยื่นเป็นเพียงการตอบแทนแต่เตชินทร์ก็เลือกที่จะปลอบใจตัวเองโดยทำนิ่งเฉย

“เราไปรถผมดีกว่าไหมฮะ”

พอหญิงสาวทำท่าจะเปิดประตูรถคนเป็นสุภาพบุรุษจึงเสนอขึ้น

“ไปรถป่านดีกว่าค่ะจะได้คล่องตัวหน่อย”

นารีรายณ์บอกพร้อมกับผายมือเชิญด้วยท่าทางทะเล้นตามแบบฉบับสาวอารมณ์ดีจนคนมองอดยิ้มให้กับความเป็นธรรมชาติของเธอไม่ได้

เมื่อหญิงสาวยืนยันว่าจะเป็นทั้งเจ้ามือและสารถีร่างสูงจึงก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้าง...พอรถเคลื่อนออกจากลานจอดรถพ้นเขตตึกมาได้ราวสองร้อยเมตร...เตชินทร์ปรายตามองหญิงสาวร่างเปรียวที่กำลังตั้งใจขับรถด้วยความทึ่งเป็นรอบที่สอง

ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวบ่อยครั้งจนเริ่มมองออกว่านารีรายณ์เป็นผู้หญิงที่มีความคล่องตัวสูงมากเลยทีเดียว เพราะขนาดรถเธอยังเลือกใช้เป็นรถสปอร์ตที่มีความคล่องตัวไม่ใช่รถคันใหญ่ราคาแพงซึ่งหรูหรามากกว่า

แตกต่างจากเขาซึ่งชอบรถคันใหญ่เรียบหรูและมีรสนิยมตามแบบนักธุรกิจที่ต้องการเน้นความเคร่งขรึมน่าเชื่อถือแต่ไม่มีชีวิตชีวา

ทั้งสองนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร ชายหนุ่มพยายามปรับความรู้สึกที่กำลังแตกซ่านให้อยู่ภายใต้ความนิ่งสงบ...จนอดนึกถึงโปรแกรมแชทที่เขาใช้สนทนากับเธอไม่ได้

“อาหารที่นี่อร่อยค่ะป่านกับเพื่อนมาประจำ”

หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลี้ยวเข้าไปจอดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งสองเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะตรงระเบียงยื่นออกไปทางน้ำตกจำลองค่อนข้างเป็นส่วนตัวเมื่อมีความเห็นตรงกันว่าชอบการตกแต่งสวนของทางร้าน

“คุณเตชินทร์ชอบดื่มไหมคะ...ลองนี่ดูหน่อยไหม”

มือเรียวยื่นแก้วไวน์องุ่นไปให้เมื่อบริกรนำมาเสิร์ฟระหว่างรออาหารที่สั่ง

ชายหนุ่มรับแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ

“อืม...เข้าท่าดีนี่ครับ”

“ไวน์ของที่นี่เขาบ่มเอง...เพราะเจ้าของร้านมีสวนองุ่นค่ะ”

นารีรายณ์เล่าไปจิบไวน์ไป...

“ดูเหมือนคุณป่านจะรู้จักที่นี่ดีนะฮะ”

“ร้านคุณพ่อของเพื่อนป่านเองค่ะ”

หญิงสาวยิ้มแล้ววางแก้วลงเมื่ออาหารที่สั่งเริ่มทยอยขึ้นโต๊ะ ทั้งสองใช้เวลานั่งทานอาหารพร้อมกับพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเวลาล่วงเข้า 1 ทุ่มหญิงสาวจึงชวนกลับ เตชินทร์ยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มกับห้วงเวลาที่เขากำลังดื่มด่ำกับอรรถรสของอาหารและความชุ่มฉ่ำของบรรยากาศรายรอบจนอยากขอต่อเวลาไปอีกนานๆ

ขณะชายหนุ่มกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ได้รับโดยไม่คาดฝัน...แต่อีกคนกลับยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรายรอบจนแสดงความร่าเริงออกมาอย่างลืมตัว

เตชินทร์นั่งทานอาหารอย่างมีชีวิตชีวาและยิ้มตลอดเวลากับความเป็นกันเองที่หญิงสาวหยิบยื่นให้จนลืมระมัดระวังตัว

ทั้งสองกลับเข้าบริษัทอีกครั้งในเวลาราว 2 ทุ่มเศษ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินไปประจำลิฟต์หน้าลิฟต์เมื่อเห็นเจ้านายเดินเข้ามาก่อนจะยกมือทำความเคารพและกล่าวขอบคุณเมื่อนารีรายณ์ยื่นกล่องอาหารกล่องใหญ่ให้

ชายหนุ่มแตะเอวบางเป็นเชิงเตือนเมื่อลิฟต์มาถึง...เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงความเงียบและกลิ่นน้ำหอมจางๆ จากเรือนกายของหญิงสาวก็กรุ่นกำจายแตะเข้าปลายจมูกจนชายหนุ่มเผลอสูดดมเข้าปอดอย่างลืมตัว

มือหนาเอื้อมกดเลือกชั้นขยับถอยไปด้านหลังชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกอย่างระมัดระวังขณะจับจ้องแผ่นหลังกลมกลึงภายใต้ชุดทะมัดทะแมงนิ่งด้วยความโหยหา...จนแทบดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอก

“ขอบคุณนะครับสำหรับอาหารมื้ออร่อย...”

เตชินทร์เอ่ยเมื่อเดินตามไปส่งหญิงสาวที่ห้องทำงาน

“ยินดีค่ะที่คุณชอบ”

“เอาไว้มื้อหน้าผมขอเลี้ยงคืนบ้างนะครับ...”

เพราะฤทธิ์ไวน์ที่จิบไปหลายแก้วจึงทำให้กระรอกเตชินทร์เริ่มมีความกล้าจนสามารถชี้โพรงให้ตัวเอง

“ผมขอเข้าไปได้ไหม”

เพราะหัวใจร่ำร้องต้องการจึงทำให้ชายหนุ่มไม่อยากเดินจากไปง่ายๆ

“ที่นี่เป็นบริษัทของคุณไม่ใช่เหรอคะ”

“แต่ห้องนี้เป็นที่ทำงานส่วนตัวของคุณ...”

นารีรายณ์มองประกายตาฉ่ำหวานของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ แม้การพูดคุยกันระหว่างรับประทานอาหารจะทำให้เธอนึกพอใจผู้ชายคนนี้อยู่ลึกๆ แต่หลังจากใช้เวลานับชั่วโมงประติดประต่อจนเริ่มสงสัยว่าเตชินทร์อาจเป็น Mr. shadow เธอก็อดนึกถึงคำปรามาสและสิ่งที่เขาท้าทายไม่ได้...ยิ่งคิดอาการเคืองก็ตีตื้นจนอยากหานายเงานั่นให้พบเร็วๆ

ทั้งสองพูดคุยกันอีกชั่วครู่ เมื่อเก็บของเสร็จหญิงสาวจึงเอ่ยขอตัว เตชินทร์เดินไปส่งเธอที่หน้าลิฟต์แล้วเดินกลับเข้าห้องด้วยใบหน้าระรื่นชื่นสุข ร่างสูงทรุดนั่งบนเก้าอี้ประสานมือบนหน้าอก...เอาน่าเธอยังติดเลี้ยงข้าวเขาอีกตั้ง 1 มื้อ...แม้นึกเสียดายที่โอกาสดีๆ หลุดลอยไปง่ายๆ แต่เมื่อนึกถึงโอกาสต่อไปชายหนุ่มจึงยิ้มกริ่มด้วยความหมายมาดว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่าวันนี้


ไพรนารีเหลือบมองผู้ชายที่กำลังนั่งตักอาหารวางลงบนจนของพี่สาวอย่างหมั่นไส้ จนปิ่นนารีอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นประกายตาวาววับของน้องคนเล็กที่จ้องภูมิรพีอย่างเอาเรื่อง

“พี่ภูมิมาทานข้าวบ้านเขาทุกวันแบบนี้ไม่รู้สึกเกรงใจบ้างเลยเหรอคะ”

พอได้ยินคำถามของไพนารีภูมิรพีก็แทบสำลักข้าวที่กำลังกลืนลงคอ

“อ้าว...ปอทำไมไปว่าพี่เขาแบบนั้นล่ะลูก...ไม่น่ารักเลย”

อริสาหันไปตำหนิบุตรี

“ก็ปอสงสัยนี่คะ...”

ทนายสาวตอบออกไปตรงๆ

“คราวหน้าสัญญาว่าพี่จะสั่งอาหารมาเองก็ได้จ๊ะ”

ภูมิรพีบอกยิ้มๆ

“แหม...ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะเพราะยังไงปิ่นก็คิดทุกอย่างรวมอยู่ในสินสอดอยู่แล้ว”

ปิ่นนารีหันไปกระเซ้าคนรักอย่างอารมณ์ดี

“อย่าคิดเยอะนะที่รักเพราะเกิดผมหมดตัวขึ้นมาคุณแม่คงไม่ยอมปล่อยคุณให้ไปกัดก้อนเกลือกับผมแน่ๆ”

ไพรนารีกลืนข้าวแทบไม่ลงเมื่อพ่อปลาไหลกำลังหันไปมองหน้าพี่สาวคนสวยด้วยประกายตาหวานฉ่ำหนำซ้ำยังทำเสียงออดอ้อนจนน่าทุบ...

“แต่คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับเพราะผมสัญญาว่าจะดูแลคุณปิ่นด้วยชีวิต...รับรองว่ามดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม...ส่วนเรื่องอาหารการกินผมจะดูแลให้อดมื้อกินสามมื้อเลยครับ”

พอพูดจบว่าที่แม่ยายกับว่าที่ภรรยาก็หัวเราะร่วนขึ้นด้วยความถูกใจ จนทำให้คนเปิดประเด็นนึกค่อนขอดตัวเองว่าไม่น่าเปิดทางให้อีกฝ่ายทำคะแนนเลยจริงๆ

ไพรนารีตักข้าวเข้าปากอีกสองสามคำแล้วเอ่ยขอตัว เมื่อเห็นว่าขืนยังดึงดันอยากเอาชนะสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็คงไม่พ้นเป็นตัวเธอเอง...เพราะเคยว่าความให้กับลูกความที่ถูกล่อลวงและทำคดีเกี่ยวกับครอบครัวหลายคดี จึงทำให้หญิงสาวไม่อยากไว้ใจผู้ชายคนไหน...โดยเฉพาะผู้ชายกะล่อนเจ้าคารมอย่างภูมิรพีเธอก็ยิ่งไม่ไว้ใจ...

...เอาเถอะปลาไหลยังไงก็ยังเป็นปลาไหลวันยังค่ำ...ในเมื่อคำพูดไร้น้ำหนักเธอจะหาหลักฐานมามัดผู้ชายเจ้าชู้คนนี้ให้ได้...ทนายสาวบอกตัวเองพร้อมกับแอบวางแผนอยู่เงียบๆ


“เมียจ๋า...ผมรู้สึกเหมือนน้องปอไม่ค่อยชอบหน้าผมเลย”

ภูมิรพีเรียกคนรักด้วยสรรพนามที่มักใช้เป็นประจำยามอยู่กันตามลำพังแล้วถามเสียงอ้อนเมื่อปิ่นนารีเดินมาส่งเขาที่รถหลังจากนั่งคุยกันมาพักใหญ่

“คงไปทำความดีความชอบให้เขาเห็นล่ะสิ”

ปิ่นนารีปรายตามองคนรักแล้วค้อนขวับอย่างแสนงอนเมื่อนึกถึงวีรกรรมสมัยแตกเนื้อหนุ่มของอีกฝ่าย

“อ้าวเมียจ๋า...เมื่อกี้ยังเข้าข้างกันอยู่ๆ ทำไมมาโยนค้อนใส่ผมอย่างนั้นล่ะ”

“คุณภูมิบอกปิ่นมาเดี๋ยวนี้เลยว่าก่อนเจอกันคุณไปปากหวานแบบนี้กับใครมาบ้าง”

“ถ้าอยากรู้ต้องทำไงนะ”

ภูมิรพียิ้มกริ่มเมื่อเห็นปลาวาฬเพชฌฆาตกำลังจะกลายเป็นปลาหมอที่ตายเพราะปาก

“ไม่อยากรู้แล้วรีบกลับบ้านไปเลยไป”

ปิ่นนารีถึงกับร้อนวาบไปทั้งหน้าเมื่อเห็นแววตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย

“ไม่อยากรู้ก็ตามใจเพราะวันแต่งเมียจ๋าจะได้ไม่ต้องกังวลใจไงจ๊ะหากจะมีอดีตของผมเดินไปเดินมาอยู่ในงาน”

คำพูดของภูมิรพีทำเอาหญิงสาวถึงกับหูผึ่ง

“ปิ่นไม่แต่งก็ได้”

“ไม่แต่งก็ดีจ๊ะเพราะผมทนรอไม่ไหวอีกแล้ว...อยากนอนกอดคุณใจแทบขาดแล้วเนี่ย...ว่าแล้วก็พาหนีดีกว่า”

พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูรถแทรกตัวเข้าไปแล้วดึงร่างเพรียวบางให้นั่งลงบนตัก

“อย่าดิ้นสิเมียจ๋าเดี๋ยวหลังไปโดนแตรรถนะ...เอ๊ะหรือคุณอยากให้ใครๆ มาเห็นว่าเรากำลังทำอะไรกัน...ผมว่าถ้าเสียงแตรรถดังรับรองต้องมีคนโผล่มาดูแน่ๆ”

เพราะที่จอดรถแยกห่างจากตัวบ้านและมีรถตู้จอดขวางจึงทำให้บริเวณโดยรอบค่อนข้างมิดชิดเป็นส่วนตัว เมื่อเห็นว่าคนบนตักหยุดดิ้นเขาดึงถอยเบาะออกเอื้อมมือปิดสวิตซ์ไฟด้านบนแล้วยิ้มนัยน์ตาพราว

“ผมอยากรักคุณจนใจจะขาดแล้วรู้ไหม”

เขาพึมพำเสียงแผ่ว...ซุกปลายจมูกไปตามซอกคอระหงแล้วไซ้ซบใบหน้าลงกับทรวงอกอุ่นนุ่มเมื่อเขาปลดกระดุมหลุดออกทั้งแถบจนเจ้าของเสื้อไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำ...

“ไม่นะคะคุณภูมิ...”

ปิ่นนารีพยายามดิ้นเพราะกลัวใครมาเห็น...

“นิดเดียวเมียจ๋านิดเดียว”

ชายหนุ่มสอดมือไปด้านหลังปลดตะขอบราก่อนจะวกกลับมาเล้าโลมเนินอกอวบอิ่ม...ก้มลงขบเม้มยอดทรวงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแล้วเคล้าคลึงโรมรัน...จนหญิงสาวหยัดร่างขึ้นสอดปลายนิ้วเข้าไปในปอยผมหยักนุ่ม...ทิ้งศีรษะไปด้วยหลังอย่างรัญจวนใจ

“คุณภูมิ...”

เธอพึมพำชื่อเขาเสียงพร่าผสมผสานกับเสียงลมหายใจขาดห้วง

“ผมรักคุณ...”

เขากระซิบบอก...ก่อนจะลากลิ้นไปเนินอกอวบอิ่ม...แล้วสอดมือเข้าใต้กระโปรงตลบขึ้นจนถึงสะโพกกลมกลึง...

“ไม่ได้ค่ะ...ตรงนี้ไม่ได้”

หญิงสาวกระซิบห้ามเสียงพร่าเมื่อปลายนิ้วของชายหนุ่มกำลังแนบลงบนจุดวาบหวามและกำลังรุกรานปราการตัวจิ๋ว

“ผมทนไม่ไหวแล้ว...สัญญาว่าจะแค่แปบเดียว”

ภูมิรพีขอร้องเสียงหอบกระเส่าเมื่อความครัดเคร่งกำลังเบ่งบานจนยากจะหยุดยั้ง

“ไม่ค่ะ...พอได้แล้วคนดี...ที่นี่บ้านปิ่นนะคุณแม่ก็อยู่เราต้องให้เกียรติท่าน”

เมื่อสติมีมากกว่าตัณหาจึงทำให้ปิ่นนารีนึกละอายหากคิดทำอะไรตามแรงอารมณ์จนไม่มองถึงความเหมาะสม

“โอเค...ก็ได้จ๊ะผมจะรอจนถึงวันแต่งงานก็ได้...แต่เมียจ๋าเลื่อนเข้ามาอีกสักเดือนไม่ได้เหรอ...ผมว่าสามเดือนมันนานไป”

ชายหนุ่มขอร้องเสียงอ้อน...ก้มหน้ามองทรวงงามที่กำลังไหวระริกตรงหน้าตาละห้อย แล้วค่อยๆ แนบริมฝีปากลงคลึงเคล้าราวกำลังบอกลา ก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ ด้วยความเสียดาย

“ปิ่นรักคุณนะคะ”

เสียงแผ่วๆ ที่ดังจากขึ้น..เล่นเอามือที่กำลังติดกระดุมชะงักไปชั่วครู่เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะติดต่อไปหรือแกะออกใหม่ดี...แต่เสียงรถที่ดังกระหึ่มมาแต่ไกลก็ช่วยกระชากสติที่กำลังล่องลอยให้กลับมา...

“เสียงรถของป่านค่ะ...รีบๆ ติดกระดุมสิคะ”

หญิงสาวบอกเสียงลนลานก่อนจะรีบลุกออกมายืนอยู่ข้างรถเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ภูมิรพีมองใบหน้าแดงก่ำของคนรักแล้วหัวเราะเบาๆ

“อย่าทำหน้าตื่นแบบนั้นสิจ๊ะเดี๋ยวน้องป่านจะสงสัยเอา...ผมกลับก่อนนะเมียจ๋าสาบานเลยว่าแต่งงานเมื่อไรผมจะไม่ไปนอนที่ไหนนอกจากบ้าน...”

“ขับรถดีๆ นะคะ”

ปิ่นนารีก้มลงแนบริมฝีปากกับแก้มสากเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าออกมาแล้วถอยออกไปยืนโบกมือลา ภูมิรพีขับรถออกไปด้วยหัวใจที่แช่มชื่น...โดยไม่รู้สักนิดว่าหายนะกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาทุกทีๆ





Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2554 11:22:43 น. 8 comments
Counter : 962 Pageviews.

 
วันนี้จะอัพชดเชยให้อีกหนึ่งตอน ขอตบๆ ให้เข้าที่เข้าทางก่อนค่ะ....เสร็จแล้วจะรีบอัพให้อ่านนะคะ


โดย: sansook วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:25:03 น.  

 
จะรออ่านจ้า.....


โดย: raimee IP: 180.180.231.142 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:19:46 น.  

 
ลุ้นๆๆๆๆๆๆ


โดย: บ่าบี๋ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:38:28 น.  

 
อะโห อะโห ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายตอน มาเจอตอนนี้อึ้งเลย...เสียดายนะที่ป่านกลับมาก่อน ไม่งั้นไม่อยากจะคิดเล้ยยยยยยยยยยยย // ว่าแต่ว่าลุ้นๆๆๆๆๆๆๆ ว่าคุณภูมิจะเจอหายนะอะไรน้อ รออ่านอยู่นะจ๊ะ // นู๋เอ๋สบายดีหรือเปล่าจ๊ะ รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ คิดถึงนะ


โดย: เอิงเอย IP: 118.172.34.55 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:49:22 น.  

 
ภูมิจะโดนแล้วหรือคะเนี่ย น่าฉงฉานจัง


โดย: NeeNie IP: 203.113.96.5, 203.113.96.27 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:01:39 น.  

 
กะลังหวานนนนน กันทั้ง 2 คู่อยู่แป้ปเดียว ก้อค้างไว้ซะน่ากลัวเชียวค่ะ ใครจะงานเข้านะเนี่ย


โดย: bijin วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:20:10 น.  

 
ตอนนี้ลงโทษ ที่พี่เอิงหายไปนานเลยทำให้ค้างดีไม๊ค่ะ ฮี่ๆ...

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจ ขอให้ทุกท่านมีความสุข....เฮงๆ รวยๆ รับตรุษจีนค่ะ


โดย: sansook วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:35:38 น.  

 
อยากรู้น้องสามคู่กะใคร
คู่พี่คนโตโผล่มาหวานเป็นระยะแฮะ


โดย: googie IP: 125.24.154.150 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:08:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.