sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ ๓๙ มารยาหญิง




พอบานประตูปิดงับและเสียงฝีเท้าเงียบหาย ดวงตาที่หลับพริ้มค่อยๆ หรี่ขึ้นอย่างระมัดระวัง ไพรนารีกะพริบตากวาดมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าเธออยู่ตามลำพังจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

มือเรียวยกสำรวจใบหน้า ก่อนจะสูดปากเบาๆ เมื่อรู้สึกปวดหนึบไปทั้งร่าง แม้อาการขวัญผวากับเหตุการณ์ฝ่าวงล้อมยังรบกวนจิตใจอยู่ แต่เธอก็พยายามตั้งสติไม่ให้ความหวาดกลัวเข้ามามีอิทธิพลกับการคิดหาทางรอด

“เฮ้อ!...โชคดีที่ไม่เสียโฉม”

เธอพึมพำ...นึกขอบคุณถุงลมนิรภัยใบโตที่พองฟูโป่งขยายรองรับศีรษะและใบหน้าไม่ให้ฟาดกับพวงมาลัย และเหลือบมองบานประตูบ่อยครั้ง เพราะเกรงธนาวิทย์จะโผล่พรวดเข้ามา รออยู่ครู่ใหญ่ทุกอย่างยังคงเงียบงันเธอจึงคลายใจ

แม้อยากลุกขึ้นพาตัวเองออกไปให้พ้นๆ แต่สภาพร่างกายที่หนักอึ้งและปวดหนึบทำให้เธอต้องหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน ไพรนารีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด

งานนี้เธอทำความผิดถึง 2 กระทงซ้อนแค่เหยียบกล่องดวงใจของอีตานั่นโทษทัณฑ์ที่ได้รับมันก็แทบไม่อยากคิดให้ขวัญผวา แต่พอมารวมกับทำรถของเขาพังยับ...โอย...ไม่อยากคิดว่าตัวจะดำเป็นตอตะโกขนาดไหนหากถูกเผาไหม้ด้วยแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย วันนี้มันเป็นวันมหาวิปโยคหรือยังไง ปัญหามันถึงได้วิ่งชนเป็นระลอกใหญ่ขนาดนี้

เพราะรู้ชะตากรรมของตัวเองอยู่รางๆ ว่าอาจถูกอีตาช้างตกมันขย้ำตาย ทนายสาวจึงรีบเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสโดยแกล้งสลบไสลเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน...

และน่ายินดีที่แผนเอาตัวรอดแบบกระชั้นชิดมันได้ผลจนเกินคาด เพราะอย่างน้อยตอนนี้อารมณ์เดือดดาลของเขาก็ไม่สำแดงออกมา นอกจากอาการหวาดผวากับความผิดกระทงใหม่ของฝ่ายตรงข้าม

“ลองดักเส้นทางกันแบบนี้เห็นทีคราวหน้าคงต้องแอบหนีไม่ให้รู้ตัว”

หญิงสาวบอกตัวเอง ทำท่าจะขยับลุกแต่เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังจากอีกฝั่งทำให้เธอต้องกลายร่างเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกครั้ง

“ลุงหมอตรวจให้ละเอียดเลยนะฮะ ถ้าจำเป็นต้องเอกซเรย์ผมจะพาไปเอง”

ธนาวิทย์เอ่ยกับนายแพทย์สูงวัย

“ความจริงลุงอยากให้วิทย์พาน้องไปเอกซเรย์นะ ศีรษะฟาดเข้ากับพวงมาลัยแบบนั้นบางทีอาจทำให้เลือดคั่งในสมองได้”

นายแพทย์สูงวัยแนะนำพร้อมกับเริ่มตรวจอาการของหญิงสาว โดยมีสายตาคมกริบของธนาวิทย์จ้องมองไม่กะพริบ

ไพรนารีนอนใจเต้นตึกตักขณะเนื้อตัวเริ่มเกร็งเพราะความกดดัน จนคนตรวจรักษารับรู้ได้ด้วยประสบการณ์ว่าหญิงสาวร่างบางนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงหาได้หมดสติอย่างที่เข้าใจ ดวงตาสีเทาหม่นหรี่ลงนิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ แต่ก็เลือกเฉยเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของบุคคลทั้งสอง

เมื่อเห็นว่าคนไข้อาการไม่ได้หนักหนาอย่างที่ห่วง นายแพทย์สูงวัยจึงยุติการตรวจรักษาในอีกชั่วอึดใจต่อมา

“เมียผมเป็นยังไงบ้างฮะลุงหมอ”

ธนาวิทย์ถามน้ำเสียงกระตือรือร้นจนคนแกล้งสลบอยากลุกขึ้นหยิบหมอนขึ้นฟาดคนปากพร่อยสักตุ้บสองตุ้บให้หายเคือง...

‘หน็อย...อีตาช้างตกมัน...กล้าดียังไงถึงมาเรียกฉันว่าเมีย...’

หญิงสาวทำเสียงฮึ่มๆ อยู่ในใจเพราะไม่ชอบตำแหน่งกำมะลอนั่น

“เท่าที่ตรวจดูนับว่าโชคดีที่ไม่มีกระดูกชิ้นไหนได้รับความกระทบกระเทือน แต่จากแรงกระแทกทำให้ร่างกายบางส่วนบอบช้ำและมีแผลฟกช้ำอยู่หลายแห่ง เดี๋ยวลุงจัดยาแก้ปวดไว้ให้ถ้ามีอะไรไม่น่าไว้วางใจให้รีบพาไปโรงพยาบาลก็แล้วกัน”

นายแพทย์สูงวัยบอกแล้วหยิบกระเป๋ายาขึ้นสะพาย

“ลุงหมอกลับเลยไหมผมจะให้โมกไปส่ง”

“คงกลับเลย อ้อเมื่อสายทีมสัตว์แพทย์มาเล่าให้ฟังว่ามีวัวสองสามตัวมันซึมแปลกๆ เลยแยกออกมาอยู่ลำพังกำลังเอาเชื้อไปตรวจ วิทย์จะเข้าไปดูหน่อยไหม”

“ยังก่อนฮะผมห่วงเมีย”

ไพรนารีอยากลุกขึ้นตะโกนดังๆ ว่า...โอ๊ย...ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกจะไปไหนก็เชิญเลยย่ะ แต่เพราะสภาพเจ้าหญิงนิทราจึงทำให้เธอต้องเก็บพับเสียงตะโกนไว้ให้มิดชิด

“วิทย์แต่งงานตั้งแต่ตอนไหนฮึ...ทำไมลุงไม่ยักรู้เรื่อง”

นายแพทย์สูงวัยอดถามขึ้นไม่ได้เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครเห็นเจ้าของไร่ ‘วชิราภัทร’ ทำท่าจะยอมสละโสดกับผู้หญิงคนไหน ขนาดมีสาวๆ มาห้อมล้อมจนทางเข้าไร่ไม่เคยแห้ง ไม่ว่าจะเป็นวิรังรอง ลูกสาวเจ้าของโรงสีผู้มั่งคั่ง ลภิสรา บุตรีนักการเมืองท้องถิ่นเจ้าของโรงโม่หิน และรินลดาเด็กสาวไร่ข้างๆ ที่เทียวไปเทียวมาไม่เว้นแต่ละวัน

“เอ่อ...เราคบกันมานานแล้ว แต่ไพรนารีเขาไม่ชอบอยู่ในป่าในไร่ กว่าจะลากตัวมากได้ก็เล่นเอาเหนื่อย คนนี้ผมรักจริงหวังไว้สูงมากว่าอยากให้มาอยู่ดูแลไร่ด้วยกัน แต่เธอจะชิ่งหนีกลับบ้านท่าเดียว ผมเลยให้โมกสกัดไว้จนเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละฮะ”

ธนาวิทย์เล่าความเท็จได้อย่างไม่กระดากปากจนคนที่นอนนิ่งๆ อยากลุกขึ้นมากรี๊ดๆ แล้วบอกว่าไม่จริ้งไม่จริง แต่เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยเธอจึงเลือกนอนเดือดปุดๆ และรอเวลาเอาคืน

“คนเราถ้ารักกันต้องให้อิสระ วางพื้นฐานครอบครัวให้ดีอยู่กันด้วยความสมัครใจ ชีวิตคู่ถึงจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง วันนี้นับว่าวิทย์โชคดีที่คนรักยังอยู่รอดปลอดภัย แต่ลองคิดในมุมกลับสิว่าหากอุบัติเหตุนั่นพรากเธอไปคนที่จะต้องเสียใจกับความสูญเสียนั่นมีกี่คน”

“ผมคงใช้อารมณ์มากเกินไป”

ธนาวิทย์ยอมรับเสียงอ่อย

“ทำอะไรอย่าใช้แต่อารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะถ้าเกิดความสูญเสียเรานั่นแหละที่ต้องทุกข์ทรมาน พูดคุยกันให้เข้าใจถ้าน้องเขาชอบอยู่ตรงไหนก็อย่าไปบีบบังคับลุงไปล่ะ ไม่ต้องไปส่งหรอกดูแลน้องไปเถอะอย่าให้ร่างกายกระทบกระเทือนมากล่ะ”

นายแพทย์สูงวัยช่วยเตือนสติก่อนเอ่ยลาพร้อมกับโบกมือปฏิเสธเมื่อเห็นชายหนุ่มรุ่นลูกทำท่าจะขยับเดินตามออกไป

“ครับ ถ้าอาการเธอดีขึ้นพรุ่งนี้ผมจะแวะไปที่ฟาร์มก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินไปส่งคนสูงวัยกว่าที่ประตู พอร่างท้วมก้าวออกไปร่างสูงผึ่งผายจึงหมุนกลับไปจ้องใบหน้าเผือดซีดของเจ้าหญิงนิทราด้วยประกายตาอ่อนลง

“ไพรนารียัยผู้หญิงป่าเถื่อน แค่กระทืบมังกรน้อยของผมมันไม่หนำใจหรือยังไง ถึงได้เตรียมยัดเยียดข้อหาฉกรรจ์ให้กันขนาดนั้น”

ร่างสูงผึ่งผายเดินไปเท้าสะเอวอยู่ข้างเตียงแล้วพึมพำ

‘ฮึ...นายธนาวิทย์ อีตาช้างตกมัน คุณเป็นสุภาพบุรุษตายล่ะ...’

หญิงสาวนอนก่นด่าคนที่กำลังบ่นงึมงำอยู่เงียบๆ

ดวงตาคมกริบทอดมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ก้มลงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ ทรุดลงนั่งพิงร่างกับหัวเตียงแล้วถอนใจลึก...

“อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหมไพรนารี...”

ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองโดยไม่รู้สักนิดว่าอีกคนก็ได้ยินคำพูดนั้นด้วย แล้วทาบฝ่ามือลงบนหน้าผากกลมกลึงลูบไล้ไปตามไรผมอย่างอ่อนโยน จนคนแกล้งหลับรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วเบา จนรับรู้ได้ถึงความอาทรที่ส่งผ่านมาตามปลายมือนั่น

ใบหน้าคมเข้มก้มมองปลายจมูกโด่งรั้นของผู้หญิงที่กำลังเปลี่ยนดวงไฟอย่างเขาให้ทุเลาความเร่าร้อนลงมาเพราะความบ้าดีเดือดแท้ๆ คราแรกสิ่งที่ต้องการคืออยากเอาชนะ และต่อมามันกลับกลายเป็นความพึงพอใจ

เขาตอบไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ...แต่อุบัติเหตุนั่นมันทำให้เขารู้สึกหัวใจวูบไหวแปลกๆ ไพรนารีเป็นคนสวยแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกทึ่งมันคือความเฉลียวฉลาดซ่อนอยู่ในสมองของเธอนั่นต่างหาก และมันคือความประทับใจที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเธอน่าสนใจ

ธนาวิทย์นั่งพึมพำเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ชายหนุ่มจึงผ่อนลมหายใจแล้วลุกขึ้นเดินออกไป

“โอย...ไปซะที...นอกจากเป็นช้างตกมันแล้ว...นายยังบ่นเก่งเป็นหมีกินผึ้งอีกแน่ะ...”

ไพรนารีโอดโอยแล้วบ่นไปตามเรื่องตามราวเพราะต้องนอนตัวเกร็งจนเส้นเอ็นแทบกระตุก หญิงสาวค่อยๆ ขยับพลิกกายไปด้านข้าง แต่อาการปวดหนึบไปทั้งร่างกลับทำให้ทุกอย่างไม่ได้ง่ายดังใจคิด ขณะพยายามลุกอยู่ๆ ธนาวิทย์ก็ผลักประตูเข้ามา

“คุณฟื้นแล้ว...เป็นยังไงบ้าง”

เสียงบานประตูที่ผละออกพร้อมกับคำถามตื่นเต้นยินดีของอีกฝ่ายทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยง

“จะไปไหน...อย่าขยับสิ”

ร่างสูงผึ่งผายแทบกระโจนขึ้นเตียงเมื่อเห็นหญิงสาวขยับถอยร่นอย่างลนลาน

“ปล่อย...”

หญิงสาวสะบัดตัวเมื่อฝ่ามืออุ่นทาบลงบนหัวไหล่ ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกปวดหนึบตรงต้นแขน แล้วแช่งอีกฝ่ายอยู่ในใจที่พรวดพราดเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงจนเธอดึงมารยามาใช้ไม่ทัน

“อย่าเพิ่งหาเรื่องกันน่า...ผมไม่ชอบทะเลาะกับคนป่วย”

“พาฉันกลับบ้าน...ส่วนเรื่องน้องชายคุณเราจะคุยกันใหม่เมื่อสัญญาที่เสนอถูกพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษร”

ธนาวิทย์เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเสียงดังจนคนมองอดค้อนขวับไม่ได้...มันมีเรื่องอะไรตลกนักหนา...

“ผมชักสงสัยแล้วสิว่าเคยมีสักนาทีไหมที่คุณจะเลิกสนใจเรื่องของคนอื่น”

“สิ่งที่สนใจคืองานต่างหาก...พาฉันกลับบ้านเถอะขอร้องล่ะ ตอนนี้เย็นมากคุณแม่ท่านคงเป็นห่วงถ้าคืนนี้ฉันไม่กลับบ้าน”

ไพรนารีขอร้องน้ำเสียงอ่อนลง

“ถ้าคุณห่วงเรื่องนั้นก็เลิกกังวลได้เลย ผมโทรบอกเต้ช่วยรายงานท่านให้แล้ว อ้อถ้าคุณกลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ ข้อนี้ยิ่งหมดห่วงเพราะแม่ของภูมิช่วยโทรไปไกล่เกลี่ยเรียบร้อยแล้ว”

“อะไรนะ!...หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่าระหว่างคุณหลับผมโทรไปเคลียร์เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วน่ะสิ”

ธนาวิทย์บอกออกไปหน้าตาเฉย

“ไม่จริง อย่ามาโกหกซึ่งๆ หน้า”

“ผมพูดจริง”

“ใครเชื่อก็บ้า เลิกตีความเข้าข้างตัวเองสักทีฉันอยากกลับบ้านไม่เข้าใจหรือไง”

ไพรนารีแหวขึ้นอย่างเหลืออด

“มาคิดดูอีกทีผมชักชอบเวลาคุณหลับซะแล้วสิ ผู้หญิงอะไรตื่นขึ้นมาเป็นหาเรื่อง คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ผมไม่ได้บังคับ”

ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่แยแส

“ถ้าฉันไม่กลับบ้านคุณแม่กับพี่ๆ ต้องเป็นห่วงแน่ๆ”

“ก็บอกว่าเคลียร์แล้วไง ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องเหรอ”

เขาบอกอย่างเหนื่อยหน่าย

“คุณบอกท่านว่าไง”

เธอแค่นเสียงถาม

“ผมให้เต้ไปเรียนท่านว่าเรากำลังเจรจาเรื่องสัญญากัน หลังจากพูดคุยทำให้รู้สึกถูกคอ พอคุณรู้ว่าผมมีไร่อยู่สระบุรีก็เลยอยากมาพักผ่อน...เห็นไหมสมเหตุสมผลจะตาย”

“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว จะบอกให้ว่าแม่กับพี่ๆ ของฉันเขาไม่หลงลมปากของคุณแน่”

“ข้อนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านจะเชื่อไหม แต่ที่แน่ๆ ยามบริษัทของคุณช่วยยืนยัน ว่าเห็นเราเกี่ยวก้อยออกจากที่ทำงานของคุณด้วยท่าทางสงบสุขเหมือนเป็นคู่รักอีกด้วยนะ”

ไพรนารีถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นหนทางของตัวเองถูกอีกฝ่ายปิดงับจนไม่มีทางไป

“ฉันไม่เชื่อ...คุณโกหก”

“เชื่อกันบ้างเถอะคุณทนาย...”

เขาสวนกลับน้ำเสียงยียวน

“พี่สาวฉันรู้ว่าคุณเป็นพี่ชายของนายธาวินคงไม่มีใครเขาเชื่อหรอกว่าฉันจะยอมมาเที่ยวไร่ของผู้ชายที่กำลังเป็นคู่กรณีเจ้าทุกข์ของฉันหรอกนะ คุณทำแบบนี้ตามรูปการมันมองเห็นชัดเลยว่าฝ่ายคุณกำลังอุ้มทนายของคู่กรณี...ทำแบบนี้ผิดกฎหมายไม่รู้เรอะ”

“ช่างกฎหมายมันสิ”

“จะช่างได้ยังไง...บ้านเมืองมีขื่อมีแปมีกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ระบุชัดถึงสิทธิและเสรีภาพคุณจะมาริดรอนสิทธิและเสรีภาพของฉันแบบนี้ไม่ได้”

“หยุดอ้างเรื่องกฎหมายสักที อยู่ที่นี่ไม่มีประชาธิปไตย...มีแต่ธนาวิทย์ธิปไตยเข้าใจไว้ซะ ที่นี่มีผมเป็นกฎหมายสูงสุด และจะไม่มีทนายความด้วย...ตอนนี้คุณกำลังป่วยทางที่ดีควรนอนพักรักษาตัวไม่ใช่มานั่งเถียงผมเหย็งๆ อยู่แบบนี้”

พอได้ประคารมอารมณ์อ่อนไหวที่โบกพลิ้วก็พลันเปลี่ยนผันเป็นความหมั่นไส้ จนทำให้ลืมตัวตอบโต้เธอกลับไปด้วยอารมณ์เดือดปุดๆ อีกตามเคย...เฮ้อ...ประปราบพยศแม่คุณได้สักกี่น้ำกันเรา...






Create Date : 03 มีนาคม 2554
Last Update : 3 มีนาคม 2554 17:26:46 น. 3 comments
Counter : 724 Pageviews.

 
มาแล้วค่ะมาแล้ว เย็นไปหน่อยนะคะ แต่เอ๋ก็มา ฮี่ๆ


โดย: sansook วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:17:27:19 น.  

 
ธนาวิทย์ธิปไตย
จะกลายเป็นธนาวิทย์ทืบเกือบตายหรือเปล่าหนอ
น้องหนูท่าจะโหดอยู่นา
ดูพี่ๆก็ได้


โดย: googie IP: 125.24.125.134 วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:20:27:29 น.  

 
แหม่ ๆ ๆ ธนาวิทย์ธิปไตย ...ทำไปได้


โดย: jee IP: 223.205.124.115 วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:20:48:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.