กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
12 ธันวาคม 2564
space
space
space

พุทโธวาทก่อนปรินิพพาน (๒๒)


   พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า   มาเถิดอานนท์   เราจักไปกุสินารานครด้วยกัน พระอานนท์รับพุทธบัญชาแล้ว ประกาศให้ภิกษุทั้งหลายทราบพร้อมกัน แล้วเดินจากสถานที่นั้น มุ่งสู่กุสินารานคร ในระหว่างทางทรงเหน็ดเหนื่อยมาก จึงแวะเข้าร่มพฤกษ์ใบหนาต้นหนึ่ง รับสั่งให้พระอานนท์ปูผ้าสังฆาฎิทำเป็นสี่ชั้น


  "อานนท์   เราเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน   อาพาธก็มีอาการรุนแรงขึ้น  เร็วเข้าเถิดรีบปูผ้าสังฆาฎิลง เราจะนอนพักผ่อนและขอให้เธอไปนำน้ำมาดื่มพอแก้กระหาย"


  "พระเจ้าข้า   พระอานนท์ทูล   เกวียนเป็นจำนวนมาก   เพิ่งผ่านพ้นลำน้ำไปสักครู่นี้เอง น้ำยังขุ่นอยู่ไม่สมควรที่พระองค์จะดื่ม ขอพระองค์ไปดื่ม ณ แม่น้ำกกุธานทีเถิด มีน้ำใส จืดสนิท เย็นดี"


"อย่าเลย อานนท์ พระตถาคต ตรัสเป็นเชิงวิงวอน อย่าคอยจนไปถึงแม่น้ำกกุธานทีเลย เรากระหายเหลือเกิน ร่างกายร้อน คอแห้งมาก เธอจงรีบไปนำน้ำมาเถิด"

 พระอานนท์รับพุทธบัญชาแล้ว  ถือบาตรของพระตถาคตเจ้าไป  ท่านมีอาการเศร้าซึมและวิตกกังวล  เมื่อมาถึงริมแม่น้ำยังมองเห็นน้ำขุ่นอยู่ ท่านมีอาการเหมือนจะเดินกลับ  แต่ด้วยความเชื่อและห่วงใยในพระศาสดา  จึงเดินลงไปอีก  พอท่านทำท่าจะตักน้ำขึ้นมาเท่านั้น   น้ำซึ้งมีสีขุ่นขาวเพราะรอยเกวียนและโค  ก็ปรากฎเป็นน้ำใสสะอาดเหมือนกระจกเงา   ท่านจึงตักน้ำนั้นมา   แล้วรีบเดินกลับน้อมบาตรขึ้นเข้าไปถวายพระศาสดา

   พระพุทธองค์ทรงดื่มน้ำด้วยความกระหาย   พระอานนท์มองดูด้วยความชื่นชมในพุทธบารมีแล้วทูลว่า   "พระพุทธเจ้าข้า อัศจรรย์จริง  สิ่งที่ไม่เคยมีไม่เคยปรากฏ  ได้มีได้ปรากฏแล้ว เป็นเพราะพุทธานุภาพโดยแท้  บารมีธรรมเป็นสั่งสมแท้"   แล้วท่านก็เล่าเรื่องน้ำที่ขุ่น  กลับใสสะอาดโดยฉับพลันให้พระผู้มีพระภาคสดับ  พระจอมมุนีคงประทับสงบนิ่งด้วยอาการแห่งผู้เจนจบและเข้าใจในความเป็นไปทั้งปวง

   ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย  เมื่อพระองค์ผ่านมาทางเมืองปาวา  ประทับ  ณ  สวนมะม่วงของนายจุนทะบุตรแห่งนายช่างทอง   นายจุนทะทูลอาราธนาพระพุทธองค์รับภัตตาหาร  ณ  บ้านของตน  แล้วจัดแจงขาทนียโภชนียาหารอย่างประณีต  รุ่งขึ้นได้เวลาแล้ว  อาราธนาพระพุทธองค์และภิกษุสงฆ์เพื่อเสวย  พระพุทธองค์ทอดทัศนาการเห็นสุกรมัทวะอาหารชนิดหนึ่งซึ่งย่อยยาก  จึงรับสั่งให้ถวายแต่พระองค์เพียงผู้เดียว  มิให้ถวายแก่ภิกษุรูปอื่น  เมื่อพระองค์เสวยแล้วก็รับสั่งให้ฝังเสีย

    ดูเถิด  พระมหากรุณาแห่งพระองค์มีถึงปานนี้   สำหรับพระองค์นั้นมิได้ห่วงใยในชีวิตอีกแล้ว  เพราะถึงอย่างไรก็ต้องนิพพานในคืนวันนี้แน่นอน   ทรงเป็นห่วงภิกษุสาวกจะลำบาก  ถ้าฉันอาหารที่ย่อยยากชนิดนั้น  ประหนึ่งมารดาหรือบิดาผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมในบุตรของตน   ทราบว่าอะไรจะทำให้บุตรธิดาลำบาก   ย่อมพร้อมที่จะรับความลำบากอันนั้นเสียเอง

   สุกรมัทวะให้ผลในทันที  อาการประชวรของพระองค์ทรุดหนักลงอย่างน่าวิตก  มีพระบังคนเป็นโลหิต  แต่ถึงกระนั้นก็ยังเสด็จด้วยพระบาทเปล่าจากปาวาสู่กุสินารานครดังกล่าวแล้ว

    พระองค์ต้องหยุดพักเป็นระยะๆ หลายครั้ง  ก่อนจะถึงกุสินาราราชธานีแห่งมัลลกษัตริย์ ณ ใต้ร่มพฤกษ์ใบหนาแห่งหนึ่ง   ขณะที่พระองค์หยุดพักมีบุตรแห่งมัลลกษัตริย์นามว่า  ปุกกุสะ   เคยเป็นศิษย์ของอาฬารดาบส  กาลามโคตร  เดินทางจากกุสินารา เพื่อไปยังปาวานคร  ได้เห็นพระผู้มีพระภาคแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงน้อมนำผ้าคู่งามซึ่งมีสีเหมือนทองสิงคีเข้าไปถวายรับสั่งให้ถวายแก่พระองค์ผืนหนึ่ง   แก่พระอานนท์ผืนหนึ่ง

     พระอานนท์เห็นว่าผ้านั้นไม่สมควรแก่ตน  จึงน้อมนำผ้านั้นเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคอีกผืนหนึ่ง   พระพุทธองค์จึงนุ่งและห่มแล้ว  ผ้านั้นสวยงามยิ่งนัก  ปรากฏประดุจถ่านเพลิงปราจากควันและเปลว  พระฉวีขององค์เล่าก็ช่างผุดผ่องงดงามเกินเปรียบ  ท่านได้เห็นเหตุการณ์ดั้งนั้น  จึงกราบทูลพระพุทธองค์ว่า  

    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐ   ข้าพระองค์สังเกตเห็นพระฉวีของพระองค์ผุดผ่องยิ่งนัก   เกินที่จะเปรียบด้วยสิ่งใดเปล่งปลั่งมีรัศมี  พระองค์ผู้ประเสริฐ   บัดนี้พระองค์ทรงมีพระชนมายุถึง ๘๐ แล้ว  อยู่ในวัยชราเต็มที่เหมือนผลไม้สุกจนงอม  อนึ่งเล่าเวลานี้พระองค์ทรงพระประชวรหนัก  ร่างกายเป็นผู้มีโรคเบียดเบียน  แต่เหตุไฉนผิวพรรณของพระองค์ จึงผุดผ่องยิ่งนัก"

    "อานนท์   พระศาสดาตรัสตอบ  เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าที่เป็นอย่างนี้  ในคราวจะตรัสรู้คราวหนึ่ง  และก่อนที่จะนิพพานอีกคราวหนึ่ง  ผิวพรรณแห่งตถาคตย่อมปรากฏงดงามประดุจรัศมีแห่งสุริยาเมื่อแรกรุ่งอรุณและจวนจะอัสดง   ดูกรอานนท์   ในยามสุดท้ายแห่งราตรีนี้  ตถาคตจะต้องปรินิพพานในระหว่างต้นสาละทั้งคู่ มีใบใหญ่หนา  มีดอกเป็นช่อชั้น"    ตรัสดังนี้แล้ว   จึงเสด็จนำพระอานนท์ไปสู่ฝั่งน้ำกกุธานที   เสด็จลงสรงสำราญตามพระพุทธอัธยาศัย  และเสด็จขึ้นจากกกุธานที ไปประทับ  ณ  อัมพวัน  รับสั่งให้พระจุนทะน้องชายของพระสารีบุตรปูลาดสังฆาฎิเป็นสี่ชั้น แล้วบรรทมด้วยสีหะไสยา   คือตะแคงขวาเอาพระหัตถ์รองรับพระเศียรซ้อนพระบาทให้เหลี่ยมกัน มีพระสติสัมปชัญญะตั้งพระทัยว่าจะลุกขึ้นในไม่ช้า

   ขณะนั้นเอง  ความปริวิตกถึงนายจุนทะผู้ถวายสูกรมัทวะก็เกิดขึ้น   จึงตรัสกับอานนท์ว่า  "อานนท์  เมื่อเรานิพพานไปแล้วอาจมีผู้กล่าวโทษจุนทะว่าถวายอาหารที่เป็นพิษ  จนเป็นเหตุให้เราปรินิพพาน  หรือมิฉะนั้นจุนทะอาจจะเกิดวิปฎิสารเดือดร้อนใจตัวเองว่า  เพราะเสวยสูกรมัทวะอันตนถวายแล้วพระตถาคตจึงนิพพาน   ดูกรอานนท์  บิณฑบาตทานที่มีอานิสงส์มาก  มีผลไพศาลมีอยู่สองคราวด้วยกัน  คือ เมื่อนางสุชาดาถวายเราก่อนจะตรัสรู้ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งที่จุนทะถวายนี้  ครั้งแรกเสวยอาหารของสุชาดาแล้ว  ตถาคตก็ถึงซึ่งกิเลสนิพพาน  คือ  การดับกิเลส  ครั้งหลังนี้เสวยอาหารของจุนทะบุตรนายช่างทองแล้ว  เราก็นิพพานด้วยขันธนิพพาน คือ  ดับขันธ์อันเป็นวิบากที่ยังเหลืออยู่  ถ้าใครๆ จะพึงตำหนิจุนทะเธอพึงกล่าวให้เขาเข้าใจตามนี้   ถ้าจุนทะจะพึงเดือดร้อนใจ  เธอกล่าวปลอบใจเขาให้เขาคลายวิตกกังวลเสีย  อาหารของจุนทะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายสำหรับเรา"  

 


Create Date : 12 ธันวาคม 2564
Last Update : 12 ธันวาคม 2564 20:34:10 น. 0 comments
Counter : 349 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space