
พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน
คราเมื่อพระพุทธองค์ทรงปลงพระชนมายุสังขาร พระพุทธองค์เสด็จมาถึงปาวาสเจดีย์ประทับภายใต้ต้นไม้ซึ่งมีเงาครึ้มต้นหนึ่ง ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า
“อานนท์ เพราะ
อบรมอิทธิบาท ๔ มาอย่างดีแล้วทำจนแจ่มแจ้งแล้ว อย่างเรานี้ ถ้าปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ถึง
หนึ่งกัปป์ (คือ
๑๒๐ ปี) ก็สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้” พระโลกนาถตรัสดังนี้ถึงสามครั้ง แต่พระอานนท์ก็คงเฉยมิได้ทูลอะไรเลย ความวิตกกังวลและความเศร้าของท่านมีมากเกินไป จึงปิดบังดวงปัญญาเสียหมดสิ้น ความจงรักภักดีอย่างเหลือล้นที่ท่านมีต่อพระศาสดานั้นบางทีก็ทำให้ท่านลืมเฉลียวใจถึงความประสงค์ของผู้ที่ท่านจงรักภักดีนั้น ปล่อยโอกาสทองให้ล่วงไปอย่างน่าเสียดาย
เมื่อเห็นพระอานนท์เฉยอยู่ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “อานนท์ เธอไปพักผ่อนเสียบ้างเถิด เธอเหนื่อยมากแล้ว แม้ตถาคตก็จะพักผ่อนเหมือนกัน” พระอานนท์จึงหลีกไปพักผ่อน ณ โคนต้นไม้อีกต้นหนึ่ง
ณ บัดนั้น พระตถาคตเจ้าทรง
รำพึงถึงอดีตกาลนานไกล ซึ่งล่วงมาแล้วถึงสี่สิบห้าปี สมัยเมื่อพระองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ท้อพระทัยในการที่จะประกาศสัจธรรม เพราะเกรงว่าจะทรงเหนื่อยเปล่า แต่อาศัยพระมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ จึงตกลงพระทัยย่ำธรรมเภรี และครานั้น พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้ว่า ถ้า
บริษัททั้ง
๔ คือ
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังไม่เป็นปึกแผ่นมั่นคง ยังไม่สามารถย่ำยี
ปรูปวาท คือ คำกล่าว
จ้วงจาบล่วงเกินจาก
พาหิรลัทธิที่จะพึงมีต่อพระพุทธธรรมคำสอนของพระองค์ยังไม่แพร่หลายเพียงพอ ตราบใด พระองค์ก็จะยังไม่นิพพาน ตราบนั้น
ก็แลบัดนี้ พระธรรมคำสอนของพระองค์
แพร่หลายเพียงพอแล้ว
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ฉลาดสามารถพอที่จะดำรงพรหมจรรย์ศาสโนวาทของพระองค์แล้ว เป็นการสมควรที่พระองค์จะเข้าสู่มหาปรินิพพาน
ทรงดำริดังนี้แล้วจึงทรงปลงอายุสังขาร คือตั้งพระทัยแน่วแน่ว่า พระองค์จะปรินิพพานในวันวิสาขะปูรณมี คือวันเพ็ญเดือน ๖
อันว่าบุคคลผู้มีกำลังกลิ้งศิลามหึมาแท่งทึบจากหน้าผาลงสู่สระ ย่อมก่อความกระเพื่อมสั่นสะเทือนแก่น้ำในสระนั้น ฉันใด การปลงพระชนมายุสังขารอธิษฐานพระทัยว่าจะปรินิพพานของพระอนาวรณญาณก็ ฉันนั้น ก็ความวิปริตแปรปรวนแก่โลกธาตุทั้งสิ้น มหาปฐพีอากานสั่นสะเทือนเหมือนหนังสัตว์ที่เขาขึงไว้ แล้วตีด้วยไม้ท่อนใหญ่ก็ปานกัน รุกขสาขาหวั่นไหวไกวแกว่งด้วยแรงวายุโบกสะบัดใบอยู่พอสมควร แล้วนิ่งสงบ มีอาการประหนึ่งว่าเศร้าโศกสลดในเหตุการณ์ครั้งนี้ เหมือนกุมารีน้อยคร่ำครวญปริเวทนา ถึงมารดาผู้จะจากไปจนสลบแน่นิ่ง ณ เบื้องบนท้องฟ้าสีครามกลายเป็นสีแดงเข้มดุจเสื่อลำแพน ซึ่งไล้ด้วยเลือดสด ปักษาชาติร้องระงมสนั่นไพร เหมือนจะประกาศว่าพระผู้ทรงมหากรุณากำลังจะจากไปในไม่ช้านี้
กัปป์ ในที่นี้ หมายถึง
อายุกัป กำหนดอายุของสัตว์จำพวกนั้นๆ เช่น มนุษย์ยุคนั้นอายุประมาณ ๑๒๐ ปี ตย. พระอานนท์ ตำราว่ามีอายุ ๑๒๐ ปี