กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
13 ธันวาคม 2564
space
space
space

เตรียมตัวก่อนตาย



    เรื่องราวของทันตแพทย์หญิงท่านหนึ่ง   ที่ป่วยด้วยโรคร้ายตั้งแต่อายุยังน้อย ผ่านระยะเวลาการรักษา จนเข้าสู่ระยะสุดท้ายก่อนจากไปอย่างสงบ

   โดยพี่ชายคุณหมออร ได้เขียนรำลึกถึงการจากไปไว้อย่างมีแง่คิด โดยระบุว่า....”

   ตอนอรรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งที่ปอด  หมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือน แต่อรก็สู้รักษาตัวอยู่มาได้นี่ก็ย่างเข้าปีที่สามแล้ว   ทำให้อรมีเวลาเตรียมตัวทั้งเรื่องพินัยกรรม ทั้งเรื่องการเขียนสมุดเบาใจสั่งเสียร่ำลา ทั้งการเลือกแบบโลงศพ ทั้งการฝึกปฏิบัติภาวนา   ทั้งการขออโหสิ  และให้อภัยคนที่เคยขุ่นเคือง   เจอหน้ากันเดือนก่อน   อรบอกว่าพร้อมไปละ   แต่นั่นแหละ … สมองกับจิตมันคนละส่วนกัน   สมองอาจคิดได้แต่จิตจะเชื่อหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องนึง

   สองสัปดาห์ก่อน   อรถูกส่งเข้า ICU มะเร็งลามไปทั่วตัว  หมอเจาะใส่สายทั่วร่างกาย มะเร็งเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดมากขนาดมอร์ฟีนก็เอาไม่อยู่  อรหายใจลำบากเพราะมะเร็งกินปอดเกือบหมด   หมอต้องให้ออกซิเจน   แต่ที่แย่คือร่างกายมันไม่หลับ   ยานอนหลับเอาไม่อยู่ อรมีสติรับรู้เกือบตลอดเวลายังคุยได้แบบเบลอๆ วันก่อนหมอให้ตามญาติมาเพื่อสั่งเสีย เพราะอรพร้อมไปตลอดเวลา จากนั้นหมอแนะนำว่าควรให้คนไข้ Drip ยาเพื่อค่อยๆหลับและจากไปจะได้ไม่ทรมาน

   การ Drip ยานอนหลับหรือยาระงับประสาท เป็นการไปกดประสาทเพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บจะได้หลับและจากไปอย่างสงบ เราไม่ได้ไปหยุดหรือแทรกแซงกระบวนการทำงานของร่างกาย มันหยุดของมันเอง ไม่ถือเป็นการฆ่าตัวตายหรือการุณยฆาต ต่างจากการุณยฆาต ที่ระบบร่างกายยังไม่ล้มเหลว   แต่เจ้าตัวไม่อยากทนอีกต่อไป หมอจะฉีดยาให้หัวใจหยุดเต้นเพื่อให้หลับไป ซึ่งในทางพุทธถือเป็นการฆ่าตัวตายและเมืองไทยกฏหมายยังไม่ยอมรับ ยังไม่สามารถทำได้

  คำถาม … ถึงตอนนั้นถ้าเราเป็นผู้ป่วยและยังมีสติรู้ตัว  เราจะยอม Drip ยามั๊ย จำได้มั๊ยว่าก่อนหน้านี้อรบอกว่าอรพร้อมที่จะไป  อีกอย่างอรเป็นหมอฟัน  อรเข้าใจขั้นตอนทางการแพทย์ดีแสดงว่าอรก็น่าจะยอมรับได้ อย่างที่บอก … สมองกับจิตมันคนละส่วนกัน เพราะพออรรู้ว่าหมอแนะนำให้ Drip ยา  อรกลับร้องไห้ไม่อยากทำ  อรยังไม่อยากไป อรขอเวลาทำใจ  คิดดูทั้งๆที่เจ็บทรมานขนาดนี้สลึมสลือตลอดเวลา  แต่จิตข้างในมันก็ยังไม่ยอม มันยึด มันหวงกาย เพราะเป็นธรรมชาติของจิตมนุษย์ทุกคนที่ต้องหวงกายเพื่อดำรงเผ่าพันธ์ ตอนกลางคืนชั่วขณะนึงผมมีโอกาสอยู่กับน้องอรสองคนในห้อง ICU  อรถามเศร้าๆว่า   “อรจะอยู่บนโลกนี้วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วเหรอพี่ทอม … พรุ่งนี้อรค่อยให้คำตอบได้มั๊ยอะ

   ในทางพุทธศาสนา  เราเชื่อกันว่าจิตสุดท้ายก่อนตายเป็นสิ่งสำคัญมาก  ตอนอรฝึกภาวนาใหม่ๆผมกับอ้นก็บอกว่า  ครูบาอาจารย์ท่านบอกฝึกไว้เพื่อจะได้เอาไว้ใช้ก่อนตาย เพราะตอนร่างกายจะแตกดับ   เวทนาความเจ็บปวดจะแรงกล้ามาก   ไหนจะเจ็บปวด   ไหนจะคนมารุมล้อม ไหนจะห่วงนู่นนี่นั่นสารพัด  จิตก็จะฟุ้งไม่สงบและเศร้าหมอง จะดีกว่ามั๊ยหากเราฝึกวางได้เหมือนซ้อมก่อนตาย เพราะเมื่อต้องตายจริงๆจิตจะได้วางได้

   อรฝึกภาวนาฝึกซ้อมก่อนตายมาเป็นปี   ถึงเวลาจริงๆอรยังบอกผมว่า  เอาเข้าจริงมันยากมากๆเลยนะพี่ทอมที่จะมีสติบอกว่าวาง … มันเจ็บ   ครูบาอาจารย์บอกว่า  การมีสติสัมปชัญญะพร้อมตายนั่นแหละดีที่สุดจะไปภูมิที่ดี   คนเราไม่ได้ตายจริงแค่เปลี่ยนร่างเฉยๆ จิตไม่ตาย แต่จะไปตามอุปทานจิตก่อนตาย ถ้าจิตใจสบายไม่วิตกกังวลก็ไปสุคติภูมิ   ถ้าวิตกกังวลมากก็ไปภูมิต่ำ  การมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่กังวล   อยู่กับลมหายใจเข้าออกเพื่อให้ไม่วิตกกังวล จิตก็จะแจ่มใสไม่เศร้าหมอง … ก็จะไปสุคติภูมิ

   วันรุ่งขึ้นอรยอมรับ    แต่ขอไม่ใช่ที่ห้อง ICU อรขอ 3 ข้อ  ข้อแรก : ขอเป็นห้อง VIP ที่มีส่วนแยกระหว่างห้องผู้ป่วยกับห้องรับแขก
ข้อสอง : ขอเพื่อนฝูง-ญาติพี่น้องให้อยู่แต่ในห้องรับแขก  และปิดประตูห้ามร้องไห้ให้ได้ยิน
ข้อสาม : ขออรอยู่กับหมอเพียงสองคน ห้ามมีคนมาจับมือ ห้ามมีคนมารุมล้อมหรือมีคนมาพูดคุยสั่งเสียอะไรอีก   อรอยากจากไปอย่างสงบเงียบๆคนเดียว

   ตลอดเวลาตั้งแต่ห้อง ICU ย้ายลงมาห้อง VIP แม้นจะสลึมสลือเพราะฤทธิ์ยาแต่อรยังคุยรู้เรื่องยังคงครองสติได้ดีและมีกำลังใจที่ดี
การ Drip ยามี 3  steps หมอจะให้ทางสายยาง  ปกติผู้ป่วยส่วนใหญ่ให้แค่ Step 1 ก็จะหลับไม่รู้ตัวแล้วก็จากไป   แต่อาจเพราะอรสติดีมากยังรู้ตัว   ผ่านไปหนึ่งคืนหมอเลยให้ Step2 

   แต่สุดท้ายอรขอให้พี่เหลียงสามีมายืนข้างเตียงคนเดียว   และขอให้จับมือเป็นเพื่อนไปเรื่อยๆ   ส่วนเรอิลูกสาว  อรขอให้มาหลังอรจากไปแล้ว  เพราะกลัวเรอิร้องไห้   อรไม่อยากพะว้าพะวัง

  ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อวาน    ต้นหางนกยูงฝรั่งเริ่มแตกดอกส้ม-เหลือง-แดง ตามริมทาง ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต   วันเสาร์ที่ 14 พย. 2564 เวลา16.47 น. น้องหมออรก็ได้ออกเดินทางไกล  และจากไปอย่างสงบในวัย 42 ปี

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1741643226039279&set=a.127522034118081

 

 

     สติ   ความระลึกได้,  นึกได้, ความไม่เผลอ,  การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่ทำ, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้

     สัมปชัญญะ   ความรู้ตัวทั่วพร้อม,  ความรู้ตระหนัก,  ความรู้ชัดเข้าใจชัด ซึ่งสิ่งที่นึกได้,  มักมาคู่กับสติ   สัมปชัญญะ  ๔  ได้แก่

        ๑. สาตถกสัมปชัญญะ   รู้ชัดว่ามีประโยชน์  หรือตระหนักว่าตรงตามจุดหมาย

        ๒. สัปปายสัมปชัญญะ   รู้ชัดว่าเป็นสัปปายะ  หรือตระหนักว่าเกื้อกูลเหมาะกัน

        ๓. โคจรสัมปชัญญะ   รู้ชัดว่าเป็นโคจร  หรือตระหนักในแดนงานของตน

        ๔. อสัมโมหสัมปชัญญะ   รู้ชัดว่าไม่หลง หรือตระหนักในตัวสภาวะ  ไม่หลงใหล  ไม่สับสนฟั่นเฟือน

 




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2564
0 comments
Last Update : 16 มกราคม 2567 16:43:03 น.
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space