รำ เบิกโรงศรีโพสพนพเกล้า(แม่โพสพทรงเครื่อง)
พระแม่โพสพหรือ นามนัยคือ ศรีโพสพนพเกล้าเทพีแห่งธัญชาติประจำข้าวนางมีหน้าที่พิทักษ์รักษาดูแลทุ่งนาและให้คุณค่าแก่มวลมนุษย์ชาติมีคุณาอนันต์ยิ่ง ตามตำนานไทยกล่าวถึงเทพธิดาโพสพไว้ว่าเป็นเทพนารีที่แบ่งภาคอวตารมาจากองค์เทพไพรศรพณ์กล่าวไว้ว่าพระพรหมทรงแบ่งภาคส่วนหนึ่งลงมาเป็นพระไพรศรพณ์เหตุด้วยว่าเพราะตบะอันแก่กล้า เต็มไปด้วยบารมีถึงขั้นสูงสุดของ ประไลยโกฎิดาบสจึงทำให้อาสนะของพระพรหมเบื้องบนสวรรค์ถึงกับ ร้อนอาสน์ขึ้นมาทันใดนั้นพระพรหมจึงทรงตรวจตราดูบนโลกมนุษย์ว่ามีเหตุใดให้พระองค์ช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ได้บ้าง และทรงมองเห็นพระดาบสนามประไลยโกฎิได้บำเพ็ญตบะด้วยความมุ่งมั่น แต่ต้องหิวโหยอดอยากเพราะขาดอาหารอยู่ในชายป่าริมแม่น้ำ
เมื่อเป็นดังนั้นพระองค์จึงแบ่งภาคส่วนหนึ่งลงมาเป็นพระไพรศรพณ์ได้เนรมิตบันดาลให้เกิดฝนตกทั่วบริเวณอาศรม ต่อมาเมื่อฝนซา พระดาบสได้พบกับเมล็ดข้าวสาลีโปรยทั่วบริเวณพื้นดินและงอกเติบโตขึ้นเป็นรวงข้างสุกเหลืองอร่ามทั่วบริเวณอาศรมนั้นพระดาบสจึงได้เก็บเกี่ยว รวงข้าวมารับประทาน และได้นำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านบางส่วนให้เป็นอาหารของนกกาจิกกิน
พระดาบสได้ดูแลรดน้ำต้นข้าวสาลีอย่างสม่ำเสมอ และได้แบ่งเมล็ดพันธ์ไปให้ชาวบ้านนำไปเพาะปลูกจนมีข้าวสาลีมากมายในหมู่บ้านใกล้ๆและที่อยู่ห่างไกลออกไปบริเวณชายป่านั้นทำให้ชาวบ้านพ้นจากความอดอยากดังเช่นอดีต ประไลยโกฏิดาบส จึงบอกชาวบ้านเหล่านั้นให้บูชาบวงสรวงพระแม่ไพรศรพณ์ด้วยความเคารพนับถือที่พระแม่เป็นผู้มอบข้าวปลาอาหารให้แก่พวกตนและเหล่ามวลมนุษย์สืบต่อไปจนปัจจุบัน
คนไทยเราจะคุ้นเคยพระแม่องค์นี้ในชื่อ พระแม่โพสพซึ่งคนไทยโบราณเมื่อรับประทานข้าวเสร็จแล้วจะยกมือพนมเพื่อไหว้ขอบคุณพระแม่โพสพพระแม่แห่งอาหารซึ่งบันดาลให้มนุษย์มีความอิ่มท้องไม่อดอยาก มีสุขภาพที่สมบูรณ์
พระแม่โพสพมีลักษณะคือเป็นเทพธิดามีผิวพรรณงดงามประดุจแสงพระอาทิตย์ยามเช้ามีพักตร์ประดุจดอกบัวแรกแย้ม ทรงเครื่องอาภรณ์อัญมณีประดับ ทรงสะพักสไบสีเหลืองทองทรงกรอบพักตร์ทัดรวงข้าวปล่อยผมยาวมียันต์อุณาโลมบนหน้าผาก มีรวงข้าวถุงสุวรรณและพระขรรค์ประจำองค์มีหงส์ทองอันเป็นเอกลักษณ์เนื่องจากมีการกล่าวว่าพระแม่โพสพมีมีหงส์ทองเป็นพาหนะบางว่าประทับบนอาสน์ที่งดงาม พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือรวงข้าวอีกพระหัตถ์หนึ่งทรงพระขรรค์
การแสดงชุดนี้เกิดจากแนวความคิดจากบริบทของเทพเทวีผู้งดงามประกอบการการรำลงสรงที่มีเอกลักษณ์แบบนางละครในและกระบวนท่ารำเชิดฉิ่งที่ได้นำหลักการการแสดงสำคัญของบรมครูต่างๆมารังสรรค์และต่อยอดในแนวทางนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์เชิงสร้างสรรค์ในการแสดงครั้งแรก ณ บริเวณหน้าตึกคณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลปในงานแสดงผลสัมฤทธิ์การศึกษาปี2553 ณวันที่ 10กุมภาพันธ์ 2554โดยมีอาจารย์ประเมษฐ์ บุญยะชัยเป็นที่ปรึกษาและอาจารย์อัจฉราสุภาไชยกิจเป็นที่ปรึกษาการรังสรรค์ประดิษฐ์ท่ารำชุดการแสดงในครั้งนั้นผู้แสดงเป็นพระแม่โพสพ นางสาวภคินี ดวงพักตรา และควบคุมการแสดงโดยนายภัทรพลจิตตรานนท์ ผู้นำเสนอแนวความคิดและให้อาจารย์กัญจนปกรณ์แสดงหาญเป็นผู้ประพันธ์บทเป็นครั้งแรกและต่อมาถ่ายทอดให้กับนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลปในการคัดเลือกครั้งนี้ได้ นางสาวศศิวิมล วงศ์วสุทธิ์อำไพ เป็นผู้แสดงรุ่นที่ 2นำเสนอ ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันที่ 22 มิถุนายน 2559
เอกลักษณ์ของการแสดงชุดนี้แสดงถึงบทบาทของนางเทพีผู้สง่างามและสุขุมเรียบร้อยมีเอกลัษณ์ของการรำลงสรงที่ครบกระบวนขั้นตอนและการรำชมโฉมบรรยายลักษณะเฉพาะของพระแม่โพสพในเพลงสีนวลในกระบวนท่ารำเฉพาะการรำเชิดฉิ่งตัวนางที่ใช้อาวุธคือรวงข้าวกอปรด้วยการรำตื่นกลองลักษณะเฉพาะของรำเชิดฉิ่งศุภลักษณ์เชิดฉิ่งเมขลาและท่านั่งขัดรวงข้าวกระดกเสี้ยวที่นำมาจากระบวนท่ารำนางจันทน์ตรวจพลและท่าเชิดฉิ่งปักต้นข้าวแล้วหมุนกลับมาทำท่าเฉพาะซึ่งเป็นกระบวนท่ารำตัวละครเอกที่อาจารย์ผู้รังสรรค์ได้รับการถ่ายทอดและประมวลมาเรียงร้อยท่าใหม่ได้อย่างงดงามโดยได้ผ่านผู้เชี่ยวชาญในการรำถวายครูณ วิทยาลัยนาฏศิลป ปี2259และผ่านการแนะนำและพัฒนาท่ารำจากศิลปินแห่งชาติอาจารย์รัจนา พวงประยงค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย-ละคร) พ.ศ. 2554 และ อาจารย์สุวรรณี ชลานุเคราะห์ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-ละครรำ) ปีพุทธศักราช ๒๕๓๓
ทั้งนี้การออกแบบเครื่องแต่งกายนั้นได้รับความเมตตาจากอาจารย์สุรัตน์ จงดาในการนำเสนอรูปแบบของพระแม่โพสพในรัชสมัยรัชกาลที่ 4นำมาเป็นแนวทางในการแต่งกายและสร้างอัตลักษณ์เฉพาะให้กับการแสดงชุดนี้โดยห่มสไบสองชายสีเหลือง นุ่งผ้าจีบหน้านางสีเขียวทรงกรอบพักตร์รัดท้ายช้องทัดรวงข้าว ประดับสังวาลและพาหุรัดรูปหงส์โดยนำเอกลักษณ์ของการแต่งกายของนางแปลงรูปแบบวังสวนกุหลาบมาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ครั้งนี้
VIDEO
ขอขอบพระคุณภาพสวยๆประกอบเอนทรี่/ติดต่อถ่ายงานๆได้ที่ ช่างภาพดีดี082-896-6628คุณเก๋
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2561
33 comments
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2561 19:26:00 น.
Counter : 4619 Pageviews.