|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หุ่นกระบอก
กำเนิดของ หุ่นกระบอกไทย มีหลักฐานระบุอย่างชัดเจนว่าได้รับอิทธิพลมาจากหุ่นจีนแบบหนึ่งที่เรียกว่า "หุ่นไหหลำ" โดยประวัติกล่าวไว้ว่า ครูเหน่ง ขี้ยา อาศัยอยู่ที่วัดในเมืองสุโขทัยได้จำการแสดงหุ่นไหหลำของจีนมาประยุกต์ดัด แปลงและออกเชิดร้องหากิน โดยแต่เดิมนั้นครูเหน่ง เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ มีความสามารถในงานประณีตศิลป์ ฝีมือดีทั้งการแกะสลักและการเขียนรูป ต่อมามีผู้ว่าจ้างให้แกะสลักแม่พิมพ์เพื่อทำเหรียญกษปาณ์ปลอมซึ่งเป็นเรื่อง ที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง ครูเหน่งจึงต้องหลบหนีคดีจากถิ่นของตน ระหว่างการหลบหนีนั้นได้ไปพบเห็นการแสดงหุ่นไหหลำของจีนและติดใจความสวยงาม ของหุ่น จึงคิดแกะหัวหุ่นโดยดัดแปลงให้มีหน้าตาเป็นหุ่นไทย และประดิษฐ์ตัวหุ่นเลียนแบบหุ่นของจีน ใช้มันเทศซึ่งเป็นวัสดุพื้นบ้านที่มีราคาถูกและหาง่ายมาประดิษฐ์หัวหุ่น พอหัวหุ่นเน่าเสียก็แกะสลักใหม่เพราะเป็นคนที่มีฝีมือทางด้านนี้ และใช้หุ่นนี้ออกแสดงให้คนดูเป็นเรื่องบันเทิง และต่อมา "หม่อมราชวงศ์เถาะ" มหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งตามเสด็จสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพไปจังหวัดอุตรดิตถ์และพบเห็นการแสดงหุ่นกระบอกไทย จึงได้กลับมาสร้างหุ่นและตั้งคณะหุ่นกระบอกขึ้นเป็นคณะแรกในกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2436 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ความคิดริเริ่มก่อตั้งคณะหุ่นกระบอกของหม่อมราชวงศ์เถาะนี้ ก่อให้เกิดยุคทองของการเล่นหุ่นชนิดนี้ขึ้น เพราะในสมัยเดียวกันและต่อมาภายหลังได้มีคณะหุ่นกระบอกเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเป็นมหรสพที่นิยมในหมู่ประชาชน คำว่า "หุ่นกระบอก" ปรากฏหลักฐานว่าเริ่มนำมาใช้ประมาณ ร.ศ. 113 หรือปี พ.ศ. 2437 แรกทีเดียวคงใช้เรียกด้วยภาษาปากสืบเนื่องกันมานาน จนถ้อยคำที่ใช้เรียกชื่อศิลปะการแสดงชนิดนี้เป็นที่เข้าใจและรู้จักอย่างแพร่หลายแล้วจึงได้รับการบันทึกเป็นภาษาเขียน โดยปรากฏครั้งแรกในบันทึกของทางราชการชื่อ "ราชกิจจานุเบกษา เล่ม11" ศรี ษะหุ่นกระบอกแกะด้วยไม่เนื้อเบาแล้วปั้นเติมส่วนละเอียดตรงคิ้ว ตา จมูก ปากด้วยรักหรือขี้ผึ้งผสมชัน หัวหุ่นบางคณะเป็นกระดาษที่ปิดบนพิมพ์แล้วผ่าออก เช่นเดียวกับวิธีทำหัวโขน จากนั้นจึงปิดด้วย "กระดาษสา" แล้วใช้ด้ามพู่กัน "กวด" ให้เรียบร้อยแล้ว ปิดกระดาษสาอีกสองชั้น จึงทาสีฝุ่นสีขาวขัดผิวหน้าหุ่นด้วยใบลิ้นเสือ จากนั้นจึงถึงขั้นตอนการเขียนสี ถ้าศรีษะของหุ่นตัวใดมีผมก็จะใช้ผมของคนจริงๆสำหรับหัวสัตว์นิยมทำเป็นหัว กระดาษนำมาสวมไว้บนหัวหุ่นที่มีหน้าเป็นมนุษย์เลียนแบบการเล่นละครจริงๆ ส่วนลักษณะของตัวหุ่นจะทำด้วยไม้กระบอกหรือไม้ไผ่ มีไหล่ทำด้วยไม้เจาะรูสำหรับเสียบไม้กระบอกแกนตัว และเสียบหัวหุ่น เสื้อหุ่นเป็นตัวผืนผ้าเดียวกันพับครึ่งเย็บเป็นถุงคลุมไหล่หุ่นตัวผืนผ้า ปักด้วยกระจกเกรียบ เลื่อมหรือลูกปัดอย่างงดงามตรงกลางเจาะเป็นช่องสำหรับเสียบหัว และตรงมุมผ้าทั้งสองข้างสำหรับมือหุ่นโผล่ มือหุ่นทั้งสองข้างมีไม้ไผ่เหลาเล็กเสียบต่อจากมือลงมาสำหรับจับเชิด ยาวระดับเดียวกับปลายผ้าด้านล่าง ไม้ไผ่นี้เรียกกันว่า "ตะเกียบ"มือของหุ่นตัวพระที่มือขวาจะถืออาวุธไว้เสมอจึงมักจะแกะด้วยไม้มี รูสำหรับเสียบอาวุธเปลี่ยนไปได้ตามเรื่อง เช่น ถือปี่ ถือศร ถือพระขรรค์ ส่วนมือซ้ายก็ตั้งวงรำอย่างละคร ส่วนมือนางมักจะตั้งวงรำทั้งสองข้าง มีที่มือขวาถืออาวุธบ้างถือพัดบ้างเป็นบางตัว นอกจากหุ่นที่ใช้เชิดแล้ว ยังมีหุ่นที่ทำขึ้นสำหรับเป็นตัวเหาะไว้ชักรอกอีกด้วย โดยมีแขนมีขาและทำท่าคล้ายกับท่าเหาะของเทวดาในรูปจิตรกรรมประเพณี เรื่องที่หุ่นกระบอกนิยมแสดง ได้แก่ พระอภัยมณี ลักษณวงศ์ คาวี สุวรรณหงส์ ไชยเชษฐ์ ไกรทอง ขุนช้าง - ขุนแผน วงศ์สวรรค์- จันทวาส ฯลฯ โอกาสที่นิยมแสดงหุ่นกระบอกเป็นที่นิยมไม่ว่าจะเป็นงานหลวงหรือของทางราชการ ได้แก่ งานสมโภชตามนักขัตฤกษ์ต่างๆ หรืองานพระบรมศพของเจ้านายหรือที่เรียกกันว่า งานพระเมรุ ซึ่งจะต้องมีการแสดงมหรสพตามช่องระทา สำหรับงานราษฎร์นั้น นิยมเล่นกันในงานศพ
ขอขอบคุณญาติมิตรแฟนเพลง เพื่อนๆชาวbloggang ที่ร่วมโหวตให้แก่blog เกศสุริยง เผื่อว่าจะมีสายสะพายกับเขาบ้าง ตอนเล่นblogใหม่ๆสงสัยมากว่าแถบแดงๆนั่นคืออะไร จำได้ว่าเห็นจาก Blog กะว่าก๋า,blogอุ้มสี,blogดาดา,อยากมีกับเขาบ้างน่ะ ถึงแม้จะไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่เป็นความสุขทางใจที่ทำให้รู้ว่าเราได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมไม่มากก็น้อย ญาติมิตรแฟนเพลงถ้าจะกรุณาครูเกศ blog นี้เข้าตาเพื่อนๆก็ขอเป็น สาขาbest education blog นะคะ ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน รักครูเกศน้อยๆแต่รักนานๆนะคะ(จำมาจากลิเกงานวัดค่ะ555555)ขอบคุณค่ะ
Create Date : 09 ธันวาคม 2553 |
|
30 comments |
Last Update : 15 ธันวาคม 2553 0:45:33 น. |
Counter : 3497 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: panwat 15 ธันวาคม 2553 0:30:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่ป๊อด 15 ธันวาคม 2553 0:39:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้นกะลา 15 ธันวาคม 2553 0:41:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสดในซอย 15 ธันวาคม 2553 0:45:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) 15 ธันวาคม 2553 0:45:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดา ดา 15 ธันวาคม 2553 2:02:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 15 ธันวาคม 2553 5:35:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 15 ธันวาคม 2553 5:39:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 15 ธันวาคม 2553 8:13:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: kobnon 15 ธันวาคม 2553 9:19:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 15 ธันวาคม 2553 22:38:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 16 ธันวาคม 2553 7:47:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: poepum 16 ธันวาคม 2553 11:49:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: nootikky 16 ธันวาคม 2553 18:10:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่หมู (jamaica ) 16 ธันวาคม 2553 21:02:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: Shaz 17 ธันวาคม 2553 3:42:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 17 ธันวาคม 2553 6:55:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มาบล๊อกคุณครูได้ความรู้กลับไปทุกครั้ง
ไม่ลงคะแนนให้ก็แย่เลยค่า