|
|||||
โหวงเฮ้ง ดวงชะตาของเราเหมือนกับขวาน โหวงเฮ้ง ดวงชะตาของเราเหมือนกับขวาน ปากเสีย ทรงหน้าจะเป็นปิรามิด โครงรูปไข่ ใบหน้าจะคมบาดได้ จะนูนขึ้นมา คมบาด จะเป็นเหลี่ยม สันจมูกจะขัด ดวงชะตาของเราเหมือนกับขวาน ใช้ขวานฝ่าฟืนจะดี สบายเลย แต่ถ้าไปทำสิ่งอื่นจะทำให้ของเสีย เช่นเดียวกัน ของจะต้องใช้ให้ถูกทาง ชีวิตของเราควรจะเป็น "หมอดู" ควรไปเรียนทางโหราศาสตร์ หรือเรียนเกี่ยวกับการทำนายทายทักจะดี งานไม่ควรจะไปหา เพราะไปที่ไหนเขาก็จะไม่กล้ารับ ถ้ารับแล้วจะพัง เวลานี้ถ้าจะให้อาจารย์แนะนำเกี่ยวกับอาชีพของเรา ก็คือ เราควรเป็นหมอดู ช่วยเหลือคนอื่นจะดีที่สุด ในเมื่อเราชอบนั่งกรรมฐาน ก็ควรจะตั้งจิตช่วยเหลือคนอื่น เปรียบตัวเราเหมือนกับขวาน ไปอยู่ที่ไหนก็สับไปเรื่อย ที่นั่นก็จะพัง แต่ถ้าเราไปอยู่กับฟืนก็จะดี "ฟืน" ก็เปรียบเสมือนกับช่วยเหลือคน และอีกอย่าง เราไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับการนั่งกรรมฐานเลย ไม่ควรนั่งสมาธิ คือ พูดง่ายๆ ไม่ควรวุ่นวายเกี่ยวกับทางนี้ ชีวิตของเราจะเป็นสายธรรม คือ สายปฏิบัติ ไม่ใช่นั่งนิ่งเฉย เราจะคล้ายๆ กับพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง สหภาพพม่า หรือถ้าท่านอยู่วัดในประเทศไทย ณ สถานปฏิบัติธรรมดอยเวียงแก้ว ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เราจะเป็นสายทำบุญสุนทาน เราอย่าไปนั่งเลยสมาธิ ให้มุ่งมั่นไปทางสายทาน แต่ไม่ใช่ยึดแบบนักบุญแห่งล้านนาไทย พระครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน ครูบาศรีวิชัย จะเน้นไปทางหนัก คือ ลงมือก่อสร้างเจดีย์ วัดวาอาราม สถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าสายครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร จะเน้นหนักไปทางสายทาน ทำบุญให้ทาน เวลาท่านสร้างเจดีย์ วัด อารามต่างๆ ท่านจะไม่ลงมือสร้างเอง แต่จะนำเงินให้สร้าง เราจะไม่เคยเห็นภาพครูบาบุญชุ่มนุ่งผ้าอังสะทำงานหนักๆ แต่ถ้าครูบาศรีวิชัยกลับทำ ท่านไม่แต่งตัวเรียบร้อย แม้แต่หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม ท่านก็จะเน้นแบบพระครูบาศรีวิชัย ลงมือสร้างโบสถ์ วัด ศาลา เป็นต้น ท่านจะหิ้วปูน ทำงาน เป็นต้น ถ้าเราจะนั่งกรรมฐาน ไม่ใช่ภูมิของเรา ไม่ใช่ทางของเรา สิ่งเหล่านี้ดีอยู่ แต่ไม่ใช่ทางของเรา เหมือนกับว่าเราทำกับข้าวไม่ได้ แล้วจะไปทู่ซี้จะไปเป็นแม่ครัว แล้วเราจะไหวไหม? คนเราจะต้องเน้นที่ว่าเหมาะสมกับเรา อย่าไปเอาสิ่งที่เราชอบ เพราะว่าเวลานี้ถ้าเราไปหาสิ่งที่เราชอบเราก็ไม่ไหว เราจะต้องหาที่เหมาะสมของเรา สิ่งที่เหมาะสมของเราก็คือ เราจะต้องไปช่วยเหลือคนอื่น เราจะต้องเข้าสู่การบำเพ็ญ จะต้องไปแก้ทุกข์ให้คนอื่น ช่วยเหลือคนอื่น แต่ถ้าไม่ทันไรแล้วตัวเองจะนั่งวิปัสสนากรรมฐาน แล้วจะไปนิพพาน อย่างนี้ไม่ได้ เพราะลูกตุ้มเต็มขาเราไปหมดแล้วจะไปนิพพานไม่ได้ เราจะต้องเคลียร์ลูกตุ้มของเราก่อน ๑. เราอย่าไปยุ่งเรื่องเกี่ยวกับกรรมฐาน สมาธิ เราจะต้องลงมือทำ เราควรเน้นหนักทางสายทำบุญสุนทานเราสายพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม จะออกไปช่วยเหลือคนอื่น ๒. ห้ามนึกถึงนิพพาน หน้าที่ของเราที่จะต้องทำยังมีอยู่อีก ยังมีเยอะแยะไปหมด แล้วอยู่ดีๆ จะไปนิพพานอย่างนี้ไม่ได้ ลูกตุ้มของเราเยอะแยะไปหมด ต้องหมั่นแกะลูกตุ้มก่อน ๓. ห้ามไปบวชชีพราหมณ์ ถ้าเราไปบวชฯ เราคิดจะไปทำบุญแต่กลับไปทำบาปทุกที จะทำให้คนอื่นเขาทะเลาะกัน วุ่นวาย เป็นต้น ถ้าเราจะทำอาชีพอะไรดี ควรหางานทำที่บ้าน เป็นอาชีพส่วนตัวจะดีที่สุด ไม่ควรทำอาชีพร่วมกับคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น เราจะขายของชำอยู่ที่บ้าน หรือขายน้ำ ขายกาแฟ อะไรได้หมด ถ้าทำคนเดียว หรือทำที่บ้านของเรา แม้แต่จะขายของออนไลน์ก็ได้หมด แต่ห้ามไปลงทุนกับใคร แต่หลักของเราก็คือช่วยเหลือคนอื่น ให้เราสรุป ตัั้งปณิธาน ถ้าเราเป็นคนเชื้อสายจีน ก็ให้หมั่นไหว้เจ้าแม่กวนอิม เป็นสรณะ แต่ถ้าเรานับถือสายเทพ ก็จะเป็นพระแม่อุมากับพ่อพิฆเณศ ให้ไหว้บูชาท่าน เป็นสรณะที่พึ่งของเรา เปรียบเสมือนท่านเป็นพ่อแม่ของเรา และเราอย่าไปคิดถึงนิพพาน ให้ทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด สรุป ถ้าจะยึดแบบอย่าง ประเทศไทยก็คือ พระครูบาบุญชุ่ม แต่ถ้าสายสากล ก็คือ เจ้าแม่กวนอิม แล้วถ้าถามว่า ทำไหมไม่ให้เรานั่งสมาธิ ก็เพราะว่า เหมือนกับว่าเราหิ้วของพรุงพรัง ของหนัก แล้วเราจะไปนั่งสมาธิจะได้ไหมล่ะ ก็ไม่ได้ เราจะต้องทำหน้าที่ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ จะดี เพราะว่าอดีตชาติของเรา เราเคยปวารณาตัวมาทางสายนี้ เรามีข้อสัญญากันไว้ ก่อนที่เราจะตายเคยประกาศไว้ อยู่ดีๆ เราจะมาทิ้งสายนี้แล้วไปเอาสายอื่น อย่างนี้ไม่ได้ คนละเส้นทาง ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะเอาพระมหาโมคคัลลานะเก่งทางอิทธิฤทธิ์ จะมาทำหน้าที่แทนพระสารีบุตร เก่งทางปัญญา ได้ไหม? ก็ไม่ได้ หรือจะเอาพระสารีบุตรไปทำหน้าที่พระมหาโมคคัลลานะ ก็ไม่ได้อีก เราจะต้องยอมรับความจริงตรงนี้ จะบอกว่าสายใครดีกว่าใครอย่างนี้ไม่ได้ มันเป็นเส้นทางของเรา เพราะเราเคยประกาศไว้ สัญญาไว้ เราก็จะต้องไปทำตาม เราจะต้องอุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ด้วยการเป็นหมอดู คำว่า "อุทิศ" หมายความว่า เรามีความตั้งใจที่จะเผยแผ่ หรือเอื้อ-เกื้อ-กัน กับบุคคลที่สอง ที่สาม ยกตัวอย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวชามนี้เราสามารถกินได้ทั้งชามเลย แต่เราอุทิศยกให้เขาครึ่งหนึ่ง เรามีใจที่จะแบ่งให้คนอื่นได้ นี่แหละเรียกว่า "อุทิศ" แต่ถ้าเราไม่มีตัวอุทิศ เราก็ไม่อยากให้ใคร ตัวอุทิศ เป็นจุดเบื้องต้นของคำว่า "จาคะ" เราจะมีจาคะเราจะต้องมีอุทิศก่อน ส่วนคำว่า "บำเพ็ญ" กับคำว่า "อุทิศ" แตกต่างกันตรงไหน? การบำเพ็ญก็คือไปทำอุทิศ เราทำอุทิศอย่างนี่แหละเป็นการบำเพ็ญ อุทิศเป็นเส้นทางว่าเราจะทำยังไง เหมือนกับว่าเราจะเดินทางเราจะต้องมีเส้นทาง การเดินทางก็คือการบำเพ็ญ อุทิศก็คือเลือกเส้นทางอุทิศ หรือเลือกเส้นทางนี้อุทิศ การบำเพ็ญนี้มีหลายเส้นทาง การบำเพ็ญ ๒ เส้นทางใหญ่ ๑. บำเพ็ญสายทางนาม คือ สายทางความคิด ปัญญา เช่น หลวงพ่อประยุทธ์ ปยุตฺโต ท่านก็จะเขียนหนังสือ ตำรา เป็นที่ปรึกษาคนอื่น เป็นวิทยากร พูด ๒. บำเพ็ญสายทางรูป คือ สายทางแรงงาน ออกกำลัง ก่อสร้าง ช่วยเหลือคน เช่น ครูบาศรีวิชัย ครูบาบุญชุ่ม "สาสะเน อุรัง ทัตตะวา” ถวายแล้วซึ่งอก ถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนา ความหมายนี้ก็คือ มอบใจให้ เทใจให้ แสดงว่า อย่างยิ่งแล้ว แม้แต่หัวใจก็ยังให้ได้ ถ้าเราศึกษา เป็นหมอดูทาง ไพ่ ก็จะง่าย |
พรหมสิทธิ์
![]() ![]() ![]() ![]() อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์ เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
Group Blog
All Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |