|
บัวบานบนภูเขา
โลกของความเกี่ยวข้องเป็นโลกที่น่าพิศวง ตั้งแต่เกิดจนตาย พวกเราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลความเกี่ยวข้องโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไป สิ่งนั้นย่อมผูกเราไว้ให้เป็นหนึ่งในกลไกซับซ้อน ที่ขับเคลื่อนภาวะแห่งความเกิดดับไม่รู้จบรู้สิ้น หลายครั้งเหตุผลความเกี่ยวข้องโยงใยของสรรพสิ่งนั้นลี้ลับเหลือเชื่อ
หลายเหตุการณ์จึงปรากฏคล้ายปาฏิหาริย์ ทีนี้จะกล่าวว่าเป็นปาฏิหาริย์ของอะไร ก็ต้องกล่าวว่าเป็นปาฏิหาริย์ของกรรมนั่นเอง เราไม่ได้เจอเรื่องผิดคาดกันทุกวันก็จริง แต่ขอให้ตระหนักเถอะว่าทุกสิ่งที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตานั้นล้วนเป็นอิทธิฤทธิ์ของกรรมที่บันดาลให้เป็นไป คุณเป็นมนุษย์ก็เพราะกรรม คุณถือกำเนิดในเพศนี้ก็เพราะกรรม คุณมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ก็เพราะกรรม คุณมีฐานะระดับนี้ก็เพราะกรรม คุณมีสติปัญญาเท่านี้ก็เพราะกรรม กรรมนั้นก็มีทั้งกรรมใหม่และกรรมเก่า กรรมใหม่บางอย่างให้ผลเร็วอย่างที่คุณประจักษ์ได้ ว่าก่อความเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันแซงหน้ากรรมเก่าที่จ่อรออยู่ด้วยซ้ำ
ข้างบนนี้คือข้อความที่ผมคัดลอกมาจากเรื่อง ปาฏิหาริย์ในโลกของความเกี่ยวข้อง ของคุณ ดังตฤณ(ผู้เขียนหนังสือ เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน) นักเขียนแนวธรรมะที่กำลังฮ็อตสุด ๆ อยู่ในขณะนี้
ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์เหลือเชื่ออะไรหรอกครับ ทุกสิ่งเกิดก็แต่เหตุทั้งนั้น เพียงแต่ผมอยากเล่าให้ฟังว่าที่มาของเรื่องนี้เป็นอย่างไร
วันที่ 19 เมษายน 2548 ผมมีโอกาสได้ไปทัวร์ที่ประเทศลาว ระหว่างทางผู้จัดทัวร์แถมโปรแกรมท่องเที่ยวด้วยการแวะไปวัดๆหนึ่งซึ่งอยู่บนภูเขาไม่สูงนัก ผมไม่เคยรู้จักวัดนี้มาก่อน เพียงก้าวแรกที่ได้สัมผัสบรรยากาศก็รู้สึกถึงความสงบวิเวก
ภาพเบื้องหน้าเป็นสระบัวที่มีดอกบัวหลวงบานสะพรั่งอยู่เต็มโดยมีฉากหลังเป็นเจดีย์สูง ทำให้ผมกดชัตเตอร์เพลินจนคณะทัวร์ต้องรอผมขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย ขณะที่ผมกดชัตเตอร์ก็มีชื่อเรื่องสำหรับภาพชุดนี้ปรากฏขึ้นในใจว่า บัวบานบนภูเขา เมื่อขาลงจากเขาผมจดชื่อวัดเอาไว้คือวัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เพื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลัง และเมื่อผมล้างรูปออกมาก็ปรากฏว่าภาพสวยงามใช้ได้ เมื่อส่องดูสไลด์มีอยู่รูปหนึ่งแบ็คกราวนด์เป็นรูปวิหารเขียนว่า วิหารวรลาโภ แต่เรื่องราวที่จะเขียนยังว่างเปล่าอยู่ มีเพียงชื่อเรื่องอยู่ในใจเท่านั้น คงเป็นเพราะผมเคยเขียนเรื่องดอกบัวไปบ้างแล้ว แม้จะเป็นบัวต่างชนิดต่างสถานที่กัน แต่ผมก็ไม่ต้องการเขียนเนื้อหาซ้ำกันอีก เวลาผ่านไป
ผมลองหาข้อมูลของวัดนี้ทางอินเตอร์เน็ต จึงได้รู้จักชื่อหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน เมื่อได้อ่านประวัติและคำสอนของท่านแล้วก็รู้สึกศรัทธาและนับถือในความเป็นอริยสงฆ์ของท่าน เพียงแต่ขณะนั้นผมยังไม่มีแง่มุมที่จะนำมาเขียน
วันที่ 6 มิถุนายน 2548 ผมอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี ขณะกำลังนั่งรอในร้านขายข้าวแกง ผมหยิบหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นมาอ่าน ซึ่งตามปกติผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์รายวันนัก ปรากฏว่ามีข่าวมรณภาพของหลวงปู่เหรียญ (ในวันที่ 5 มิถุนายน 2548) ผมคิดว่าน่าจะหยิบฉวยสถานการณ์ขณะนั้นมาเขียนเป็นเรื่องเป็นราวได้
ผมจึงกลับไปอ่านประวัติของหลวงปู่เหรียญอย่างละเอียดอีกครั้ง และเห็นว่าท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านมีชื่อเสียงใคร ๆ ก็รู้จักกันทั่ว มีแต่ผมเท่านั้นที่งมโข่งอยู่ไม่เคยรู้จักท่าน ในช่วงนั้นผมมีงานหลายอย่างที่ต้องเร่งรัดทำให้เสร็จ ผมจึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปอีกครั้ง
ช่วงที่ผมย้ายมาพักอยู่ที่บ้านหนองเบน จังหวัดนครสวรรค์ ผมตัดสินใจติดตั้งโทรศัพท์และซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมือสองไว้ทำงานแทนโน้ตบุ๊ค ทางร้านแถมลำโพงมาให้คู่หนึ่ง ผมเห็นว่าไหน ๆ ก็มีลำโพงแล้วจึงอยากใช้ฟังอะไรบ้าง ผมโทรศัพท์ไปหาคุณวรรณา กมลศรีที่ห้องหนังสือ เรือนธรรม (สามแยกพิชัย) ขอความอนุเคราะห์ให้เธอจัดส่งซีดีธรรมะมาให้ฟังบ้าง เพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ลืมเรื่องดีๆที่เคยได้รับ ผมระบุไปว่าผมยังติดใจรสธรรมะของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช เพราะรู้สึกต้องกับจริตของตัวเอง คุณวรรณาก็ใจดีเหลือหลาย ส่งทั้งหนังสือ สาระจากเรือนธรรม และซีดีตามคำขอมาให้ นอกจากนี้เธอยังแถมซีดีธรรมะของหลวงปู่เหรียญมาด้วย ซึ่งผมได้รับหนังสือและซีดีธรรมะเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2548 ผมเปิดฟังซีดีของหลวงปู่เหรียญทันที ผมอดคิดในใจไม่ได้ว่า
สิ่งใดหนอดลบันดาลให้ผมได้มีโอกาสรับฟังธรรมะของหลวงปู่เหรียญในรูปแบบนี้ ในหัวข้อธรรมที่ชื่อ เกิดจากตม ของหลวงปู่เหรียญ ทำให้ผมย้อนนึกไปถึงภาพบัวบานบนภูเขาในวันนั้น หลวงปู่เหรียญท่านเปรียบเทียบดอกบัวที่เกิดจากตมไว้ดังนี้ สาเหตุที่จะมีศาสนาบังเกิดขึ้นในโลก มีผู้สร้างบารมีปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในโลก ก็เนื่องมาจากคนทั้งหลายไม่รู้จักหนทางออกจากทุกข์ เมื่อได้ประสบกับความทุกข์แล้วก็ร้องไห้ ร่ำไร ตีอกชกหัวต่างๆ นานา ตายไปพร้อมด้วยกับความทุกข์ หอบเอาความทุกข์ติดตัวไปด้วยอย่างนี้แหละ บุคคลยังไม่รู้แจ้งในโลกนี้ตามเป็นจริงอย่างนั้น บัดนั้นให้พากันเข้าใจ เหตุจะมีศาสนาขึ้นมานี่ก็เพราะมันมีทุกข์นี่แหละ
หลวงปู่เหรียญท่านเกิดในครอบครัวที่มีอาชีพ ทำนา ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ ต้องผ่านการต่อสู้กับความทุกข์ยากในการทำงานมาก่อนที่จะเข้าสู่ใต้ร่มผ้ากาสาวพัตร์ แม้กระทั่งตอนบวชแล้วก็ยังต้องต่อสู้กับกิเลสตัณหาที่รุมเร้าถึงขั้นจะลาสิกขา ซึ่งท่านเล่าให้ฟังไว้ดังนี้
ในช่วงวันออกพรรษาของพรรษาที่สองท่านเกิดรักผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านจึงได้รีบหนีกลับมา อยู่ที่วัดอรัญบรรพต แต่ก็ไปเกิดรักใหม่จนท่านตัดสินใจว่าจะลาสึกไปใช้ชีวิตฆราวาส จึงได้เดินทางไปหาพระอุปัชฌาย์เพื่อลาสึก แต่ในคืนวันนั้นเอง ท่านได้พิจารณาเห็นถึงความทุกข์ในโลก จึงได้ปรารภกับตนเองว่า เมื่อความทุกข์มันเป็นภัยใหญ่ของชีวิตดังนี้ ก็ไม่ทราบว่าจะสึกออกไปทำไม
เมื่อบวชอยู่ก็ยังเป็นทุกข์ถึงขนาดนี้ ถ้าสึกออกไปมันจะไม่เป็นทุกข์ยิ่งไปกว่านี้หรือ เพราะความทุกข์ของผู้ครองเรือนนั้นมีร้อยแปดพันอย่าง พอปรารภกับตัวเองมาถึงตรงนี้ จิตก็คลายความกระสันอยากสึกลงทันที ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าไม่สึก
ต่อมาท่านได้ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเอาชนะกิเลสทั้งปวงจนกระทั่งพ้นทุกข์ เปรียบเสมือนดอกบัวที่เบ่งบานส่งกลิ่นหอมอยู่บนภูเขา ทั้งที่รากเหง้าจมอยู่ใต้โคลนตมแต่ดอกบัวกลับไม่เคยเปื้อนโคลน เป็นเพราะท่านเห็นทุกข์ถ้วนแล้วท่านจึงเห็นธรรม
แล้วจึงออกประกาศธรรมะให้ผู้อื่นรับรู้ด้วยการปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นสามารถปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ได้จริง
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อาจอธิบายด้วยแนวเรื่อง ปาฏิหาริย์ในโลกของความเกี่ยวข้อง อย่างที่คุณดังตฤณว่าไว้ได้หรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับผมนับว่าเป็นมงคลชีวิตที่มีโอกาสได้รู้จักหลวงปู่เหรียญและมีโอกาสฟังธรรมเทศนาของท่านถึงแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว
ขอขอบคุณคุณดังตฤณที่ทำให้หันมามองเรื่อง โลกของความเกี่ยวข้อง ในแง่มุมใหม่ๆในวันนี้ และขอนมัสการหลวงปู่เหรียญมา ณ หน้ากระดาษแห่งนี้ด้วยความนับถือยิ่ง สาธุ
------------------
เรื่องเก่าอีกแล้วครับท่าน ตามปีพ.ศ ในเรื่องนั่นแหละครับ ที่ไม่มีรูปมาให้ดู เพราะปีนั้นผมยังถ่ายรูปด้วยฟิล์มอยู่ ไม่ได้ใช้กล้องดิจิตอลเหมือนทุกวันนี้
Create Date : 19 กรกฎาคม 2553 |
|
33 comments |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2553 11:28:48 น. |
Counter : 1695 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สาวแอน IP: 118.173.14.200 19 กรกฎาคม 2553 13:01:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 19 กรกฎาคม 2553 18:35:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทิดปุ๊ 16เมษา ณ กองทุนเพื่อการสร้างสรรค์เด็ก (16เมษา ) 19 กรกฎาคม 2553 20:03:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฉันเอง IP: 118.172.173.165 19 กรกฎาคม 2553 21:30:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 19 กรกฎาคม 2553 21:32:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: nop IP: 117.47.160.16 19 กรกฎาคม 2553 22:26:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: บินหลาแสนสวย IP: 118.173.187.68 19 กรกฎาคม 2553 23:49:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: บินหลาแสนสวย IP: 118.173.187.68 19 กรกฎาคม 2553 23:54:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: แก้มหอม IP: 203.172.208.153 20 กรกฎาคม 2553 5:26:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 20 กรกฎาคม 2553 18:32:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 20 กรกฎาคม 2553 18:37:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 20 กรกฎาคม 2553 18:40:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 20 กรกฎาคม 2553 18:42:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: คิดถึงวาวี IP: 110.168.107.94 20 กรกฎาคม 2553 22:42:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 21 กรกฎาคม 2553 0:12:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 21 กรกฎาคม 2553 9:06:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: เพ็ญ (PenKa ) 21 กรกฎาคม 2553 12:59:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: แก้วเจียระไนย IP: 58.181.149.6, 58.181.149.27 21 กรกฎาคม 2553 14:08:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 22 กรกฎาคม 2553 0:07:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องนิก IP: 216.244.44.151 22 กรกฎาคม 2553 0:33:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอื้อง IP: 125.24.100.43 22 กรกฎาคม 2553 6:38:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: เพ็ญ (PenKa ) 22 กรกฎาคม 2553 9:22:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: BANK IP: 115.67.79.71 22 กรกฎาคม 2553 23:53:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 23 กรกฎาคม 2553 7:48:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 23 กรกฎาคม 2553 15:24:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 24 กรกฎาคม 2553 6:57:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: คิดถึงวาวี IP: 110.168.92.183 24 กรกฎาคม 2553 9:06:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: จันท์เจ้า IP: 180.180.92.148 24 กรกฎาคม 2553 12:37:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตามมาดู IP: 113.53.150.251 25 กรกฎาคม 2553 7:23:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ขณะที่อ่านข้อความของพี่โดมทำให้คิดได้ว่า คนเรามีโอกาสที่จะเจอกับปัญหาและทำให้เกิดทุกข์อยู่ตลอดเวลาหากเราไม่รู้จักหาวิธีคิดหรือจัดการมันออกไปจากใจให้ได้ เช้านี้งานก็เร่ง เพื่อนร่วมงานก็บ่น งานที่ทำเสร็จแล้วผิดพลาด จะทำอย่างไรดี เจออย่างนี้ต้องรีบเรียกสติกลับมาอย่างด่วนจี๋ คิดว่าถ้าทนได้ เราก็จะสบายมาก (เป็นข้อความที่ได้จากหนังสือแต่เป็นข้อความที่ดีท่องเอาไว้เป็นการให้กำลังใจตัวเองได้มากทีเดียว ขอบคุณพี่โดมที่ลงข้อความนี้ ในวันนี้ อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจและจะพยายามเรียกสติกลับมาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้ให้ได้โดยเร็ว
ขอบคุณค่ะ