ประเด็นนี้แตกออกมาจากประเด็นที่ 4 ค่ะ ถ้าว่าประเด็น 4 ดุเดือดแล้ว ประเด็น 5 นี่ ถือเป็น ศึกวันธงชัยเลยล่ะค่ะ ประทุขึ้น เพียงเพราะฉันพูดว่า It sounds un-natural เท่านั้นแหละ ตาไมค์ พุ่งปรี๊ด โต้กลับว่า You think, being gay is un-natural??? จากนั้นก็ใส่กันต่อเรื่อง การตีความหมายของคำว่า ธรรมชาติ ตาไมค์ : Being gay is so natural. Do you beleive me? I can prove that about 5% of gay populations exists in all species.
ปอ : I see. But still, gay couples adopt child, sounds so unusual for me. ตาไมค์ : So being gay is abnormal for you???? (ยวนเต็มที่) ปอ : OK. OK (ยกมือขึ้น 2 ข้าง) . I used a wrong word. Not abnormal but different, OK??? ตาไมค์ : Why shouldnt gay couple adopt child, then? Why??? (ลอยหน้าลอยตา น่า ตบมากๆ)
อ่านแล้วผมนึกถึงเพื่อนผมคนหนึ่งตอนที่เรียนอยู่ที่อเมริกา
เราเดินไปตามทางเดินในอาคาร จังหวะหนึ่งก็สวนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หอบหนังสือมาเพียบ จำเพาะที่สาวเจ้าจะต้องมาทำหนังสือตกตอนที่เดินสวนกับเราพอดี
ผมก็เตรียมจะเข้าไปช่วยเก็บ แต่เจ้าเพื่อนผมมันเดินลิ่วไปโน่นแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจเดินตามเพื่อนไป ปล่อยให้ผู้หญิงเขาเก็บหนังสือของเขาไปคนเดียว
พอเดินห่างออกมา ผมก็ถามเพื่อนว่าทำไมไม่ช่วยเก็บ เขาบอกผมว่า
"Not necessary. Let her do it. Damn feminism!"
ดูมันทำ มันบอกว่าอยากเรียกร้องสิทธิสตรีกันดีนัก ก็ช่วยเหลือตัวเองไปสิ
ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมยอมเป็นคนหัวโบราณแบบตะวันออกๆ แบบนี้ดีกว่าครับ
พวกมะกันเหมือนจะทำตัวให้เป็น open-minded นะ คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมว่าเพื่อนคุณปอนี่ นอกจากจะพยายามทำตัวให้เหมือนเป็น open-minded แล้ว ยังทำตัวเป็นผู้ชนะในทุกเรื่องเหมือนคนมะกันอีกด้วย บางคำพูดมันฟังดูข้างๆ คูๆ พิกล