ทำไมถึงทำกับฉันได้
.....เจอ Tag
. แทร็ก แทร็ก แทร็ก แถร่ แทร็ก
ขึ้นต้น มาเป็นจังหวะแทงโก้ เรื่อง แถกๆๆๆๆ นี่เห็นเห็นมันระบาดมากขึ้นทุกที ก็ยังอุตส่าห์คิด ว่า มันคงมาไม่ถึงฉันหรอก เพราะ ไม่ค่อยจะป็อบปุ (popular) มีที่ไปโพสประจำอยู่ไม่กี่ที่ เพิ่งจะ add ชาวบ้านเข้า friends blog ก็เมื่อคืนนี้ หลังจากที่อัพบล็อกเรื่องเพลงไป Zätliche Liebe อัพเสร็จตอนตี 2 แน่ะ แวะไปอ่านกันได้ทีนี่ไปอ่านได้ ที่ นี่ นะคะ : Zätliche :รักอันสุนทร
ตื่นนอนมาด้วยอาการไมเกรน (สมน้ำหน้า นอนดึก) ได้รับความปราถนาดีของ อาจารย์ คนทับแก้ว แจก Tag ดอกนี้ให้ดิฉันมา เป็นทายาทอสูรรุ่นกันเดียวกับ
คุณ กระจ้อน คุณ erol คุณ คนรักน้ำมัน คุณ Batgirl2001
แฉตัวเองจบแล้วจะไปอ่านของเพื่อนร่วมรุ่นนะคะ
ตอนนี้ต้องมาคิดก่อนว่าตัวเองยังมีความลับอะไร เหลือพอจะเปิดโปงได้บ้าง ปกติก็ไม่ค่อยมีความลับอะไรกับเขา เพราะเล่าเรื่องของตัวเองไปได้เรื่อยๆ เอาเป็นว่า จะเล่าเรื่องที่อาจจะไม่ได้เอามาเล่าในบล็อก ก็แล้วกัน อ่านๆ ไปก็โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ บางเรื่องเป็นอุทาหรณ์ได้เบาๆ
1. ชอบดูงิ้ว
เป็นลูกอีสานขนานแท้ เชื้อสายมีเพียงชวด (พ่อของยายทวด) ที่เป็นคนจีนแท้ ที่เหลือเป็นอีสานหมด แต่มรดกทางพันธุกรรมที่ตกมาถึงฉันนั้นแรงแท้ เพราะฉันเป็นสาวอีสานตัวดำ แต่ว่าตาตี่
ตอนเด็กๆ อยู่อำเภอบ้านนอก แต่มีโอกาสแวะมาเยี่ยมยายกะตาที่ในตลาดอำเภอที่ดูเป็นในเมืองกว่า บ่อยๆ ตื่นเต้นกับงานงิ้ว ชอบไปดูงิ้วที่โรงงิ้ว ทั้งๆ ที่ฟังไม่ออก แต่ชอบฟังเวลาเขาร้องเสียงสูงๆ ต่ำๆ ทำมือ ทำไม้ ประกอบกับเสียงเครื่องเคาะดัง แฉ่งๆๆๆๆๆๆ เครื่องแต่งกายก็อลังการหลายๆ มีหอก มีทวน มีขนนกยาวๆ แถมมีห่วงรอบตัวเหมือนดาวเสาร์ด้วย ดูเพลินดีจริงๆ ปัจจุบันไม่มีงิ้วให้ดู เลยดูงิ้วฝรั่ง ลิเกฝรั่งแทน (โอเปร่า) ก็ชอบมากๆ เหมือนกัน
2. สมัยเรียนมัธยมได้ไปแข่งขันแต่งกลอน / โต้วาที
สมัยเรียนมัธยม เรียนสายวิทย์ แต่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดปะขัน แต่งกลอน โต้วาทีอยู่บ่อยๆ หัดแต่งกลอนแปดมาตั้งแต่อยู่ ป. 5 พ่อเป็นคนสอน พ่อสอนหลายอย่าง ทั้งกลอนแปด กลอนหก กาพย์ยานี 11 และ โคลงสี่สุภาพ วรรณคดีไทยเล่มแรกที่อ่าน คือ พระอภัยมณี แต่เป็นฉบับสำหรับเด็กๆ อ่าน มีกลอนแทรกกับร้อยแก้ว ตอนอยู่ ม. 5 ชนะประกวดกลอนสุภาพวันสุนทรภู่ที่โรงเรียน จากนั้นก็กระโดดเข้าแวดวงการประกวดประขันต่างๆ แต่ไม่เคยชนะเลิศ ถ้าประกวดกันเป็นวงสักวา จะเป็นได้ตัวแทนวงออกไปอ่าน รุ่นพี่ ร่วมวง ขนานนามว่า น้องหยด มาจาก หวานหยดย้อย เพราะเวลาอ่าน กรอกเสียงหวาน เรียกคะแนนกรรมการ (แต่ฉันว่ามันออกแนว อีหยด อีเย็น ทาสไพร่ ในเรือนครัวนะเนี่ย)
นอกจากแต่งกลอนแล้ว ยังเป็นตัวแทนไปโต้วาทีประจำ เรียกว่า ดิฉันเจนเวทีมาก ไม่เคยกลัว ไม่เคยสั่น พูดฉอดๆ น้ำไหลไฟดับ การเป็นนักโต้วาทีเพาะนิสัยมาหนึ่งอย่าง คือ เป็นสาวฝีปากกล้า ถนัดการยอกย้อน ซ่อนคม และพูดจาอย่างจะให้คนเก็บไปคิด ทำให้เพื่อนๆ ค่อนข้างกลัว เพราะแม้มันจะไม่ด่าหยาบคาย แต่ ......ถ้าแปลคำ ด่าออกแล้ว .. อยากจะตายไปเกิดใหม่แทน เพื่อนคนหนึ่งเคยเรียกว่า สตรีผู้มีปากเป็นอาวุธ ไม่ยุติธรรมกับวาวหวานมากๆ ค่ะ
กิจกรรมทั้งสองอย่าง นี้ปัจจุบันล้างมือจากอ่างสังกะสีแล้ว จะเขียนกลอนบ้าง ก็แล้วแต่อารมณ์ แต่ไม่คิดว่าจะเอาดีทางนี้ได้ แม่เคยอ่านกลอนที่เขียนสมัยหลังๆ บ่นว่า แห้ง ต้องเกลาให้นุ่มนวล อ่อนหวานกว่านี้นะจ๊ะ แป่ว ส่วนการโต้วาที ตอนนี้หันมาทำงานเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ก็เลยไม่ได้ไปถากถางใคร ไม่อยากก่อกรรมทางวาจาด้วย นานๆ จะเตือนนักเรียนที ถ้ารู้สึกว่าพฤติกรรมที่เขาทำมันไม่ดีกับตัวเขาเอง รุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันบอกว่า พี่ดุเด็กไปนี่ อีก 3 วันก็แปลกันไม่ออกหรอก อ้าว งั้น ที่เงียบไปก็แปลว่า งง น่ะสิ ไม่ได้ซาบซึ้ง เวรกรรม
3. เคยอยากซิ่วไปเรียนคณะโบราณคดี
สมัยเรียน ม. ปลาย อยากเรียนต่อสายศิลป์ แต่ พ่อ-แม่ ไม่เห็นด้วย ตอนนั้นไม่รู้เอาไงดี เลยตกลงใจว่า งั้นก็อ่านเคมีไปก่อนแล้วกัน พอ ม. 6 สอบได้คณะหมอยา ก็ดีใจน่ะสิ เลยเลิกคิดเรื่องเรียนสายศิลป์เลย พอเข้าปีหนึ่ง เกิดอยากเรียนสายศิลป์อีก คราวนี้เอาแต่เมาท์กะเพื่อนกะเทยในวิชาฟิสิกส์ ว่าอยากไปเรียนโบราณคดี ผลสอบมิดเทอมออกมา ตกมีนค่ะ พระเจ้า!!!!!! เลิกๆ ๆๆๆๆ ไม่ไปเรียนแล้วโบราณคดี อ่านฟิสิกส์สอบไฟนอลดีกว่า หลังจากนั้นก็ไปลงเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) แบบต้องดูอาจารย์ใหญ่ (ศพ) แล้วสนุกมาก เลยเลิกความคิดนี้ไปเลยโดยปริยาย ปัจจุบันก็อยาก จะ เอ็กกกกกกซ์ ซะ พี เหรียน (experience) ดูบ้างเหมียนกัล ว่านักโบราณคดีเขาทำงานกันอย่างไร แต่จะไปหาที่ไหนล่ะ โอกาสนี้ เฮ้อ
4. สมัยเรียนมหาลัยเกิดอุบัติเหตุน้อยๆ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1
ตก (บันได) หอตอนปี 1 (ไม่เหมือนการตกเครื่องบินของ อ. คนทับแก้วแต่อย่างใด) สมัยเรียนหอหญิงเขาจะปิดตอนสามทุ่มกะเปิดอีกทีตอน เที่ยงคืนประมาณ 10-15 นาทีให้เด็กๆ เข้าหอพัก แต่หอชายเปิดตลอด 24 ชม คืนนั้นนัดกับเพื่อนว่าจะไปดูหนัง เรื่องกลิ้งงับๆ รอบ มิดไนท์ เพิ่งจะออกมารอเพื่อนหน้าหอ เห็นเพื่อนผู้ชายสองคนขับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าเราไป ก็รีบตะโกน เฮ้ยๆๆ ฉันอยู่นี่ ตะโกนไปด้วย วิ่งไปด้วย เลยไถลตกบันได แบบรูดกราวลงมาถึงขั้นล่างสุด โดยเอาเท้าลงไปกระแทกพื้นหิน เจ็บมาก ปรากฎว่า เพื่อนมันไปเติมน้ำมันก่อนจะแวะมาหา ไม่ได้ลืมฉันแต่อย่างใด ขาเจ็บมาก แต่ยังใจรัก ไปดูหนังต่อ ขากลับ กลับเข้าหอไม่ทัน ต้องปีนฝาไม้ระแนงโรงจอดรถขึ้นไปที่ระเบียงห้อง ทั้งๆ ที่ขาเจ็บ อุบาทว์มาก วันต่อมาขาบวมปูด(สมน้ำหน้ามัน) กะเผลกๆๆ ไปประชุมสโมฯ (สโมสรนักศึกษา) รุ่นพี่ที่คณะเห็น ถามว่า น้องปอเป็นไร เลยบอกว่า ขาแพลงค่ะ พี่ถามอีก อ้าวแล้วมียาไหม ตอบว่า มีค่ะพี่ ปอทาฮีรูดอยด์แล้ว พี่ๆ หัวเราะกันครืน บอกว่า น้องๆ ไอ้ฮีรูดอยด์น่ะ เขาเอาไว้ลบรอยแผลเป็น อย่างน้องนี่ต้องทา เคาเตอร์เพน แป่ว ก็เห็นมันเป็นหลอดๆ เหมือนกันนี่นา สรุปว่าไปหาหมอ ปรากฏว่ากระดูกข้อเท้าร้าวค่ะ ปีนั้นเพื่อนๆ ขึ้นภูกระดึง แต่กุสุมาอดค่า
ครั้งที่ 2 ตอนปี 3 คณะจัดงานเฟรชชี่ไนท์แล้วสโมฯจ้างเธคมาด้วย (ตามบ้านนอกน่ะ เคยเห็นไหม) ฉันก็ตามเคย คือไปวาดลวดลายเท้าไฟแบบกู่ไม่กลับ สักพักได้ยินเสียงดังแคร่ก ๆ เหมือนมีคนโยนปากกาเข้าไปในพัดลม เสียงไรวะ เงยหน้าขึ้นไปดู ไอ้คานเหล็กที่เขาติดลูกไฟหมุนๆ ไว้ หล่นโครมลงมา โดนดั้งจมูกของฉันพอดี๊ พอดี (เวรจริงๆ ยิ่งไม่ค่อยจะมีดั้งกะเขาอยู่ด้วย) คืนนั้นเลิก dance แต่ไปนอนพังพาบ X-ray จมูกที่ ER แทน กระดูกแตกค่ะ แตกแต่ ไม่เสียสภาพ คือไม่ยุบลงมานั่นเอง (ไม่มีการผ่าตัดเสริมดั้ง) แต่กินยาแก้อักเสบกับยาลดอาการบวม แล้วปล่อยให้ร่างกายมันรักษาของมันเอง ก็ไปเรียนหน้าบวมเหมือนแตงโมอยู่ 2 อาทิตย์ เป็นช่วงก่อนสอบมิดเทอมอีก ซวยจริงๆ ข่าวลือกระพือออกไปคณะอื่นว่า เด็กเภสัชฯ เจอคานเธคหล่นทับ หัวแบะ จะมาหัวแบะอะไร ก็ยังนั่งหัวโด่ อยู่นี่ จากอุบัติเห็นครั้งนี้ทำให้ฉันรู้ว่า ที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับฉันคือ คาน ค่ะ ยังไม่ทันทำท่าว่าอยากจะขึ้น มันก็หล่นตุ๊บลงมาอัญเชิญ ซะแล้ว อ๋าย!!!!!!! มันคือ คำสาป
5. รักการเต้นรำเป็นที่สุด หนึ่งในกิจกรรมที่เรียกได้ว่าเป็น one of my passions คือ การเต้นรำค่ะ พ่อกับแม่ก็เท้าไฟ ฉันเรียนเต้นลีลาศครั้งแรกตอนประถม 6 อีกทีตอน ม. 3 และ ปี 2 ก็จะเป็นจังหวะง่ายๆ บีกิน ชะชะช่า ตะลุง basic tango Waltz แต่ท่าไม่ซับซ้อนมาก แต่ตอนนี้ลืมไปเยอะค่ะ เพราะว่ามันไม่ได้ใช้
มาอยู่เยอรมนีฉันเริ่มเรียนเต้นรำจังหวะละตินทั้งจากเพื่อน จากโรงเรียนสอนเต้นรำ กลายเป็นชอบเต้นละตินมากๆ ทั้งซาลซ่า (Salsa) เมเร็งเง่ (Merenge) หรือ บาชาตะ (Bachata) ด้วย (ง่ายมากๆ ค่ะ) บางช่วงหาเหยื่อเต้นรำด้วยไม่ได้ฉันไปเรียนระบำสเปน (Flamengo) และเซบีญาน่า (Sevillana)
หลังๆ มีเพื่อนรักเป็นหนุ่มบราซิล ฉันมาลองๆ หัด แบบที่นิยมในบราซิลบ้าง เช่น ฟอร์ฮอร์ (Forro') และแซมบ้า (Samba) แต่ไม่ได้ฝึกจริงจัง เพราะต้องหยุดเต้นรำมาประมาณครึ่งปีแล้ว เพราะเอ็นร้อยหวายอักเสบค่ะ ต้องไปกายภาพบำบัดและ ฉีดยาเข้าข้อเท้าอยู่ หลายเดือน ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังไม่สามารถเต้นรำแบบหักโหมได้ (แค่เดินทำแลปก็ปวดจะแย่แล้ว)
ตอนนี้ที่ยังอยากจะไปเรียนก็คือ ระบำหน้าท้อง (เพาะพุงไว้กำลังได้ที่) แทงโก้แบบอาร์เจนติน่า และ ฟลาเมงโกต่อค่ะ แค่นี้พอแล้วมั้ง ต้องเรียนให้จบปีนี้นี่นา ลืมทุกที!!!!!!!
แฉตัวเองมาครบ 5 ข้อแล้วนี่ แต่ละข้อยาวๆ ทั้งน้าน สะใจ สมใจ คุณแล้วหรือยังงงงงงงง (ร้องเป็นเพลงลูกทุ่งด้วยนะ) แล้วจะส่งต่อใครดีเนี่ย ปกติก็ไม่รู้จักใครเท่าไหร่ คนที่แอดไว้ก็โดนกันไปหมดละ เลือกใครดีเนี่ย
โอม บุษบาจะเสี่ยงเทียนนะบัดนี้ๆๆๆๆๆๆ แอ่นแอ๊น ได้มาแล้วววววว
น้อง อิงจ๋า น้อง Congomerate คุณ กะว่าก๋าเท่านี้ละมั้ง คนอื่นๆ โดนไปเยอะแล้ว
******อัพเดทหน่อย******
ไปแวะบล็อกพี่แหม่ม Desperatemommy มาก่อนจะอัพ เลยเจออีกแถก แค่ที่พล่ามมาก็ยาวเป็นกิโลแม้ว แต่ไหนๆ โดนมาสองเด้ง ปอจัดให้เลย แต่เอาแบบสั้นๆ นะเพิ่มเติม
1. ฉันไม่ดื่มเบียร์ค่ะ เสียชาติมาอยู่เมืองด๋อยมากเลยเนาะ
2. ฉันกินชอบกินเหล้า แบบไม่ผสมอะไรเลยค่ะ ไม่เอาแม้แต่น้ำแข็ง เพื่อที่จะซึมซับรสชาติได้ทุกอณูค่ะ
3. เมาแหลกราญครั้งแรกในชีวิต เมื่อ สามปีที่แล้ว เพราะไปดี่ม Sparkling wine หนูน้อยหมวกแดง ค่ะกระดกไป 10 แก้วได้ ร้องเพลงฝรั่งดังลั่น ตื่นขึ้นมา ไม่อ้วก ห้องไม่หมุน แต่เตียงหมุนจังวุ้ย!!!! (โชคดีไม่เมาแก้ผ้า)
4. ชอบซดที่สุดคือ เหล้ารัมค่ะ golden rum นะคะ (หมูกินรำ อิอิ)
5. หลังจากดวดไวน์ไปแล้วหลายแก้ว เคยทำสถิติของการกระดก เตกีล่า ต่ออีก 5 เป็ก (เด็กๆ เนาะ) หลังจากนั้นอะไรก็ขำบรม เจอไอ้หนุ่มท้าเต้นบนโต๊ะ (Table dance มันบอก) เสียใจพธูไทยอย่างฉัน ไม่ทำย่ะ
ไปแล้วนะคะ บ๋ายบาย
Create Date : 12 มกราคม 2550 |
Last Update : 12 มกราคม 2550 5:46:05 น. |
|
24 comments
|
Counter : 1062 Pageviews. |
|
|