อีกครั้งกับการตกวังวนละคร youtube : เลือดขัตติยา
บล็อกต้อนรับปีใหม่ไทย ช้าไปหน่อย แต่ก็ขออวยพรเพื่อนบล็อกทุกคน ให้มีความสุขกาย สบายใจ สดชื่น แจ่มใสเหมือนสายน้ำ ในปีใหม่นี้นะคะ อ่านชื่อบล็อก แล้วจะเห็น ว่า แม้จะเข้าปีใหม่แล้ว แต่พฤติกรรมของฉันยังเหมือนเดิม คือ บ้าละคร เรื่องล่าสุดที่ดู (และคิดว่าควรจะเลิกดูได้แล้ว) คือ เลือดขัตติยา ของค่าย exact แสดงโดย อ้อม-พิยะดา อัครเศรณี กับ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี การดูละครเรื่องนี้ ทำให้ฉันรู้ตัวว่า ฉันเป็นโรคร้าย คือ โรค เจษฎาภรณ์ ผลดี - ฟีเวอร์ โอ้ คุณพระ ปรากฏกายแต่ละฉาก เจริญตาดีแท้ รอยยิ้มก็ช่างบาดใจเหลือ (ลืมแก่ไปเลยฉัน อายจัง วันนี้เปิดเผยความลับผ่านบล็อก) ฉันเคยดูเรื่องที่พระ-นาง คู่นี้เล่นด้วยกัน นานมาแล้ว ของค่าย exact เหมือนกัน คือ ร้อยเล่ห์ เสน่ห์ร้าย ก็สนุกดีเหมือนกัน เพียงแต่เรื่องราวมันไม่ชวนฝันเหมือน เลือดขัตติยาเลือดขัตติยา เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ระหว่างองครักษ์หนุ่มอโณทัย กับเจ้าหญิงสูงศักดิ์ ทิพยรัตน์ดารา เพราะความไม่คู่ควร และภาระหน้าที่ที่ต้องมีต่อชาติบ้านเมือง จบลงที่การเสียสละชีวิตของอโณทัย เพื่อเกีรยติยศของนางอันเป็นที่รัก และเพื่อชาติ ฉันอ่าน เลือดขัตติยา ของ โรสราเลน (ทมยันตี) เมื่อสมัยที่ฉันยังเป็นสาวน้อย (ตอนนี้สาวเหลือน้อย) จำได้ว่าตอนนั้น อิน กับนิยายมาก ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร นิยายเขียนได้ดีมาก ภาษาสวยงาม เรื่องราวประทับใจ อ่านแล้วซึ้งกินใจ แต่.....ที่เห็นได้บ่อยๆ เวลาเอานิยายดังๆ มาทำเป็นละครโทรทัศน์ ก็คือ ทำแล้วไม่ประทับใจ เพราะไม่สามารถเทียบเคียงกับจินตนาการในใจผู้อ่านได้ สำหรับเรื่อง เลือดขัตติยานี้ ในความเห็นของฉัน ถือ ว่า exact ทำออกมาได้ดีทีเดียว แม้จะมีบางส่วนในฉากที่ดูแล้วยังไม่เป๊ะ แต่ด้วยการวางตัวละคร การดำเนินเรื่อง บท และดนตรีประกอบ ถือว่า ผ่านฉลุย เล่าเป็นข้อๆ ดีกว่า (อย่าลืมว่า นี่เป็นทรรศนะ ส่วนบุคคลนะคะ)1. ตัวละคร อ้อม-พิยะดา เล่นได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ยังเป็นเพียงเจ้าหญิงน้อย ที่เป็นเพียง ดารา ที่เกาะกลางน้ำกับอโณทัย หรือ ในตอนหลังที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน บุคคลิกของตัวละครตัวนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนไปจาก เด็กสาวที่หวังเพียงสุขในความรัก ไปจนกระทั่งเป็นคนที่ต้องรับภาระยิ่งใหญ่ (แต่ในใจก็ยังรัก) อ้อมเล่นเป็นเด็กสาว ก็น่ารัก เป็นเจ้าหญิงก็ดูสวยสง่า แล้วเธอก็พูดจา ฉะฉาน ชัดเจน ดี แม้จะมีบางครั้งที่ฟังดูเหมือนตะเบ็งไปบ้าง แต่การแสดงออกทางสีหน้า และ อารมณ์ดีมาก ต้องบอกว่า บทส่ง เธอ และเธอก็เข้าถึงบทติ๊ก-เจษฎาภรณ์ เรื่องนี้บทส่งมากๆ เพราะตัวพระเอกจะโดดเด่น ทั้งความสามารถ และคุณความดี หลายคนอาจจะมีภาพ อโณทัย ในใจ ไม่เหมือนกับติ๊ก แต่สำหรับฉัน (ผู้เป็นโรค ติ๊ก ฟีเวอร์) ถือว่า ใช้ได้ ทั้งรูปร่างและหน้าตา อาจจะไม่ดูบึกบึน มากแบบฉบับ ชายชาติทหาร (จริงๆ แล้วมันต้องเป็นแบบไหน? ) แต่พอยืนคู่กับนางเอก แล้ว ก็ดูเหมาะสมดี การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์นั้น ถือว่าสอบผ่าน ส่วนที่พระเอกจะต้องฝึกปรือเพิ่มเติมอีก คือ เรื่องการพูด เพราะ เขาจะพูดรัวๆ บางทีฟังไม่ค่อยจะออก โดยเฉพาะ ในส่วนที่ต้องพูดใส่อารมณ์ บางทีมันยังไม่รื่น หรือบางครั้งการทอดน้ำเสียงอาจจะยังไม่เป็นธรรมชาติ ถ้าเป็นละครสมัยใหม่ธรรมดา พวก ตบ-จูบ หรือ พระเอกกระล่อน การพูดรัวๆ อาจจะไม่มีผลมากนัก แต่เรื่องนี้ ในนิยายก็มีความแยบคายและชั้นเชิงในการใช้ภาษาดีอยู่แล้ว ดังนั้น การพูดคำพูดเหล่านั้นให้ชัดเจน และเป็นธรรมชาติ จึงสำคัญมาก เพราะถ้ามันสะดุดปุ๊บ อารมณ์ก็จะสะดุดตาม พูดอย่างยุติธรรมนะ ฉันว่า ที่จริงเขาก็มีพัฒนาการด้านการแสดงมากขึ้นเหมือนกัน แม้จะยังไม่ สมบูรณ์แบบ และตัวละครตัวนี้ก็ไม่ได้เล่น ง่ายๆ เพราะ ทั้งลึก ทั้งคม (โรคกำเริบ อิอิ)ตัวละครอื่นๆ ก็ถือ ว่า เล่นได้เหมาะสมดี ทั้ง เจ้าคุณกลาโหม พระองค์หญิงทั้งสอง เจ้าชายไชยยันต์ เจ้าหญิงแขไขจรัส ส่วนเจ้าชายสิทธิประวัตินี่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ถือว่าเล่น ใช้ได้ 2. ฉาก สถานที่ การแต่งกาย อุปกรณ์ประกอบฉาก สถานที่ สวยงามดี อย่างเกาะร้างกลางน้ำ ที่เป็นที่นัดพบ ของพระเอก นางเอก น่าจะไปถ่ายมาจากหลายสถานที่ มีทั้งน้ำตก- ทุ่งหญ้า ส่วนพระราชวังหลวง และตำหนักเจ้าหญิง บ้านพระเอก ฉากภายนอก ก็ดูสวยดี ส่วนฉากภายใน ที่เป็นตำหนักเจ้าหญิง เจ้าชาย จะมีรูปของเจ้าของตำหนัก ติดเต็มผนังไปหมด เข้าใจว่า คงจะอยากแสดงให้เห็นว่า เป็นตำหนักของใคร แต่รูปมันเยอะเหลือเกิน ลายพร้อยเต็มผนัง จนดูเกร่อ เหมือนสตูดิโอโชว์รูป ไม่สวย ฉากการสู้รบ หรือเวลารวมกำลังทหาร จำนวนคนมันน้อยนิดเหลือเกิน อย่าง กองกำลังพิเศษที่พระเอกฝึก มันก็ดูมีอยู่กระจึ๋งเดียว ถึง 50 คนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูแล้วไม่เหมือนกองทัพระดับแคว้นหรือประเทศ ดูเหมือนตำบล มากกว่า ( เอ๊ะ ...หรือ ว่าจะเป็นประเทศ เล็กๆ ?) อุปกรณ์ประกอบฉาก เรื่องนี้ ที่เห็นแล้ว รู้สึกว่าไม่ค่อย สวย คือ รถม้า ของบรรดา เจ้าชาย เจ้าหญิง ดูไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย เหมือนเป็นโครงๆ แล้วมีผ้าเต็นท์ คลุมทับ ดูก๊องแก๊งมาก ถ้าจะทำให้ดูหรูหรา คงจะราคาแพงไปมั้ง แต่ว่า มันดูก๊องแก๊ง จริงๆ นะ ไม่เชื่อไปดูเลย เสื้อผ้า ฝ่ายหญิง ตอนแรก รู้สึกว่า ชุดนางกำนัล กับชุดเจ้าหญิง ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ดูมาดูไป ค่อยพอแยกออก ว่า ถ้าเป็นหญิงสูงศักดิ์ ต้องมีผ้าแพรคล้อง เพิ่มมาด้วย ส่วนนางกำนัล ไว้ผมมวย นอกนั้น ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ขอชม ว่า ชุดดำของนางเอก ตอนขึ้นเป็นเจ้านาง นั้นสวยมาก เสื้อผ้า ฝ่ายชาย ชุดทหารองครักษ์ หรือเครื่องแบบทหาร ก็ดูเหมาะดี ดูภูมิฐาน แต่ ชุดฝึกนี่สิคะ เห็นแล้วมัน ร.ด. เด็กไทย ผมเกรียน ไปหน่อย ดูยุคสมัยมันไม่ค่อยสอดคล้องกัน จะทำเป็นสมัย หลุยส์ที่ 14 หรือ สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือว่า ยุค 2000 กันแน่ ดูลักหลั่นกันเหลือเกิน หรือ ฉันงงเองก็ไม่รู้ ส่วนเครื่องแต่งกายลำลอง ฝ่าชาย สวยค่ะ ฉันชอบ เสื้อขาว แล้วมีจีบรูดๆ ดูเป็นชุดดวลดาบมากเลย สวยคลาสสิคมากเลยค่ะ ฉากเต้นรำในเรื่อง ที่จริงมันมีอยู่ฉากเดียวนะ แต่เห็นประดา เจ้าชาย เจ้าหญิง เต้นวอลซ์ เดินเป็น 4 เหลี่ยมทื่อๆ แล้วก็อดเสียดายตามประสาคนชอบเต้นรำ ไม่ได้ เพราะ วอลซ์ เป็นท่วงท่าการเต้นรำ ที่ทั้ง งามสง่า และมีเสน่ห์ในท่วงทำนองการเคลื่อนไหว ใกล้ชิด ติดตาม แต่ไม่ถึงขั้นติดพันจนน่าเกลียด ฉวัดเฉวียนไปมา เหมือน ล่องลอย อยู่บนพื้นฟลอร์ แต่ก็หยวนๆ ไปแล้ว กัน บางทีมันอาจจะไม่ใช่รายละเอียดสำคัญในเรื่อง หรือ ตามบทตัวละครอาจจะไม่ใช่คนเต้นรำเก่ง หรือ ไม่มีอารมณ์จะเต้นรำ (ฉันเองก็เรียน basic walzt มาหลายปีจนแทบจะลืมแล้วด้วย) 3. เพลงประกอบ เรื่องเพลงประกอบ นี้จะน่านับได้ว่าเป็นจุดเด่น ของ exact เลยทีเดียว เพราะเขาทำซะเพราะพริ้ง ดูละคร exact มาหลายเรื่อง รู้สึกว่า เขาชอบใช้ดนตรีแบบ อลังการ อลังการ ประมาณ ออเครสตา มันก็เพราะดีนะ (grand มาก) แต่บางทีดนตรีมันอลังการเกินฉากไปหน่อย......แทนที่จะกลมกลืน เลยกลายเป็นรกหู ....ในเรื่องนี้ exact ยังคงทำแนว อลังการ ตามแบบฉบับ exact แต่งานนี้เข้ากับ theme ของเรื่อง ฉันเห็นว่ามัน เหมาะเจาะ ลงตัวดี ทั้งสองเพลงที่เป็นเพลง ประกอบ คือ คู่ไม่ควร และ แล้วเธอก็คงเข้าใจ คุณศิรศักดิ์ ก็ร้องได้หวานซึ้ง (ฉันชอบเพลงประกอบละครที่เขาร้องแทบทุกเพลง) โดยเฉพาะ เพลง แล้วเธอก็คงเข้าใจ ดนตรีขึ้นท่อนที่เป็นเสียง ไวโอลิน นั้นเพราะมาก สไตล์คล้ายคลึงกับเพลงของสุนทราภรณ์ ซึ่งเป็นแนวเพลงที่ฉันชอบเลย (รสนิยมบอกอายุ)การทำดนตรีประกอบที่ดีนั้น จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการชม ช่วยเติมเต็มส่วนที่ยังอาจจะขาดหายไปในจินตนาการของผู้อ่าน รวมทั้งช่วยส่งเสริมการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวละครได้อีกด้วย กล่าวโดยสรุป ละครเรื่อง เลือดขัตติยา ของ exact นี้ ทำออกมาได้ดี มากทีเดียว เป็นเรื่องที่ทำมาได้ถูกใจที่ สุดในบรรดา นิยาย เจ้าหญิง-เจ้าชาย ของ ทมยันตี ....(จะว่าไปเขาทำไปกี่เรื่องแล้วก็จำบ่ได้) จุดบกพร่องบางอย่าง ก็ถูกชดเชย ด้วยความสามารถในการสวมบทบาทของตัวละคร (รวมถึง หน้าตาหล่อ-สวย บาดใจ ด้วยก็ได้) และองค์ประกอบส่วนอื่นๆ เช่น บทดีๆ คำพูดซึ้งๆ ดนตรีประกอบเพราะๆ เป็นต้น ตอนดูละครเรื่องนี้ ฉัน ไม่ได้หักโหม ดูรวดเดียวถึง ตีสี่ ตีห้า จนจบ เพราะมันเศร้ามาก ถ้าขืนกระหน่ำดู อาจจะร้องไห้ตาม น้ำมูกไหล อุดตันทางเดินหายใจ จนขาดใจตาย (แค่นี้ก็ หมดทิชชูไปหลายม้วน ตาบวมปูด ใต้ตามีริ้วรอย หน้าตาเศร้า ไปทำงาน ทุกวัน) เพราะเรื่องราว มันกุ๊ก กิ๊กหวานใส แค่ตอนต้นๆ แต่พอหลังจากที่ พระเอกรู้ความจริง ว่า นางเอกเป็นเจ้าหญิง ความรัก กุ๊กกิ๊ก มันก็เปลี่ยนเป็น เศร้าไปเพราะเอื้อมไม่ถึง ครั้นพอตั้งใจว่าจะลองพยายามดู ก็กลับมี หน้าที่ ที่ต้องมาก่อน ความรู้สึกของตนเอง ยิ่งทำให้เรื่องมันเศร้ามากขึ้นไปอีก (โครงเรื่องบีบคั้น)ข้อคิดและสาส์นนำเสนอ ในเรื่องนี้ ก็คงไม่พ้น ความเสียสละ ความจงรักภักดีต่อชาติ และหน้าที่ ที่จะต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าการกระทำนั้นจะทำให้เรา ต้องเจ็บปวด หรือ เสียใจ เพียงใด...... โดดเด่นป็นที่สุด ในเรื่องนี้ คือ บทบาท ของ ชายชาติทหาร ที่ ปกป้องชาติและราชบัลลังก์ โดย แยกหน้าที่ กับหัวใจ ออกจากกัน (แต่ฉันว่า ทุกคน ((...ไม่ใช่เฉพาะทหาร...)) ควรใส่ใจในการทำงาน โดยเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มันจะฟังดูมีความสุขกว่านะ).......ฉันไม่ขอบังอาจ วิจารณ์เทียบเคียงกับสภาวะการเมืองในโลกปัจจุบันก็แล้วกันนะคะ เพราะไม่สามารถ.... เอาเป็นว่า นิยายก็คือ นิยาย โดยเฉพาะเรื่องนี้ idealism มากๆ พระ-นาง เป็น perfectionist และอารมณ์ ความรู้สึกก็ extreme รักลึกซึ้ง เชื่อมั่น หนักแน่น อะไรทำนองนี้ (นี่ฉันท่าจะบ้า หาคำไทย มาบรรยายไม่ได้) แบบว่า....นะ....หายากน่ะ คนบนโลกใบนี้ ที่จะเป็นอย่างนั้นน่ะ ดูละคร แล้วก็สนุกดี ทำให้ย้อนอดีตไปชั่วคราว นึกถึงความรู้สึกเก่าๆ สมัยเป็นวัยรุ่น ได้อ่านนิยายเรื่องนี้แล้ว ฝันหวาน เห็นความรักอันสวยงามสูงส่ง น่าบูชาและจีรังยั่งยืน ทุ่มเททั้งชีวิต รักลึกซึ้งเพียงหนึ่ง เมื่อรักแล้วก็จะรักตลอดไป....วู้ยยยยย เฟื่องเชียว แต่ในโลกปัจจุบันของ หญิงวัย สามสิบ (จะเอ็ด) นั้นบอกว่า สิ่งใดๆ ในโลกนี้ ล้วนไม่จีรัง และ ยังรักใหม่ได้อีกหลายครั้ง (อุ๊ยตาย!!!!!พูดจาก๋ากั่น ไปหรือเปล่าเนี่ย .... คือ...... แค่อยากจะบอกว่า อย่าไปปักใจ ยึดมั่น ถือมั่นกับ อะไรมากมายนัก แค่นั้นล่ะค่ะ)