รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

กินให้อ้วน

จิตใจก็กินอาหารเช่นเดียวกับร่างกาย แถมกินตลอดเวลาไม่เคยหยุดเสียด้วย จิตมันก็จะอ้วนกันทุกคน เพียงแต่ว่า ท่านเองเอาอาหารอย่างไรให้จิตกินกันละ

>


สำหรับคนที่ไม่ได้ฝึกฝนธรรมปฏิบัติ ไม่เคยได้ยินพระธรรมคำสั่งสอน เขาก็จะเอาอาหารด้านซ้าย อันเป็นอาหารพิษให้แก่จิตกินตลอเวลา จิตกินอาหารพิษ มันก็จะเป็นพิษไปด้วย

สำหรับคนที่เขาฝึกฝนธรรมปฏิบติ คนที่ได้ยินพระธรรมคำสั่งสอน เขาย่อมรู้จักอาหารที่ดีมีประโยชน์แก่จิต อันเป็นอาหารทางด้านขวาให้แก่จิตกิน

เมื่อท่านฝึกฝนอยู่ในรูปแบบอย่างถูกต้อง จิตมีสัมปชัญญะ มีสติ จิตย่อมกินอาหารดีมีประโยชน์ จิตก็จะผ่องใสมากขึ้น เปรียบทางโลก ก็เหมือนเอาน้ำดี น้ำสอาด ไล่น้ำเสีย ไล่น้ำโสโครก

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก วัน ๆ จิตกินแต่กิเลส กินแต่ความฟุ่งซ่านที่เกิดขึ้น จิตย่อมขุ่นมัว มืดบอด เป็นพิษอยู่อย่างนั้น

การให้จิตได้กินของดี มีประโยชน์ จิตย่อมผ่องใส จิตมีกำลังมากขึ้น และเกิดความตั้งมั่นมากขึ้น

บทความนี้ ผมมีจุดมุ่งหมายถึงใครบางคน ที่ยังไม่เข้าใจดีนักในการปฏิบัติ
เมื่ออยู่ในที่ทำงาน ก็ฟุ่งซ่านไปตามกระแสโลก ในวันหยุดก็ลงมือปฏิบัติ แต่ไม่ก้าวหน้า นี่เป็นเพราะ จิตกินอาหารขยะมากกว่าอาหารดี จิตจะมีคุณภาพได้อย่างไร

การเป็นฆราวาส ต้องทำงาน ต้องหาเลี้ยงชีพ ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องทางโลก แต่เราก็ต้องรู้จักให้จิตกินอาหารทีดีด้วยในขณะทำงาน หลีกเลี่ยงการเม้าท์แตก ไร้สาระในช่วงพักเที่ยง เมื่อพบกับความผิดหวังในการงาน ก็ต้องรู้จักหยุดจิตใจทีผิดหวังนั้นโดยเร็วที่สุดด้วยการทำสมถะ เมื่อมีเวลาว่างในระหว่างวัน ก็ควรฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตามเวลาที่เหมาะสม ด้วยรูปแบบที่เหมาะสม ไม่เป็นที่สังเกตของคนอื่น ๆในที่ทำงาน ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ ท่านต้องค้นหาเอาเองตามความเหมาะสมของท่าน ผมช่วยท่านได้เพียงการแนะนำ

ถ้าท่านฝึกฝนได้ดี มันจะเปลี่ยนนิสัยของท่านเอง โดยที่จิตจะกินอาหารดีเอง และ อาหารเสียก็เกิดน้อยลง อันเป็นไปโดยอัตโนมัติ

เมื่อท่านเพียงเข้าใจ วางตัวเหมาะสม การเป็นฆราวาสก็ไม่อาจปิดกั้นการรู้แจ้งของท่านได้เลย..




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2552
4 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:29:28 น.
Counter : 1454 Pageviews.

 

เห็นด้วยคับพี่

จริงๆ แล้ว แม้แต่ต้องทำงานที่ใช้ความคิดตลอดเวลา พวกเวลาส่วนใหญ่ต้องนั่งออฟฟิส (ผมก็คนนึง) ผมว่ายังไงมันก็มีช่วงเวลา (แม้สั้นๆ) มาภาวนาได้อยุ่ดี อย่างเช่น ตอนลุกไปโน่นไปนี่ ช่วงแวปเดียวขณะลุก หรือเดินไปไหนมาไหน เห็นอะไรแล้วเกิดอะไรขึ้นที่ใจ หรือเผลอไปคิดอะไร ก็ใช้ฝึกได้ หรือสถานการณ์ที่พี่บอก ที่ว่าอาจจะหัวเสียระหว่างการทำงาน ก็ยังใช้ฝึกได้อีก หรือแม้กระทั่งนั่งคิดงาน แล้วเผลอไปคิดถึงเรื่องเพื่อน ถึงแฟน แล้วรู้สึกคิดถึง พร่ำเพ้อ หรือขัดเคือง ก็ใช้ฝึกได้ เยอะแยะเต็มไปหมด
แล้วก็ยังมีเวลาพักยาวๆ ที่พี่ได้พูดถึงไปแล้ว อีก

 

โดย: บั๊กคุง 25 สิงหาคม 2552 20:41:31 น.  

 

คุณบั๊กคุง กล่าวไว้ดีแล้วครับ

 

โดย: นมสิการ 25 สิงหาคม 2552 22:56:19 น.  

 


ใช่แล้วจ้าถ้าเราๆคิดในสิ่ง
ที่ดีๆเราก็จะมีความสุข และไม่ฟุ้งซ่าน

ชอบมากๆเลยค่ะ

 

โดย: ลูกบัว (budja09 ) 3 ธันวาคม 2552 10:58:26 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:29:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.