รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
10 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ฝึกปฏิบัติใหม่ ๆ อย่าไปทำให้จิตว่าง

สำหรับผู้ที่ปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ เมื่อท่านปฏิบัติใหม่ ๆ อย่าไปทำให้จิตว่าง
ท่านจะเดินผิดทางครับ เมื่อปฏิบัติใหม่ ท่านต้องฝึกเพื่อให้จิตมันตื่น รู้ ให้ได้ก่อน โดยการฝึกฝนสติปัฏฐาน 4 ซึ่งผมได้แนะนำให้ท่านจากหมวด กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ท่านจะดูลมหายใจ จะขยับมือแบบหลวงพ่อเทียน หรือ จะลูบแขนดังที่ผมได้เขียนในบทความเรื่อง ตัวอย่างฝึกเพื่อการรู้กาย หรือ อะไรก็แล้วแต่ในหมวดนี้ หมั่นฝึกเข้าไปให้มาก ๆ ให้ชำนาญ เมื่อท่านฝึกมาก ๆ อย่างถูกต้องถูกทางแล้ว จะมีปรากฏอย่างหนึ่งเกิดขึ้น คือจิตรู้ จะเกิด เมื่อจิตรู้ เกิดแล้ว ขอให้ฝึกอย่างเดิมต่อไปอีก จิตรู้จะเติบโตและมีกำลังดีขึ้น ซึ่งผลจากที่จิตรู้ เติบโตและมีกำลังดีนี่แหละครับ จิตรู้ เขาจะเข้าไปตัดการทำงานของจิตปรุงแต่งต่าง ๆ ได้ ( จิตปรุงแต่ง คือ สิ่งที่เกิดแล้วท่านเข้าไปยึดว่าเป็นของเรา นั้นแหละครับ ที่ทำให้ท่านทุกข์ใจ )
ใหม่ ๆ จิตรู้ ก็ตัดจิตปรุงแต่งไม่เก่งครับ พอฝึกไปเรื่อย ๆ จิตรู้จะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อจิตรู้เก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็สามารถที่จะตัดจิตปรุงแต่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตัดได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ เอง แล้วท่านก็จะมีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นแก่จิตใจท่านก็คือ ท่านจะเกิดอาการ จิตตื่น จิตรู้ได้ไว และ จิตท่านจะผ่องใส เบิกบาน จิตสว่างราวกับกลางวัน และ จิตท่านจะเห็นจิตว่างอีกทีหนึ่ง
เมื่อจิตท่านตื่น รู้ เบิกบานอย่างนี้ ท่านจะไม่ทุกข์ใจไปกับอะไรเลย
มันต้องเดินแบบนี้ครับ ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้จริง ๆ

ผมเตือนด้วยความปรารภนาดี ให้ท่านเข้าใจในการฝึกฝน ไม่ใช่ว่า ท่านไปอ่านบทความของครูอาจารย์แล้วครูอาจารย์บอกว่า จิตว่าง จิตผ่องใสจัง แล้วท่านก็จะไปทำ ให้จิตว่างแบบครูบาอาจารย์ มันจะว่างไม่เหมือนกันนะซิครับ มันว่างไม่แท้ ว่างสร้างขึ้น ว่างเลียนแบบ แล้วท่านจะหลงทาง แล้วท่านจะเสียเวลาเปล่า ๆ ที่เดินเท่าใดก็ไม่ถึงทางเสียที

แต่ถ้าท่านไม่สนใจการพันทุกข์แบบถาวร ต้องการแค่ครั้งคราว อย่างนี้ ก็แล้วแต่ท่านละกันครับ


Create Date : 10 มิถุนายน 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:44:54 น. 7 comments
Counter : 970 Pageviews.

 
จากบทความ กระผมสาธุครับ ต้องเป็นวิธี ขั้นตอนอย่างนี้เท่านั้นครับ ยังละลึกถึงและเคารพอยู่เสมอครับ


โดย: เกิดเป็นคนช่างยากแท้จริงๆ IP: 222.123.248.196 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:21:48:36 น.  

 
เคยอยู่ค่ะ มีอยู่ครั้งนึงไปฟังอาจารย์ที่ท่านสอนให้อยู่กับความเป็นกลาง ก็เลยไม่เอาทั้งไปรู้ และไม่รู้ คือเข้าไปอยู่ตรงกลางๆ แล้วก็เพลินๆ มีความสุขไปทั้งวัน ส่วนอีกท่านนึงท่านก็ให้เพ่งแต่ผู้รู้อย่างเดียว วันทั้งวันตั้งผู้รู้ไว้เหนือสะดือ ท่านว่าไปไหนมาไหน ทำอะไรก็ดูอยู่ตรงนั้น สบาย...

จนกระทั่ง่ผ่านไปสักพักแล้วก็มาคิดขึ้นได้ว่า เอ..นี่มันไม่ใช่ทางนี่นา มันไม่ได้พ้นทุกข์ตรงไหน ก็เลยกลับมาเจริญสติใหม่

คราวนี้ไม่เผลอไปหาจิตว่างๆ หรือไปอยู่กับกลางๆ แล้วค่ะ


โดย: kaoim IP: 58.8.122.247 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:21:52:17 น.  

 
สาธุคะ


โดย: taley sea far วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:22:47:36 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: 12ปันนา IP: 58.9.61.235 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:7:20:12 น.  

 
เรียน คุณ kaoim IP: 58.8.122.247 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:21:52:17 น.
1 เรื่องเป็นกลาง
คำๆ นี้อยู่ที่ความเข้าใจของคนพูดและคนฟัง
เมื่อก่อนผมคิดว่า รู้ด้วยความเป็นกลาง คือ รู้เฉย ๆ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย แต่ต่อมา มาพบว่า นอกจาก รู้เฉย ๆ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย แล้ว ยังมีอาการเป็นกลางอีกอย่างคือ จิตรู้ตั้งมั่นอยู่ที่ฐานการรู้ ไม่วิ่งไป ไม่วิ่งมา ไม่ว่า พบเห็น ได้ยินอะไร คิดอะไร จิตเป็นกลางยังตั้งมั่นอยู่ที่ฐานการรู้
เรื่องนี้อธิบายยากมากครับ ผมอธิบายไม่ถุก จึงยังไม่เขียนใน blog ถ้าผมคิดการอธิบายให้คนอ่านเห็นภาพได้เมื่อใด ผมจึงจะเขียน ถ้าใครก็ตามเข้าใจ เรื่องจิตเป็นกลาง ที่ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย จิตตั้งมั่นไม่สัดซ่ายอยู่ที่ฐานการรู้ เมื่อใด การภาวนาของเขาจะฟุ่งไปได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ

2 เพ่งตัวรู้ ที่สะดือ ก็เป็นเพ่งครับ เป็นสมถะแบบมิจฉาสมาธิครับ ยินดีด้วยครับ ที่เข้าใจและหลุดออกมาจากการปฏิบัติแบบนั้น
ผมเคยคุยกับนักปฏิบัติบางคน บางคนก็ไปเพ่งความว่างแล้วคิดว่า ตนเองได้พบนิพพานเข้า เตือนก็ไม่ฟัง น่าสงสารครับ คนหลงผิดแบบนี้ เมื่อไรที่เขาตื่นขึ้นมาจากที่หลงผิดได้ ต่อไปเขาก็คงจะเดินทางต่อไปได้ถูกต้อง สุดแต่วาสนาของแต่ละคน


โดย: นมสิการ วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:13:41:22 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณนมสิการ

ขอบคุณค่ะที่ได้สนทนาธรรมกัน

ดิฉันก็เคยมีผู้ปฏิบัติมาคุยด้วยว่า เขาพบผู้รู้ เมื่อพบผู้รู้ก็หาว่าผู้รู้คืออะไร แล้วเขาก็บอกดิฉันว่า เขาสบายมากค่ะ มีความสุขมาก ดิฉันไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร หรือไปพบอะไรหรอกค่ะ ก็เลยได้แต่เออออไปเฉยๆ ส่วนตัวเองก็ไม่สนใจอะไร เข้าใจว่าเรามีหน้าที่รดน้ำพรวนดินให้ต้นไม้มันโต ออกดอกออกผลเองเมื่อถึงเวลาเท่านั้นล่ะค่ะ



โดย: kaoim IP: 61.90.16.209 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:20:50:18 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:45:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.