รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับความคิด

บทความนี้ ผมเขียนขึ้นด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ
1. นักปฏิบัติมักมีปัญหามาก ๆ ในเรื่องความคิดว่า ควรจัดการอย่างไรกับความคิดดี จากที่ผมได้ให้คำแนะนำปรึกษานักปฏิบัติรุ่นน้อง มา เรื่องความคิดเป็นปัญหาที่เข้ามาถามมากที่สุด
2.เมื่อผมปฏิบัติใหม่ ๆ ผมก็มีปัญหาเรื่องความคิดเช่นกัน ผมก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ครั้นไปอ่านตำราของครูอาจารย์ ก็มักมีคำตอบที่ให้กับผมไม่ได้ หลังจากมี่ผมปฏิบัติมาและเข้าใจเรื่องความคิดพอสมควร ผมเห็นว่า ผมสมควรจะนำมาแสดงไว้ เพื่อให้นักปฏิบัติรุ่นหลัง ๆ ได้มีแนวทางบ้าง
แต่สถานการณ์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ดังนั้น ท่านอาจต้องพลิกแพลงบ้างตามโอกาสของท่าน

กรุณาอ่านด้วยการพิจารณาไตร่ตรองด้วยครับ

A.เมื่อท่านกำลังอยู่ในสภาวะฝึกฝน .จิตรู้. ยังไม่เกิด ผมแนะนำดังนี้
A1. เมื่อความคิดเกิดขึ้น เมื่อท่านรู้ตัวว่าความคิดเกิด ให้หยุดความคิดนั้นทันที ไม่ต้องไปสนใจมันว่าจะเป็นความคิดดี หรือไม่ดี ไม่ต้องไปสนใจว่าเมื่อกี้หลงไปนานหรือหลงไปสั้น ไม่ต้องไปสนใจว่าเป็นอะไร หรือ รู้อะไร
วิธีหยุด ก็คือ ให้มารู้สึกที่กาย เช่นลูบแขนดังที่ผมได้เขียนไว้ในเรื่อง ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย
A2. อย่าไปกดความคิดไม่ให้มันเกิด ปล่อยให้มันเกิด เพราะเป็นธรรมชาติของจิตในคน ที่ต้องมีความคิด การปล่อยความคิดให้เกิด แล้วเราไปหยุดมันดังที่ข้อ 1 ให้ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ เพราะความคิดมันเกิด แล้วต่อมาเรารู้ตัวว่าความคิดมันเกิด มันจะเป็นประสบการณ์สะสมทางจิตที่ดี การไปกดข่มความคิดไม่ให้เกิด ท่านจะไม่มีประสบการณ์ความคิดเกิด
พอความคิดเกิด แล้วต่อมาท่านรู้ตัว แรก ๆ ท่านจะหลงคิดไปนานกว่าจะรุ้ตัว
แต่เมื่อท่านมีประสบการณ์ที่ความคิดเกิด แล้วท่านหยุดมัน เกิดแล้วหยุด ไปมาก ๆ ต่อไปท่านจะค่อย ๆ หลงไปคิดสั้นลงไปเรื่อย ๆ เอง ท่านต้องฝึกด้วยวิธีนี้ในการลดเวลาที่หลงคิดไป
>>>จิตยิ่งคิด เมื่อท่านรู้ ท่านจะยิ่งชำนาญขึ้นในอนาคต <<<<

B.เมื่อ.จิตรู้ของท่านเกิดแล้ว ผมแนะนำดังนี้
B1. เมื่อจิตรู้ของท่านเกิด ท่านจะเห็นความคิดได้ แต่ว่า เมื่อจิตรู้ของท่านเกิดใหม่ ๆ ยังไม่มีกำลัง ความคิดจะดึงจิตรู้เข้าไปรวมด้วย ทำให้ท่านหลงไปคิดได้ และจิตรู้จะสลายไปเพราะความคิดดึงจิตรู้ไป เมื่อรู้สึกตัว ขอให้ท่านหยุดความคิดนั้นเช่นเดียวกับข้อ A1
B2. เมื่อจิตรู้ท่านเกิดและจิตรู้มีกำลังแล้ว จิตรู้จะเห็นความคิดได้ และความคิดจะไม่สามารถดึงจิตรู้ให้เข้าไปรวมได้ จิตรู้จะเห็นความคิด โดยมี 2 ลักษณะคือ
B2.1 จิตรู้เห็นความคิดแล้ว ความคิดดับไป จิตรู้เห็นไตรลักษณ์ของความคิด เรื่องนี้แสดงว่า จิตรู้มีกำลังเหนือความคิด การที่จิตรู้เห็นไตรลักษณ์ของความคิด จะเป็นการสะสมปัญญาไว้ในจิต เพื่อรอการรู้พรวดขึ้นมาในอนาคตว่า อันว่าความคิดคือไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีตัวตน
B2.2 จิตรู้เห็นความคิด แล้วความคิดไม่ดับไป
วิธีการจัดการกับแบบนี้มี 2 วิธีที่มีสอนกันในวงการการปฏิบัติ
คือ สอนแบบที่ 1 ให้หยุดความคิดทันที สอนแบบที่ 2 ปล่อยให้มันคิดไป แล้วค่อยตามรู้ความคิดไป
แต่ผมจะแนะนำให้ท่านอีกแบบ คือ ให้ท่านพิจารณาว่า ความคิดนั้นมันเป็นประโยชน์ต่อท่าน เช่นจิตมันคิดเรื่องงานทางโลก หรือ ว่า จิตกำลังคิดพิจารณาธรรม ท่านควรปล่อยให้มันคิด และตามรู้ความคิดไป (แต่อย่าเข้าไปในความคิด ) แต่ถ้าจิตมันคิดเรื่องไร้สาระ ท่านควรจะหยุดมันทันที โดยวิธีการที่เขียนไว้ในข้อ A1

......
ความคิด มันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ถ้าจัดการให้เป็น และเป็นโทษ ถ้าจัดการไม่เป็น ในการปฏิบัติ เราต้องปล่อยให้มันคิด เพื่อให้จิตรู้ เห็นความคิดให้มาก ๆ เห็นความคิดมันเป็นไตรลักษณ์ (ข้อ B2.1 ) แล้วท่านจะเกิดปัญญาตามมา
การปฏิบัติไม่ได้ทำอะไรที่ให้มันผิดธรรมชาติของความเป็นคนที่ยังมีชิวิตอยู่ เราต้องเข้าไปดู เข้าไปเห็นความเป็นธรรมชาติ แล้วท่านจะได้ปัญญาอย่างแน่นอน



Create Date : 05 มิถุนายน 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:48:22 น. 5 comments
Counter : 970 Pageviews.

 

ปัญหาหลักๆของผู้ฝึกหน้าใหม่เลย
ถึงแม้เราจะหน้าเก่าแต่ยังคงแก้ปัญหาเรื่องความคิดที่จัดการยากตัวดี เผลอเป็นไม่ได้ เล่นงานเราทุกที
แต่ตอนนี้ไม่สนใจมันอีกแล้ว หากเผลอคิดไป สติมาก็ไม่เครียดแล้วค่ะ.....


โดย: 12ปันนา IP: 58.9.72.4 วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:17:50:14 น.  

 
สวัสดีค่ะ

คนเราเป็นทุกข์เพราะความคิดมากที่สุด อย่างที่บอกคือเป็นคนคิดมาก ตกอยู่ในความคิดตลอด เผลอๆ จิตมันก็จะปรุงและก็คิดๆ

ตามที่คุณนมสิการแนะนำมา ดิฉันทำมาแบบ A1 ค่ะ พอได้อ่านก็รู้ได้ว่าใช่แหละ..ฉันทำแบบนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้มาฝึกดูกาย มันคิดไปมันก็ไหลไปเรื่อยๆ รู้บ้าง เผลอบ้าง พอหัดมารู้สึกที่กาย ก็เลยหัดที่จะรู้ว่าคิด แล้วหันไปรู้ที่กายแทนน่ะค่ะ ก็เข้าล๊อค A1 เป๊ะเลย



โดย: kaoim IP: 58.10.90.198 วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:19:43:09 น.  

 
ดีแล้วครับ คุณ12ปันนา คุณ kaoim
ฝึกรู้กายต่อไปให้มันแน่นขึ้นครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:0:04:13 น.  

 
ถ้ากายคือบ้านเช่า...ให้จิตได้มาอาศัยอย่างมีระยะเวลา..กายดับ...จิตก็แยก...ฝึกให้รู้ตามความเป็นจริงอย่างนี้เป็นประจำ...จิตจะคลาย...อุปาทานความยึดมั่น..ถือมั่นในตัวตน(เช่น..ความเป็นนั่น..เป็นนี่..กับคนนั้น..กับสิ่งนั้น..สิ่งนี้..)ในคน..ในทรัพย์..ซึ่งล้วนแล้วเป็นสิ่ง...เกิด..ดับ..เช่นเดียวกับเรา ฝึกรู้..เห็น..ตามความจริง...จิตจะเกิดปัญญาละวาง...รวมทั้งอารมณ์กรรมในใจ...เช่นความชอบ..ไม่ชอบ พอใจ..ไม่พอใจ กับคำพูด จริยา..อาการของคนอื่นจะไม่ทำให้เราทุกข์ได้เลย เพราะนั่นมันเป็น..ปกติ..ของเขา...รู้ให้ทัน...ฝึกกับทุกอย่างที่เจอ...ลองดูนะคะ


โดย: ว่าง IP: 222.123.213.9 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:9:28:18 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:47:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.