รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
กายานุปัสสนา ทิ้งไม่ได้เลย ถ้าฐานไม่มั่นคง

ความสำคัญของกายานุปัสสนา ไม่ใช่อยู่ที่เป็นหมวดแรกของสติปัฏฐาน 4 แต่อยู่ที่รากฐานความมั่นคงของการฝึกสติสัมปชัญญะสำหรับผู้ปฏิบัติที่มาฝีกใหม่ หรือ ผู้ปฏิบัติเก่าแต่สติสัมปชัญญะง่อนแง่นเหมือนฟันผุจะหลุดออกจากเหงือกแล้ว

จิตที่พร้อมสำหรับการเจริญวิปัสสนา คือ จิตที่เป็นสัมมาสมาธิตั่งมั่นอยู่
ถ้าใครที่จิตยังไม่ตั้งมั่นพอ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน นี้คือกุญแจที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน

ถ้าเราเข้าไปอ่านดูในพระไตรปิฏกในหมวดกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน จะเห็นว่ามีหลายหมู่ ( ตามตำราเรียกกันว่า "บรรพ" ) ผู้ปฏิบัติที่มีปัญญาสมควรเลือกใช้ให้ถูกต้องกับสภาพจิตของตนว่า ในขณะนี้ จิตเราเป็นอย่างนี้ สมควรใช้บรรพใหนในการเจริญสติปัฏฐาน เรื่องการเลือกบรรพ เปรียบเหมือนการเลือกยา ไม่มียาที่ดีสำหรับทุกข์โรค แต่ผู้กินยาต้องรู้อาการแล้วฉลาดในการเลือกยาให้ถูกกับโรคที่เป็นอยู่

ในบทความนี้ ผมจะไม่บอกว่า บรรพใหนดีอย่างไร เพราะทุกบรรพดีหมดสำหรับสภาวะจิตแบบหนึ่ง ๆ บ้างก็อ้างตำราว่า อาณาปานสติ ดีที่สุดที่พระพุทธองค์ทรงยกย่อง แต่อาณาปานสติ ไม่ใช่ของง่ายสำหรับผู้ฝึกใหม่ ถ้าท่านเป็นผู้ฝึกใหม่และไม่มีครูอาจารบ์ที่รู้จริงแนะนำสั่งสอนอาณาปานสติ ผมแนะนำว่า อย่าได้เริ่มด้วยบรรพนี้ เพราะท่านจะปฏิบัติผิดอย่างแน่นอน กลายเป็นอาณาปานไร้สติ เสียเวลาเปล่า และท้อแท้ หมดกำลังใจไปได้

สำหรับผู้ที่กำลังอกหักรักครุดเสียใจกับความรัก คงหนีไม่พ้น หมวดอสุภกรรมฐาน หรือ ความไม่งดงามแห่งกาย มองเข้าไป แล้วอาจทำให้หายอกหักได้

แต่สำหรับคนปรกติที่มาใหม่ กำลังของสติสัมปชัญญะยังอ่อนนัก แถมไร้อาจารย์ที่รู้จริงเป็นผุ้ฝึกสอน ผมก็ขอแนะนำให้เข้าหาสำนักสอนที่มีอยู่หลายแห่งในประเทศไทย ซึ่งแต่ละสำนักก็จะมีดีกันคนละอย่าง
ผมจะไม่ขอเอ่ยอ้างสำนักใดเป็นพิเศษ แล้วแต่วาสนาของท่านในเรื่องนี้ ถ้าท่านไปพบสำนักดี เข้ากับจริตของตนได้ ก็จะไปได้ดี ถ้าท่านเผอิญไปพบสำนักที่ไม่เข้ากับจริตของตน ก็คงต้องวนเวียนหาเอาใหม่ให้เหมาะกับจริตต่อไป

ปัจจุบัน วิชาดูจิต กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย
แต่ถ้าท่านยังไม่มีกำลังพอในสติสัมปชัญญะ ท่านจะล้มเหลวไม่เป็นท่าในการดูจิต เพราะกิเลสที่เกิดในจิตจะดึงท่านเข้าไปคลุกอยู่กับมัน ทำให้ท่านหลง ท่านโกรธ ท่านโลภ ไปกับมันด้วย
ทางเดียวก็คือ ท่านต้องกลับมาที่กายานุปัสสนาสติปัฏฐานก่อน ให้ฐานมันแน่น มันแกร่ง จนกำลังของจิตตสังขารดึงจิตท่านเข้าไปคลุกไม่ได้นั่นแหละ ท่านจึงจะใช้วิชาดูจิตอย่างได้ผล

ขอสรุปสรรพคุณกายานุปัสสนาสติปัฏฐานไว้สั้น ๆ สำหรับผู้มาฝึกใหม่ดังนี้
1 ไว้เป็นสมถกรรมฐาน แก้อาการจิตตก จิตไม่ผ่องใส
2 ไว้เป็นสมถกรรมฐาน สำหรับเพิ่มกำลังแห่งสติสัมปชัญญะ

นักมวยไม่หมั่นฝึกซ้อม ย่อมถูกน๊อคคาเวทีฉันใด
นักปฏิบัติไม่หมั่นเจริญกายานุปัสสนา ก็จะถูกกิเลสน๊อคได้ฉันนั้น เช่นกัน

แนะนำอ่าน มหาสติปัฏฐานสูตรในพระไตรปิฏกได้ที่นี่
//www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=6257&Z=6764&pagebreak=0





Create Date : 24 พฤษภาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:53:39 น. 8 comments
Counter : 2848 Pageviews.

 
ถูกต้อง

จึงเรียกว่า "สติปัฏฐาน" งัย

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:50:55 น.  

 
พูดได้มดีมากๆๆเลยแนะนำที่เป็นกลางดี


โดย: เม่น IP: 81.154.5.19 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:32:22 น.  

 
อาตมาเป็นพระอยู่ต่างประเทศได้อ่านของคุณก๊อกน้ำแล้วดีมากๆเลยอ่านทั้งหมด เพราะว่าเพิ่งอ่านครั้งแรก ขออนุญาติที่จะเผยแผ่ ด้วยคงได้ รบกวนช่วยบอกด้วย เพราะจะได้copy เพราะว่าทุกวันนี้ฆาราวาสทำได้ดีมีเยอะมาก บางครั้งเป็นพระก็ประมาทมาก คุณก๊อกน้ำพูดได้ตรงทีเดียว พระส่วนมากไม่ยอมรับการฟังธรรมจากฆาราวาสเท่าไรเพราะทิฐิมานะเยอะ เห็นของใครดีก็อยากจะเผยแผ่ถ้าอ่านแล้วเข้าใจง่าย เอาอาตมาเป็นเกณฑ์เพราะว่ากิเลสเยอะมาก ไม่น้อยกว่าใครในโลกนี้ เจริญพร ถ้ามี e-mail ก็บอกให้ด้วยเผื่อมีอะไรได้คุย เผื่อบอกพระที่พอจะคุยด้วยได้เพื่อเป็นธรรมทาน


โดย: พระ IP: 81.154.5.19 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:55:35 น.  

 
นมัสการพระอาจารย์ พระ IP: 81.154.5.19

กระผมยังเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตนที่เดินทางในสายมรรคอยู่ ยังต้องปฏิบัติอีกมาก ความรู้ทางปริยัติก็ยังไม่มี รู้แต่การปฏิบัติธรรมบ้างเล็กน้อย จึงนำสิ่งที่รู้มาเขียนไว้ เพราะคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับนักปฏิบัติใหม่ ๆ ที่เข้ามาอ่านครับ
ขอบคุณพระอาจารย์ที่เข้ามาติชมครับ




โดย: นมสิการ วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:56:37 น.  

 
ผู้ปฏิบัติเก่าแต่สติสัมปชัญญะง่อนแง่นเหมือนฟันผุจะหลุดออกจากเหงือกแล้ว

เป็นจริงตามนี้เลยค่ะ


โดย: ผู้ปฏิบัติเก่า (12ปันนา ) วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:30:49 น.  

 
ขอบคุณครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ เคยผ่านการบริกรรมภาวนา
ตามดูลมหายใจ พองยุบ ดูกายเคลื่อนไหว ดูอสุภะ มาวันนี้ตอนนี้หลังสวดมนต์ จะนั่งบริกรรมไปแบบรู้สึกกายไปด้วย บางทีลมหายใจเด่น ผมก็ตามไปดูลมหายใจ พอรู้เหมือนจะง่วงผมจะออกจากการนั่งมาเดินจะหลับไม่ไหว ก็จะนอนดูลมหายใจที่ปลายจมูก พอไม่รู้ตัวเองว่าแบบไหนเหมาะกับผม เวลาทำงานประจำวันก็ดูกายบ้าง ดูจิตบ้าง เพราะเปลี่ยนไปมา เลยไปไม่ถูกทางหรือป่าวครับ


โดย: bigsun IP: 125.27.67.238 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:11:14 น.  

 
เรียน คุณ bigsun IP: 125.27.67.238
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมพบว่า คนใหม่ ๆ ที่เข้ามาปฏิบัตินั้นจะมีปัญหาเหมือนคุณ bigsun กันเป็นส่วนมาก ผมเองก็เคยเป็นอย่างคุณเช่นกันเมื่อปฏิบัติใหม่ๆ แต่เมื่อผมปฏิบัติไปมาก ๆ แล้ว ผมพบว่า การปฏิบัติวิธีการต่าง ๆ นั้นไม่ใช่จุดสำคัญเลย ไม่ว่าจะบริกรรมภาวนา จะเดินจงกรม จะดูลมหายใจ จะดูกาย จะดูเวทนา จะดูจิต นี่เป็นเพียงวิธีการเท่านั้น แต่ถ้าการปฏิบัติทุกวิธีการนั้น ถ้าประกอบพร้อมด้วย สติและสัมปชัญญะ แล้ว ใช้ได้ทั้งหมดทุกวิธีครับ
ทุกวันนี้ ผมก็ปฏิบัติด้วยการรักษาไว้ซึ่ง สติสัมปชัญญะ เป็นหลักสำคัญ ส่วนรุปแบบภายนอกก็จะมีหลากหลายไปตามแต่สถานการณ์ที่แวดล้อมอยู่ เช่น ถ้าเราอยู่ในที่ชุมชน แล้วเราไปเดินจงกรม กลับไปกลับมา เขาก็จะหาว่า เราเสียสติ อย่างนี้ เราก็ไม่ควรเดินจงกรม แต่อาจใช้วิธีการอื่นที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม
ถ้าผมนั่งรถอยู่ รถมันจะสั่นสะเทือน ผมก็รู้ความรู้สึกของกายที่มันสั่นสะเทือน กายที่โดนลมพัดเข้ามาทางกระจกรถ เป็นต้น
ต่อเมื่อ เราปฏิบัติด้วยสติสัมปชัญญะอยู่เนือง ๆ ก็จะเป็นการเพิ่มกำลังของสติสัมปชัญญะให้กล้าแข็งและตั้งมั่นขึ้นเอง อย่าได้กังวลกับวิธีการปฏิบัติ นั้นเป็นเพียงรูปแบบครับ
คุณชอบรูปแบบอย่างไร ก็ปฏิบัติไปอย่างนั้นแต่ให้มีสติสัมปชัญญะประกอบ พอเบื่อแบบหนึ่ง จะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งก็ได้ครับ
ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านและสนทนาการปฏิบัติกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:03:45 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:54:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.