รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
คุณมีเพื่อนหรือเปล่า

ถ้ามีคนมาถามคุณว่า คุณมีเพื่อนหรือเปล่า คนจะเริ่มนึกถึงเพื่อนทันที และตอบไปว่า มีครับ มีค่ะ

แต่ถ้าคุณลองพิจารณาดูให้ดี ๆ ถ้าคุณไม่นึกถึงเพื่อนคุณ คุณมีเพื่อนหรือไม่

เวลาคุณกำลังมีความสุขกับการชมภาพยนต์ที่ชื่นชอบ ในสมองคุณจะไม่มีเพื่อน หรือ ไม่มีอะไรอยู่เลย นอกจากเรื่องราวของภาพยนต์ที่คุณกำลังติดตามชมอยู่ แต่เมื่อภาพยนต์จบลง เมื่อคุณไม่นึกถึงมัน ภาพยนต์ก็จะหายไปจากสมองของคุณทันที

คุณที่เข้ามาอ่านอาจจะงง ว่าผมกำลังจะเขียนอะไรใน blog นี้ กำลังจะเสื่อถึงอะไร

ผมกำลังจะบอกว่า สรรพสิ่งมีเมื่อนึกถึงมัน สรรพสิ่งไม่มีเมื่อไม่นึกถึงมัน

เมื่อคุณฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จนได้ผล จิตรู้ เกิด และเห็นความคิดมันโผล่ขึ้นมา แล้วก็หยุดหายไปบ่อย ๆ คุณจะเข้าใจในธรรมชาติของความคิด

ทุกข์มันเชื่อมโยงตรงนี้ครับ คนที่ไม่เคยฝึกฝนไม่เคยเห็นความคิดตนเอง ก็เลยไม่เข้าใจธรรมชาติของความคิด เมื่อไม่เข้าใจธรรมชาติของความคิด เมื่อความคิดที่เป็นทุกข์เกิดขึ้น เขาก็จะเข้าใจว่า ความทุกข์นี่เกิดขึ้นและมีอยู่จริง ๆ นะซิ เขาจึงพลอยทุกข์ไปกะมันด้วย

ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ผมจำไม่ได้ว่า เล่มไหน ท่านที่เขียนไว้ดีมาก ผมนำมาพูดกับคนอื่นเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม ท่านเขียนไว้ว่า

เมื่อมีคนเขาด่าคุณ ให้รีบเอากระดาษ หรือ ผ้าเช็ดหน้าก็ได้ออกมา แล้วรีบห่อคำด่านั้นไว้ มัดให้ดี อย่าให้มันหนีไปได้ เมื่อเวลาผ่านไปสัก 5 นาที ให้เปิดสิ่งที่ห่อไว้ออกมาดูคำด่านั้นว่ามีหน้าตาอย่างไร ท่านเห็นหน้าตาคำด่านั้นไหม ถ้าไม่เห็น ก็แสดงว่า มันไม่มีคำด่า ใช่ใหม

ผู้ไม่ได้ฝึกฝน จะไม่เข้าใจในสิ่งนี้ เมื่อโดนด่า ก็จะนำไปเก็บไว้ในความจำ และก็นึก นึก นึก ถึงมันอยู่เสมอ เมื่อนึกถึง มันก็มีครับ เมื่อมีและไม่เข้าใจก็เป็นทุกข์ครับ

การปฏิบัติธรรมไม่ต้องไปไกลถึงในสิ่งที่ไม่เข้าใจ เช่น นิพพาน เป็นอย่างไร หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นเมืองหรือเปล่า เป็นต้น เอาสิ่งที่อยู่ใน ตัวคุณนี่แหละ มองให้ออก มองให้เห็น มองให้เข้าใจ แล้วทุกข์จะลดลงไปด้วยปัญญา

สรรพสิ่งมีเมื่อคิดครับ เมื่อคุณอ่านเรื่องใน blog นี้จบลง คุณตอบได้ไหม คุณมีเพื่อนหรือเปล่า

หมายเหตุ บทความนี้เป็นเรื่องของปัญญา อาจอ่านแล้วงง ๆ และอาจยากที่จะเข้าใจได้


Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:07:01 น. 22 comments
Counter : 1463 Pageviews.

 
ขอบคุณที่ให้คำแนะนำคะ


โดย: tempopo วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:7:51:10 น.  

 
สรรพสิ่งมีเมื่อคิด

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

มีผู้กล่าวว่า

"สรรพสิ่งล้วนก่อขึ้นมาจากจิต
ทุกเรื่องราวก็ล้วนเป็นเพราะจิตสร้างขึ้นมา"

จึงชอบที่จะเรียนรู้เรื่องของจิตมากๆ


โดย: บัว IP: 118.174.44.54 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:51:15 น.  

 
ขออนุโมทนาครับ..

บัญญัติเหมือนเงาของปรมัตถ์..แน่นอน..เงาก็คือเงาซึ่งไม่ใช่ตัวจริง..


โดย: palmgang IP: 119.42.71.30 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:11:21:32 น.  

 
อ่านทีแรกแอบงง

อ่านไปอ่านมาคิดว่าเข้าใจนะ

เมื่อมันมีอยู่ทำให้คิด แต่เมื่อไม่คิดก็ไม่มีมัน

แต่ถ้ามันมีอยู่เราไม่คิดก็ไม่มี

เออ เราเรียน V.to มี กันอยู่รึเปล่าเนี่ย


โดย: Kra_tai (stardift ) วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:13:50:13 น.  

 
จิตตื่นรู้ของท่าน นมสิการ เป็นจิตแบบผู้มี สติและปัญญา ที่ละเอียดยิ่งยวด ขอรบกวนถาม ที่จักรมงกุฏกลางกระหม่อมรู้สึกอย่างไรบ้างถ้านำจิตรู้ไปสู่จุดนั้น ขอบคุณมากครับ


โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:17:00:49 น.  

 
มีไม่มี นั้นเป้นธรรมที่ล้ำลึก
"มี ไม่มี"
"ไม่มี มี"

*****


โดย: ฟหกด IP: 115.67.173.192 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:17:35:06 น.  

 
ตอบคุณ ตามพันธสัญญา

เมื่อตอนจิตรู้เป็นดวง ความรู้สึกที่กลางกระหม่อมจะซ่า ๆ รู้สึกได้ถึงพลังงาน และบางครั้ง รู้สึกเหมือนมีอะไรจะทะลุออกมาจากกลางกระหม่อม แต่ไม่เป็นตลอดเวลา เป็นบางเวลาเท่านั้น

แต่ตอนนี้ จิตรู้ มันแตกกระจายออกไม่เป็นดวง ไม่รู้สึกอะไรเลยที่กลางกระหม่อม เหมือน ไม่มีกลางกระหม่อมอยู่เลย


โดย: นมสิการ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:18:02:34 น.  

 
เมื่อมีคนเขาด่าคุณ ให้รีบเอากระดาษ หรือ ผ้าเช็ดหน้าก็ได้ออกมา แล้วรีบห่อคำด่านั้นไว้ มัดให้ดี อย่าให้มันหนีไปได้ เมื่อเวลาผ่านไปสัก 5 นาที ให้เปิดสิ่งที่ห่อไว้ออกมาดูคำด่านั้นว่ามีหน้าตาอย่างไร ท่านเห็นหน้าตาคำด่านั้นไหม ถ้าไม่เห็น ก็แสดงว่า มันไม่มีคำด่า ใช่ใหม.........


ประโยคข้างบน ทำให้นึกถึงแม่ชีท่านนึงท่านสอนไว้ค่ะ ท่านบอกว่า หลวงปู่กินรี จันทิโยเคยสอนไว้ว่า เวลาที่เป็นทุกข์เพราะคำพูด หรือการกระทำของคนอื่นที่มาทำใส่ตน ให้ผูกปมที่สไบ นึกถึงเมื่อไหร่เกิดความทุกข์ ความเศร้าก็ผูกไว้อีกปม พอตอนเย็นก็เอามาคลายทีละปมว่า มันเหลืออะไรไหม มันมีอะไรในนั้นไหม

:)


โดย: kaoim IP: 119.31.126.141 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:19:58:25 น.  

 
ทักทายครับ


โดย: อเสวนา วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:20:55:12 น.  

 


โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:21:32:59 น.  

 
แสดงถึงว่า จักร มงกุฏ (จักรแห่งพุทธปัญญา)ได้ถูกเปิดขึ้นแล้วและทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จึงรู้ทันและแยกออกจากความคิดได้ ขอถามอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะรับรู้ถึงจิตรู้ มีอาการเจ็บแปลบที่หัวใจหรือเปล่าครับหรือไม่ก็มีอาการวูบเหมือนเป็นลมหรือเปล่าครับ ขออนุโมธนาในบุญบารมีที่ท่านได้ทำแล้วด้วยความเคารพยิ่ง และเช่นกัน ด้วยบุญบารมีที่เราได้ทำแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันส่งผลให้กับเราเช่นใด ขอให้ท่านได้รับผลแห่งบุญนั้นเช่นเดียวกันทุกประการเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมธนามิ


โดย: ต IP: 119.46.43.78 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:54:12 น.  

 
อ่านที่คุณนมสิการ ตอบคุณตามพันธสัญญา แล้วนึกถึงตัวเอง

ฝึกสติมา 6 เดือนแล้วค่ะ อาทิตย์นี้เหมือนใจจะตั้งมั่นดี เห็นความคิดลอยไปลอยมา ไม่อินลงไปเท่าไหร่ ที่หัวรู้สึกเย็นๆโปร่งๆ เหมือนมีวงกลมๆ ขนาดสักเหรียญ 10 (จากความรู้สึก) ที่กลางหัวค่อนไปทางซ้ายนิดๆ จะชอบเย็นๆวูบๆตรงนั้น ไม่แน่ใจว่าอย่างนี้เรียกว่ามีลมออกหรือเปล่า หลังๆ เวลาเจริญสติ+นั่งสมาธิ มันจะเย็นไปทั้งตัวเลย ตอนแรกๆก็แค่ตรงหน้าอกกะกลางตัว หลังๆนี่เย็นตั้งแต่หัวไปจนถึงปลายมือปลายเท้าก็มี....ก็แปลกดีค่้ะ

เรื่องความคิดเห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ ว่าเราทุกข์เพราะความคิด โกรธ เศร้า ดีใจ เสียใจ อะไรๆ ก็เพราะคิดปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ พอจมกับความคิดน้อยลง ความทุกข์มันก็น้อยลงไปด้วย



โดย: abyss IP: 10.20.44.28, 202.44.210.31 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:9:58:59 น.  

 
"ทุกสิ่งมีแต่จิตไปรับรู้ทั้งนั้น" ประมาณนี้ล่ะครับ เป็นคำกล่าวของฮวงโป


โดย: virut IP: 172.16.21.104, 119.46.99.2 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:10:23:51 น.  

 
ตอบคุณ ต IP: 119.46.43.78
ที่คุณถามมานั้น ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะตอนนี้ รู้สึกได้ว่า ร่างกาย นี้มันทรมานเหลือเกิน เจ็บโน่น ปวดนี้ ไปทั้งตัว ปวดทั้งภายในร่างกายก็มี เจ็บหัวใจก็มี ปวดลำไส้ก็มี ปวดบริเวณไต ก็มี ปวดกระดูก ก็มีแต่ทั้งหมด มันจะเป็น ๆ หาย ๆ ไม่ได้เป็นประจำตลอดเวลา แต่ไม่เคยเป็นลมเลยครับ
เวลานอนเหมือนกัน ตอนนี้ หลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน เหมือนไม่ได้นอนเลย ถ้านับชั่วโมงนอนจริง ๆ ก็คงได้สัก 4 ชั่วโมงกระมัง ที่นอนไม่ได้ เพราะมันตื่น และ ร่างกาย มันปวดเมื่อยไปหมดครับ ทั้ง ๆ ผมก็ไม่ได้ทำงานหนักหนาอะไรเลย

อย่างนี้กระมัง ที่ครูอาจารย์เรียกว่า ร่างกาย 5 มันเป็นทุกข์


โดย: นมสิการ วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:12:29:09 น.  

 
ตามอาการที่ คุณ นมสิการ เป็นนั้นแสดงถึงการปรับสมดุลของร่างกายใหม่เพื่อกลับไปสู่ความเป็นเด็กก่อนที่จะมีอารมณ์เพศ เกิดขึ้น คือการตัดกามนั้นเอง (ตอนเป็นเด็กเราไม่มีความต้องการทางเพศ ก็มีชีวิตอยู่ตามแบบนั้นได้)จะปวดเมื่อยและทรมานมากโดยเฉพาะตอนตื่นนอนใหม่ๆ มันจะเป็นเช่นนั้นเอง นี่คือการ ดูเวทนาในเวทนาที่แท้จริง ไม่ใช่เวทนาจากการนั่งเป็นเหน็บชาปวดเมื่อย และคุณ นมสิการ เคยมีการรู้สึกถึงอาการลมฟู่ๆหรือการเต้นตึบๆที่จักรกลางฝ่ามือหรือเปล่าครับ มีอาการปวดมือและกระดูกนิ้วมือข้างซ้ายด้วยหรือเปล่า ขอบคุณที่ช่วยตอบข้อสงสัยและขอยินดีกับคุณ abyss ด้วยครับแสดงถึง จักรมงกุฏได้ถูกเปิดทำงานแล้ว ถ้าหลับตาแล้วนึกถึงที่จุดนั้นจะสามารถทำให้เย็นซ่าได้ทั้งตัว ขออนุโมธนาด้วยความยินดียิ่ง และขออวยพรให้ทุกๆท่านได้มีสติปัญญาเห็นธรรมโดยเร็ววันเทอญ


โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:15:59:48 น.  

 
กลางฝ่ามือซ้ายจะรู้สึกถึงมีพลังงานซ่า ๆ อยู่
ยิ่งถ้าแกว่งแขน หรือขยับแขน พลังงานนี้จะแรงมาก
เป็นดวงขึ้นมา
แต่มือขวาจะน้อยกว่ามือซ้ายมาก

อีกหน่อย ผมคงปล่อยพลังคลื่นเต่าจากฝ่ามือแบบหบังดาก้อนบอลล์ได้มั้ง


โดย: นมสิการ วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:1:07:58 น.  

 
555++++..งั้นผมก็ปล่อยได้เช่นกัน เมื่อล้างกามได้มากขึ้นจักรฝ่ามือขวาก็จะทำงานมากขึ้นตามมาเอง... .....
พุทธะทายาทย่อมเป็นพุทธะทายาท
สัจจะย่อมเป็นสัจจะเสมอ
ปรอทรวมตัวกันเองได้ฉันใด
จิตบริสุทธิ์ย่อมรวมตัวกับจิตบริสุทธิ์ได้ฉันนั้น.....
ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป เมื่อถึงเวลาคงได้พบกัน เราคงติดตามอ่านอยู่เสมอ ขอบคุณสำหรับเนื้อหาบทความต่างๆ
ด้วย จิต น้อมคารวะ


โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:9:51:15 น.  

 
ข้าพเจ้าได้อ่านที่คุณตามพันธสัญญาเขียน(ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:15:59:48 น.) เลยอยากขอความกระจ่างหน่อย ไม่กล้าจะถามใคร(มีอารมณ์เพศ เกิดขึ้น คือการตัดกามนั้นเอง) ขอรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยครับ


โดย: ชีวิตเปลี่ยน IP: 118.172.243.147 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:50:58 น.  

 
เรื่องนี้ผมขอนำเอาความเห็นส่วนตัวมาเขียน กรุณาอ่านด้วยวิจารณญาณ

ถ้าท่านป็นนักปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ ถ้าอารมณ์เพศเกิด
ขอให้สังเกตการเกิดของอารมณ์นั้น ๆ ไว้ตอนมันเกิดครับ
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม
สมมุติว่า ท่านดูหนัง X แล้วเกิดอารมณ์ขี้นมา ให้ท่านสังเกตอารมณ์ตนเองว่า มันเกิดอย่างไร พอมันเกิดแล้ว ทีนี้ท่านต้องหยุดดูชั่วคราวก่อน แล้วหันไปทำงานอะไรก็ได้ เช่นการทำงานบ้าน การออกกำลังกาย พออารมณ์เพศหายไปแล้ว ให้ท่านกลับมาดูหนังอีก ให้สังเกตจิตใจอีกว่า อารมณ์มันเกิดอย่างไร แล้วก็หยุดมัน แล้วก็ปลุกมัน แล้วก็หยุดมัน ให้ปฏิบัติอย่างนี้ สลับไปมาอย่างนี้
แต่ว่า พอมันเกิดแล้ว ก็อย่าไป.อิน.กะมันนาน รีบหยุดมันแล้วไปทำอย่างอื่นโดยเร็ว

การฝึกแบบนี้ จะเป็นจิตตนุปัสสนาสติปัฏฐานครับ
เมื่อท่านหมั่นสังเกตมันบ่อย ๆ ก็จะเป็นการเพิมสัมมาสติ สัมมาสมาธิได้เหมือนกัน

ถ้าท่านฝึกจนเห็นอารมณ์ในขณะทีเกิดได้แล้ว ต่อไปพอมันเกิดอีก ท่านจะเห็นมัน แล้วมันก็จะหยุดไปเองครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:38:43 น.  

 
ขอบคุณ คุณนมสิการ
แต่ ก็ยังไม่กระจ่างในคำตอบสักเท่าไหร่ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้ คืออาการตอนนี้(ไม่รู้จะเล่าถามยังไงที่จะทำให้เข้าใจตรงกัน ผู้อื่นอ่านก็จะได้ไม่เข้าใจผิด) ประมาณว่า ช่วงนี้ปฏิบัติแล้วจะเกิดมีอารมย์รักใคร่ อารมย์เพศอย่างมากบ่อยครั้งตลอดเวลา(ไม่ใช่ว่าจะคิดไปทำอะไรมีอะไรกับใคร คล้ายจะเหมือนดูทีวีดูละครเป็นเรื่องๆของฉากรักโรแมนติก) ต่อมายิ่งหนักกว่านั้นขึ้นไปอีกคืออย่างวันนี้ปฏิบัติ วันต่อมาทำงานหนัก 24 ชม.แต่ในจิตใจมีอารมย์รัก อารมย์เพศตลอดเวลาเหมือนโต้เถียงกันอยู่ในใจตลอดแม้จะทำงานไปด้วย รู้ว่าทำงานด้วย รู้ว่าโต้แย้งกับอารมย์เพศไปด้วย มันเป็นของมันไปเองอยู่ตลอด หยุดไม่ได้ แล้วก็เป็นอยู่ตอนนี้มานานพอสมควรแล้ว จะมีอาการมากหลังจากปฏิบัติ ซึ่งไม่รู้จะแก้ยังไง ก่อนหน้านี้ที่ปฏิบัติผ่านๆมาอย่างเช่นอาการโกรธเป็นต้น มันก็ขาดสบั้นไปไม่ได้มากวนใจอยู่ในจิตใจ หรือแก้ไม่ตกนานขนาดนี้ แล้วปกติแล้วในชีวิตประจำวันทั้งที่ก่อนหน้าจะมาสู่ทางนี้ไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับอารมย์อย่างนี้มาก่อน หากมีข้อมูลดีๆ ช่วยให้ความกระจ่างด้วย หากไม่เข้าใจที่เล่ากรุณาถามมาใหม่ได้จะได้ไม่เกิดการเข้าใจผิด แต่จะเล่าอธิบายอาการที่ประสบอยู่ให้เหมือน ก็คงไม่เหมือนนัก เพราะไม่รู้จะใช้คำภาษายังไงแทนอาการ ความรู้สึก การรับรู้ของจิตใจตอนนี้


โดย: ชีวิตเปลี่ยน IP: 118.174.46.113 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:31:31 น.  

 
ผมตอบให้แล้วครับ ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=11-2009&date=07&group=5&gblog=15


โดย: นมสิการ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:5:25:06 น.  

 
ขอบคุณ คุณนมสิการ มากๆจ๊ะ
หากมีปัญหาอะไรข้องใจจะมารบกวนอีกจ๊ะ


โดย: ชีวิตเปลี่ยน IP: 118.172.243.113 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:02:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.